นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 67
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 67
ในห้องที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ดำ
มีคนกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ
ชายวัยกลางคนที่มีผมสีเงินยาวระยิบระยับเหมือนทุ่งหิมะกำลังเขียนสัญลักษณ์บางอย่างลงบนหนังสือที่ว่างเปล่า
หลังจากนั้นไม่นานสัญลักษณ์ลึกลับที่เขาวาดหายไป กลายเป็นหนังสือที่ไม่มีข้อความอีกครั้ง
เขายังคงวาดสัญลักษณ์ต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
จากนั้นเขาก็หยดเลือดจากแผลบนมือขวาของตัวเองลงไปบนหน้าหนังสือ
ชายวัยกลางคนหยุดมือ จ้องมองรอยเลือดสีแดงบนหน้ากระดาษ
“เฮอะ”
นักบุญดาบนภาและอดีตผู้ปกครองทิศใต้ เดรุส โรเบิร์ต
'มันไม่ดูดีขึ้นเลย’
รอยดาบบนฝ่ามือที่เขาได้รับมาจากการต่อสู้กับราอน มันไม่เคยหายไปเลย
เขาทั้งใช้ยาอมฤตระดับสูง ให้หมอและนักบวชที่มีชื่อเสียงหลายคนมารักษา แต่ไม่มีใครสามารถลบรอยแผลจากดาบรอยนี้ได้เลย
'อย่างน้อยมันไม่ได้แย่ลง’
แผลนั้นไม่ได้ดูดีขึ้นหรือแย่ลง
มันยังเป็นแผลที่สดใหม่เหมือนกับตอนที่เพิ่งได้มา
"นี่แกจะทำให้ฉันจดจำแกไปตลอดเลยใช่ไหม?”
เดรุสโรเบิร์ตหัวเราะและลูบแผลที่หลังของมือของเขา เลือดจากแผลค่อยๆ ไหลช้าลง
"ขอโทษที แต่ฉันจำมันไม่ค่อยได้แล้วล่ะ ฉันก็ต้องก้าวไปข้างหน้าเหมือนกัน”
เขาหยิบปากกาหัวแร้งขึ้นมาและเริ่มวาดสัญลักษณ์ลงในหนังสืออีกครั้ง
จนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้นมาอยู่ตรงกลางของท้องฟ้าแล้วเดรัสยังคงวาดสัญลักษณ์ต่อไปอย่างไม่หยุดพัก
จนกระทั่งเขาวาดในหน้าสุดท้ายเสร็จ รูปของมังกรสีดำก็ปรากฏขึ้นมาบนปกหนังสือ มันเป็นภาพที่สวยงามราวกับว่ามันมีชีวิตอยู่จริง
"เสร็จสักที”
เดรุสยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อมองไปที่หนังสือ
'เหลืออีกไม่กี่อย่างแล้วสินะ’
เขาวางมือบนหน้าปกหนังสือมังกรดำ จากนั้นมันก้เรืองแสงขึ้นมา
***
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี
ตอนนี้ราอนมีอายุสิบห้าปีแล้ว ราอนกำลังนั่งหลับตาอยู่ด้านหน้าเตาเผาถ่าน
หมอกควันสีแดงปกคลุมอยู่บนไหล่ของเขาและน้ำแข็งที่อยู่ภายในก็ออกมาจากรูขุมขนของเขา
ความร้อนและน้ำแข็งรวมกันจนเกิดเปเป็นกลุ่มควันสีเทาๆ
ราอนไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเพียงทำสมาธิต่อไปจนกระทั่งพระอาทิตย์ได้ตกดิน
เมื่อแสงจากด้วงจันทร์สาดเข้ามา ราอนก็ลืมตาขึ้น
หมอกสีแดงบนไหล่ของเขากลายเป็นเปลวไฟสีแดงและมีไอน้ำผุดออกมาตามรูขุมขนของเขา
เปรี๊ยะ!
เมื่อเปลวไฟกับน้ำแข็งเจอกัน ก็เกิดประกายไฟขึ้นมา
ราอนค่อยๆ เหลือบมอง ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงเข้มที่มีประกายคล้ายกับสายฟ้าฟาดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในค่ำคืนอันมืดมิด
เขาผ่อนลมหายใจออกด้วยความตื่นเต้น
"ในที่สุด”
ข้อความโปร่งแสงปรากฏขึ้นข้างหน้าเขา
[คำสาปเยือกแข็งหนึ่งสายได้หายไปแล้ว]
['หมื่นเปลวเพลิง' ถึงสามดาว]
['ผลึกเยือกแข็ง' ถึงสามดาว]
['ญาณแห่งบุปผาหิมะ' ถึงสามดาว]
['ต้านทานไฟ' ถึงสามดาว]
[คุณได้รับการเลื่อนขั้นเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านดาบขั้นเริ่มต้น]
[ความเร็วในการพัฒนาออร่าของคุณเร็วขึ้น]
[แต้มสถานะเพิ่มขึ้นอย่างมาก]
[ความสามารถในการใช้ดาบเพิ่มขึ้น]
[ความสามารถในการใช้เท้าเพิ่มขึ้น]
ข้อความปรากฏหนึ่งหลังจากที่อื่น
"ในที่สุดก็มาถึงระดับเชี่ยวชาญ...”
ราอนตรวจสอบข้อความและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ต้องขอบคุณการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องของเขา แม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมาย แต่เขาก็สามารถขึ้นมาถึงระดับเชี่ยวชาญได้ในเวลาหนึ่งปี
แม้จะเป็นเพียงขั้นเริ่มต้น แต่ความรู้สึกของความสำเร็จทำให้ราอนยิ้มออกมา
ระดับเชี่ยวชาญอย่างนั้นเหรอ? แค่นี้ก็ทำให้เจ้าดีใจแล้วเหรอ?
ราธดูไม่พอใจ
"แต่ฉันทำมันได้ตอนอายุสิบห้าปี”
ระดับผู้เชี่ยวชาญถือว่าเป็นระดับที่สูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่มันก็ไม่ได้หายากขนาดนั้น
แต่ถ้าใครมารู้ว่าเขาสามารถทำได้ตั้งแต่อายุสิบห้าปี ทุกคนคงจะตกใจกันมากเพราะไม่เคยมีใครในทวีปนี้สามารถทำได้มาก่อน
อายุงั้นเหรอ? ไอ้โง่ที่ไหนจะสนใจอายุของศัตรูกัน อ่อนแอก็คืออ่อนแอ ไม่เกี่ยวกับอายุ
"ก็ถูก ไม่มีใครโง่พอที่จะปล่อยศัตรูที่เป็นเด็กไปง่ายๆ หรอก”
ราอนพยักหน้า
"แต่ฉันก็ไม่ได้จะหยุดแค่นี้สักหน่อย”
ราอนผลักราธออกไปไกลๆ แล้วก็ลุกขึ้นยืน
'ตัวเบาขึ้นแฮะ’
อาจจะเป็นเพราะคำสาปน้ำแข็งของเขาได้หายไปอีกเส้นหนึ่ง เขารู้สึกตัวเบาราวกับขนนกและมีพลังงานเต็มเปี่ยม
"หน้าต่างสถานะ”
หลังจากลองขยับร่างกายเล็กๆน้อยๆ ราอนเรียกหน้าต่างสถานะออกมา
หน้าต่างสถานะ
ชื่อ: ราอน ซีกฮาร์ท
ฉายา: ชัยชนะครั้งแรก
สถานะ: คำสาปเยือกแข็ง(ห้าสาย)
คุณสมบัติ: ราธ, วงแหวนแห่งไฟ(สี่ดาว), ต้านทานน้ำ(สี่ดาว), ญาณแห่งบุปผาหิมะ(สามดาว), หมื่นเปลวเพลิง(สามดาว), ผลึกเยือกแข็ง(สามดาว), ต้านทานไฟ(สามดาว), คำสาปเลือดไหล(หนึ่งดาว)
ความแข็งแกร่ง : 55
ความว่องไว: 56
พลังกาย: 57
พลังงาน: 40
การรับรู้: 62
ทันทีที่เขาเห็นหน้าต่างสถานะ มุมปากของเขาก็ยกขึ้น 'หมื่นเปลวเพลิง','ผลึกเยือกแข็ง'และ'ต้านทานไฟ' เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดาว และค่าสถานะของเขาก็เพิ่มขึ้นเยอะมาก
มันไม่ใช่แค่ตัวเลข วงจรมานาของเขาได้ขยายตัว ออร่าของเขามีปริมาณเพิ่มขึ้นและเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น
'แต่ความจริงแล้วฉันน่าจะสูสีกับคนที่มีระดับสูงหว่านี้’
ราอนรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาน่าจะสูงกว่าตัวเลขกับระดับพวกนั้น
น่าสมเพชจริงๆ ด้วยระดับแค่นี้ เจ้าจัดการกับข้า ไม่สิ เจ้าแตะแค่ปลายเล็บของข้ายังไม่ได้ด้วยซ้ำ
"ก็จริง”
ราอนยิ้ม
ทำไมเจ้าถึงยิ้ม?
"เพราะแกไม่เคยพูดถึงการที่เราต่อสู้กันมาก่อน แปลว่าแกยอมรับฉันแล้วไม่ใช่รึไง?”
ไม่มีทางที่ราชาแก่นแท้จะยอมรับมนุษย์ธรรมดาแบบเจ้า!
"แต่เสียงแกสั่นๆ นะ ฉันว่าฉันเข้าใจถูกแล้วเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน”
เจ้ากล้าเดาใจข้าส่งๆ ได้อย่างไร เจ้าจะต้องโดนบดร่างเข้าสักวัน!
ราธปล่อยไฟอันหนาวเย็นออกมา
วือ!
ราอนใช้'หมื่นเปลวเพลิง'สามดาว เพื่อยับยั้งความเย็นของราธให้หายไป
"ทำได้แค่นี้เหรอ? ฉันจะกินแกเข้าไปแล้วนะถ้าพลังไม่ฟื้นกลับมาสักที”
ฮึ่ม! คำพูดไร้สาระของเจ้าทำให้ข้านึกถึงวันเก่าๆ หวนกลับไปในดินแดนปีศาจ มีผู้เดินทางเข้ามาเคารพราชาแก่นแท้มากมาย พวกเขาได้.....
"เออๆ ฉันจะไปยืดหยุ่นร่างกายแล้ว”
เจ้าจะไปไหนไม่ได้! กลับมาฟังข้าก่อน!
* * *
* * *
"การฝึกวันนี้ก็จบลงแค่นี้”
"ขอบคุณครับอาจารย์”
เมื่อริมเมอร์พูดจบ ราอนก็ก้มหัวไปหอบหายใจ
"ขอบคุณครับ/ค่ะ!”
เด็กฝึกหัดคนอื่นก็พูดขอบคุณต่อ
"ไม่เป็นไรๆ”
ริมเมอร์โบกมือและยิ้ม ริมเมอร์แสดงออกแบบส่งๆ เหมือนกับไม่ได้ใส่ใจ แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของเขา
'ทุกคนเองก็ชินกับมันแล้ว’
ราอนพยักหน้าเล็กน้อย
ทุกคนสนิทกันแล้วหลังจากฝึกฝนมาด้วยกันนานกว่าสามปี
แม้กระทั่งเบอร์เรนและมาร์ธาที่เกลียดริมเมอร์มากที่สุดก็เริ่มเข้าใจในสิ่งที่ริมเมอร์ทำ
"อาจารย์ครับ แต่อาจารย์มาสายตั้งยี่สิบนาที จะไม่สอนพวกเราต่ออีกยี่สิบนาทีเหรอครับ?”
แต่แน่นอนว่าเบอร์เรนไม่เคยปล่อยผ่านกับเรื่องแบบนี้
"ค่อยพรุ่งนี้ละกัน วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว”
ริมเมอร์ยิ้มแล้วเดินลงมาจากเวที เขาตอบปัดอย่างรวดเร็วและะรีบชิ่งหนีไป
"คนที่เป็นเวรวันนี้ก็อย่าลืมทำความสะอาดด้วยนะ”
ราอนหันไปรอบๆ เพื่อสั่งให้เวรทำความสะอาด
"โอเคครับ!”
ดอเรียนที่เป็นเวรทำความสะอาดของวันนี้พยักหน้าอย่างกระตือรือร้นและวิ่งไปที่มุมเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด
“เห้ย!”
ขณะที่เปิดกล่องเครื่องมือเขาก็สัมผัสได้ถึงคนที่มายืนอยู่ด้านหลัง ดอเรียนหันไปเห็นแล้วก็กรีดร้อง
"อะไร? มีปัญหากับฉันงั้นเหรอ?”
มาร์ธาย่นคิ้วของเธอ
"ม-ไม่ครับ ไม่ใช่นะครับ! ผม..."
“เฮอะ”
มาร์ธาเดาะลิ้นแล้วหยิบเอาไม้ถูกพื้นออกมา
ปกติแล้วมาร์ธามักจะโยนงานของเธอไปให้เด็กสายรองสักคนแล้วก็ไปทำการฝึกซ้อมพิเศษของสายตรง แต่เธอไม่สามารถโดดเวรทำความสะอาดได้แล้วเพราะครั้งนี้ราอนมาสั่งเธอเอง
"มองอะไรวะ? ก็ฉันเป็นเวรทำความสะอาดไง พวกแกไสหัวไปไกลๆ เลยไป”
“เอ๋!”
"ฮึ่ม!”
มาร์ธากระทืบเท้าจนพื้นดินสั่น เด็กฝึกหัดมองเธออย่างอึ้งๆ แล้วก็รีบวิ่งไปที่ทางออก
“เอ๊!”
ดอเรียนที่ยังต้องทำความสะอาดกับเธอต่อถึงกับทรุดลงกับพื้น
"มาร์ธาก็ยังเหมือนเดิมเลยนะ แต่เธอช่วยให้เปลี่ยนไปได้เยอะ”
ราอนหันหน้าไปหาเสียง ริมเมอร์เดินหัวเราะเข้ามาหาเขา
"อาจารย์ไม่ได้หนีไปแล้วเหรอครับ?”
"อ๋อ พอดีฉันลืมอีกอย่างหนึ่งน่ะ”
"ลืมอะไ..."
“เด็กๆ!”
เมื่อริมเมอร์ตะโกนและปรบมือเพื่อเรียกความสนใจจากเด็กฝึกหัด
"ฉันมีอะไรจะบอก”
ริมเมอร์ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
"ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย มันสำคัญมากจริงๆ”
เขาพูดและเกาหัวอย่างขวยเขิน
"ลืมอีกแล้วเหรอคะ?”
"เอ่อ... คือว่าพวกเธอพึ่งได้รับภารกิจมา”
ทุกคนเงียบในทันที
"ภารกิจอีกแล้ว!”
"เขากล้าลืมเรื่องแบบนี้ได้ไงอะ?”
"ถามจริงๆ นะ....?”
พวกเขาขบฟันแน่นเมื่อริมเมอร์ลืมเรื่องสำคัญของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ภารกิจเหรอ..."
ราอนหลับตาคิด
'นี่มันผ่านมานานแล้วนะ'
ราอนไม่คิดว่าภารกิจที่สองจะมาช้าขนาดนี้ มันผ่านมาตั้งครึ่งปีแล้วหลังจากภารกิจครั้งแรก
ดูเหมือนการเป็นเด็กฝึกหัดคงไม่ต้องออกทำภารกิจบ่อยๆ
'ซีกฮาร์ทเป็นห่วงเด็กฝึกหัดมาก หรือไม่ก็แปลว่าภารกิจครั้งนี้จะยากกว่าเดิมมาก’
ราอนอยากให้เป็นอย่างหลังมากกว่า นั่นจะทำให้เขาเติบโตได้เร็วขึ้น
"มีออร์คหลายตัวปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านเซบูที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขตซีกฮาร์ท”
ริมเมอร์ชี้นิ้วไปทางทิศนั้น เขาไม่ได้ยอมเอาแผนที่มาด้วยเพราะเขาขี้เกียจเกินไปแน่ๆ
"ภารกิจนี้คือการกำจัดพวกออร์คและปกป้องทุกคนในหมู่บ้านเซบู ปกป้องหมู่บ้านและฆ่าพวกออร์คน่ะ”
"ออร์คเหรอ!”
"กำจัดมอนสเตอร์!”
การกำจัดมอนสเตอร์เป็นภารกิจที่ง่ายที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับภารกิจคุ้มกันคนหรือลงดันเจี้ยน เด็กๆ จึงส่งเสียงดีใจออกมาเพราะมันฟังดูง่ายกว่าภารกิจแรกของพวกเขา
"เด็กพวกนี้นี่ จะดีใจกับภารกิจทำไมกัน”
ริมเมอร์พูดต่อ
"ครั้งนี้จะไม่มีอาจารย์คนไหนไปด้วย พวกเธอต้องเดินทางไปและจัดการกันเองทั้งหมด การคิดและการตัดสินใจตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเธอคิดหรอกนะ”
"ผมมีคำถาม”
เบอร์เรนยกมือขึ้น
"อาจารย์คิดยังไงกับคนที่ชอบลืมบอกเรื่องสำคัญครับ?”
"เอ่อ... ฉันว่านั่นไม่ใช่คำถามเกี่ยวกับภารกิจนะ”
ริมเมอร์เหงื่อแตก
“หึ!”
เบอร์เรนย่นคิ้วแล้วถอนหายใจเสียงดัง
"งั้นผมขอถามครับ อาจารย์บอกว่าพวกเราต้องจัดการกันเอง แล้วถ้าพวกเราเจอสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่สามารถจัดการได้ล่ะครับ?"
"นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้จริงๆ จะสู้ต่อหรือล้มเลิกแล้วกลับมาก็ได้ ดังนั้นก็แปลว่า..."
จ้องมองริมเมอร์มองไปรอบๆแล้วหยุดที่ราอน
"สิ่งสำคัญก็คือผู้นำ ผู้นำต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะเลือกทางไหน จะวางแผนยังไงต่อสู้ยังไง หรือจะวิ่งหนียังไง แล้วก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอ”
"พ-พวกเรายอมแพ้กลับมาได้เหรอครับ?”
คราวนี้ดอเรียนยกมือขึ้น
"ได้สิ ถ้าเธอหนีตอนนี้เธอก็จะได้ไม่ได้คะแนนแถมยังเสียศักดิ์ศรีอีก แล้วถ้าเธอไปอยู่ในสงครามแล้วกล้าหนีเธอคงจะได้รับการเชิดชูเลยล่ะมั้ง”
"อ๋าาา!"
ดอเรียนที่สนใจแต่คำว่ายอมแพ้ได้พยักหน้าอย่างดีใจ เวลาผ่านมานานแล้วแต่เขาก็ยังขี้กลัวเหมือนเดิม
"รับทราบครับ”
ในที่สุดเบอร์เรนก็มองไปที่ราอน สายตาของเบอร์เรนเป็นประกายด้วยความยอมรับและอิจฉาเล็กน้อย
"พวกเธอจะต้องออกเดินทางในตอนเช้าของวันมะรืน ดังนั้นในสองวันนี้ก็พักผ่อนและเตรียมตัวให้พร้อมซะนะ”
"ด-เดี๋ยวนะ!" อีกสองวันเหรอครับ?”
ดอเรียนแสดงออกจากตื่นตกใจ
"ใช่ สองวัน”
"ทำไมถึงพึ่งมาบอกล่ะครับ?! นี่มันเหลือเวลาน้อยเกินไปแล้ว! นี่มันก็หมดวันแล้วด้วย แปลว่าเราเหลือแค่วันเดียว!”
"ก็มันเป็นภารกิจเร่งด่วน มันเป็นการกำจัดมอนสเตอร์นะไม่ใช่การลงดันเจี้ยน ถ้าไม่รีบไปแล้วหมู่บ้านเซบูจะเป็นยังไงล่ะ”
"งั้นอาจารย์ก็ควรบอกตั้งแต่ได้รับภารกิจแล้ว!”
เบอร์เรนโมโหและกระทืบพื้น
“หืม…”
"วันมะรืนมัน..."
"พอก่อน”
เสียงทุ้มต่ำของราอนดังขึ้นมา
"อาจารย์เคยพูดเรื่องนี้แล้ว ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าภารกิจจะมาตอนไหนและให้ทำอะไร พวกนายควรหยุดโต้เถียงแล้วไปเตรียมตัว ยิ่งต่อว่าเขามากเท่าไหร่พวกเราก็จะยิ่งเสียเวลามากเท่านั้น”
"อืมมม"
"ก็ใช่"
"ใช่ พวกเราไปกันได้แล้ว”
เด็กฝึกหัดยอมใจเย็นลง และริมเมอร์ก็ยิ้มออก
"ฉันอยากจะตัดหูเขาออกจริงๆ”
มาร์ธาโกรธมากและกำหมัดแน่น
รูนันยืนอยู่เฉยๆ และเลียริมฝีปากของเธอ ไม่ได้สนใจเหตุการณ์เลยสักนิด เธอกำลังคิดถึงไอศครีมที่รอเธออยู่
"ออร์คตัวจริงไม่เหมือนกับที่พวกเธอคิดหรอกนะ”
"มันตัวใหญ่มาก ดังนั้นพวกเราต้องรุมมันหลายคน เราจะมุ่งเน้นไปที่การหลบหลีกมากกว่าการป้องกัน กลับไปขัดดาบของตัวเองให้คมที่สุดแล้วอีกสองวันค่อยมาเจอกันที่นี่”
ราอนพูดจบแล้วหันหลังกลับ
"อื้อ”
"เฮอะ”
รูนันพยักหน้าและมาร์ธาก็ออกจากสนามฝึกซ้อม
"รับทราบ!"
เด็กฝึกหัดตอบเสียงดังชัดเจนแล้วก็วิ่งไปยังหอพัก
"อืมมม"
เบอร์เรนมองเหล่าอาจารย์พักหหนึ่งแล้วก็เลิกสนใจและเดินออกไป เด็กสายรองก็ตามเขาไปยังอาคารหลัก
"เขาเหมาะจะเป็นผู้นำมากจริงๆ”
ริมเมอร์ยืนกอดอก เขามองตามหลังราอน
"ใช่ไหมล่ะครับ?”
"ผมไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
"เขายังรับฟังเด็กคนอื่นด้วย น่าจะเพราะว่าเขาเริ่มต้นอย่างยากลำบาก”
"เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นผู้นำเด็กฝึกหัดที่ทำให้เด็กคนอื่นยอมรับได้โดยใช้แค่ความพยายาม”
ผู้ฝึกสอนเข้าหาริมเมอร์และพยักหน้า แม้แต่อาจารย์ทุกคนก็ยอมรับราอนด้วย
"งั้นผมก็ต้องไปเตรียมตัวเหมือนกัน ผมจะนำหน้าพวกเขาไปก่อน”
อาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดมองตามเด็กๆ ที่เดินออกไป
จริงๆ แล้วภารกิจครั้งนี้จะต้องมีอาจารย์หนึ่งคนติดตามพวกเขาไปอย่างลับๆ เพื่อคอยสังเกตพวกเขา
"เดี๋ยว”
ริมเมอร์จับไหล่อาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดแล้วส่ายหัว
"ฉันจะไปเอง”
"หา?”
"อะไรนะ?”
"พ-พูดจริงเหรอ?”
ดวงตาของเหล่าอาจารย์กว้างขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์ที่ขี้เกียจที่สุดจะเป็นคนขออาสาตามเด็กฝึกหัดไปเอง
"ใช่”
"แต่หัวหน้า... ถ้าเด็กๆ กำลังจะตายแต่คุณยังนอนหลับอยู่ละ..."
"เฮ้ๆๆ! คิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกัน? ไม่เชื่อใจฉันงั้นเหรอ?”
เหล่าอาจารย์ไม่กล้าตอบความจริง ริมเมอร์มาสอนช้าแทบทุกวัน นับประสาอะไรกับการให้ไปดูแลเด็กด้วยตัวคนเดียว
"เอาตามนี้นะ! ฉันจะไปเอง ส่วนพวกนายก็ไปพักผ่อนสบายๆ ได้”
ริมเมอร์เดินออกไปหลังจากพูดอย่างนั้น ริมเมอร์ยังพูดต่ออีกว่า เขาค่อยไปพักผ่อนระหว่างทำภารกิจก็ได้
"'เขาควรนอนเฉยๆ อยู่ที่ห้องตัวเองไหมล่ะ ทำไมเขาถึงอยากตามเด็กๆ ไปทำภารกิจ...?”
"เพราะเขาขี้เกียจโดนเรียกใช้งานจากท่านหัวหน้าตระกูลแหงๆ”
"ฮ่าๆๆ"
เหล่าอาจารย์หัวเราะเมื่อตระหนักได้ถึงแผนการของริมเมอร์
"ไม่เคยเห็นใครขี้เกียจได้ขนาดนี้เลย”
***
ราอนยังคงไปฝึกซ้อมรอบดึกก่อนที่จะกลับมาเตรียมตัว
กระเป๋าเป้เปล่าๆ กับไม้คฑาเวทมนตร์ถูกวางไว้หน้าประตู น่าจะเป็นของที่จำเป็นสำหรับการทำภารกิจ
'เขาก็แค่ทำเป็นไม่สนใจ’
แต่กระเป๋าที่วางไว้หน้าห้องพักถูกวางไว้อย่างบรรจงและตั้งให้เห็นได้ชัด เพื่อไม่ให้เด็กฝึกหัดลืมหยิบ
"หึ...โอเค”
ราอนหัวเราะและถือของพวกนั้นเข้ามาในห้อง จะมีอาจารย์ไปด้วยหรือไม่ไปเขาก็ไม่ได้สนใจ เขาก็แค่ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ
อวดดีจริงๆ คิดเหรอว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าคิด? เจ้าอาจจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็ได้
'ก็จริง’
ราอนพยักหน้า เรื่องไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่เขาก็ผ่านมาได้แทบทุกครั้ง
'สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เหมือนกับตอนที่แกแพ้ให้ฉันนั่นแหละ’
ข้าอยากฉีกปากเจ้าออกจริงๆ
'นั่นคือความปรารถนาเป็นไปไม่ได้’
ราอนหัวเราะและเริ่มที่จะจัดกระเป๋าของเขา เขาได้รับกระเป๋ามาแล้ว ดังนั้นการเตรียมของอื่นๆ ก็ไม่ได้ยาก
ก๊อกๆๆ
เมื่อเขาเก็บของได้ครึ่งหนึ่ง ก็มีคนมาเคาะประตู
'ใครกัน?’
เขาเดินไปเปิดประตู พร้อมกับคิดว่ามันแปลกที่จะมีคนมาเคาะห้องเขาในเวลานี้
“เอ๋!”
ดวงตาของราอนเบอกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ มีเพียงคนสองคนในโลกที่สามารถทำให้เขาตกใจขนาดนี้ได้ ซิลเวียกับเฮเลนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา
"ราอน! ลูกควรกลับไปหาแม่ก่อนหรือเปล่า?”
"ม-แม่รู้ได้ยังไงครับว่ามีภารกิจ? ดอเรียนบอกอีกแล้วเหรอ?”
"อาจารย์ริมเมอร์ต่างหาก!”
ซิลเวียขมวดคิ้วท้าวเอว
'เป็นเขาอีกแล้ว....'
ราอนแอบถอนหายใจ เขามาเตรียมตัวที่หอพักเพื่อไม่ให้ซิลเวียและเฮเลนกังวล เขาไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
"ผมขอโทษครับ”
ในเมื่อพวกเขารู้แล้ว เขาก็คงเก็บเป็นความลับต่อไม่ได้ เขาตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้เราะมันเป็นภารกิจที่ค่อนข้างอันตรายและไม่มีอาจารย์ไปคอยดูแลด้วย
“……”
ซิลเวียทำหน้าบึ้ง ราอนรีบหลับตาเพื่อเตรียมฟังการบ่นอันยาวนานของซิลเวีย
"ราอน”
"ครับ?”
"ตำแหน่งตัวแทนเด็กฝึกหัดไม่ได้แค่อยู่เฉยๆ นะ มันเป็นหน้าที่ที่ต้องนำเด็กคนอื่นๆ ไปสู่เส้นทางที่ดีกว่า”
ซิลเวียพูดอย่างจริงจัง
"ลูกต้องคิดถึงเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย ชีวิตของทุกคนอยู่ขึ้นอยู่กับตัดสินใจของลูก”
"...โอเคครับ"
ราอนพยักหน้า
'ไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้...'
เขาคิดว่าเธอจะแสดงความเป็นห่วงเขา เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะให้คำแนะนำแบบนี้
"...เฮ้อ มันเป็นภารกิจที่ยากกว่าที่ลูกคิด ไปกำจัดพวกมันให้หมดและทำให้ชาวบ้านทุกคนปลอดภัยนะจ๊ะ”
ซิลเวียพูดถูก พวกมอนสเตอร์มีจำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้นเขาต้องกำจัดมันให้หมดในคราวเดียว ไม่งั้นมันจะกลับมาอีกครั้ง
"ในระหว่างทำภารกิจเธอก็ถือเป็นนักดาบเต็มตัวแล้ว”
เธอย่อตัวลงมาสบตากับเขา ดวงตาของเธอส่องประกายเหมือนกวงดาว
"แม่เคยบอกแล้วใช่มั้ย? ผู้ก่อตั้งซีกฮาร์ทเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เขาบอกว่าดาบของเขามีหน้าที่ปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า แม่อยากให้ราอนเป็นเหมือนกับเขา”
ซิลเวียยิ้มและแตะไหล่ราอน
"แม่ไม่โกรธเหรอครับ?”
"โกรธมาก! แม่เป็นห่วง! และหงุดหงิดมากเลยด้วย! แต่ว่า!”
การแสดงออกของเธอเปลี่ยนไปในทันที เธอทำหน้าบึ้งอีกครั้ง
"ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะดุด่าลูก ถ้าลูกกลับมาจากทำภารกิจเมื่อไหร่ล่ะก็...”
"อื้อ”
ราอนยิ้มเบาๆและพยักหน้า เนื่องจากซิลเวียก็เคยเป็นนักดาบ เธอจึงทราบดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะดุเขา
"แม่ดีใจที่ลูกมีความสุขกับการฝึก แต่แม่ก็หยุดเป็นห่วงลูกไม่ได้เลย”
ซิลเวียดึงตัวราอนมากอด มือของเธอสั่น
เธอยังคงแนะนำเขาอีกสองสามเรื่อง ดูเหมือนเธอจะพยายามรบกวนเวลาของเขาให้น้อยที่สุด
เธอหวังว่าลูกของเธอจะทำภารกิจได้สำเร็จและกลับมาอย่างปลอดภัย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเสียงและคำพูดของเธอถึงได้สัมผัสลึกเข้าไปในหัวใจของเขา
ขณะที่เก็บกระเป๋า ราอนมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องเป็นภาพที่สวยงามยิ่ง