ตอนที่ 567 กฎแห่งการหลอมรวม
ตอนที่ 567 กฎแห่งการหลอมรวม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงแมงมุมนับล้าน เซี่ยเฟยย่อมไม่สามารถจัดการกับพวกมันทั้งหมดได้อย่างแน่นอน หมายความว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาหมดแรงลงเขาก็จะถูกพวกแมงมุมจัดการไม่ช้าก็เร็ว
หมับ!
หงส์ครามมัดแมงมุมขาวและดึงร่างของมันเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ใช้บลัดบิวเทียสแทงออกไปเพื่อดูดเลือดของแมงมุมตัวใหญ่ออกมาโดยตรง
เซี่ยเฟยยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันตกต่อไป โดยพยายามใช้หงส์ครามดึงแมงมุมเข้ามาจัดการกับพวกมันไปทีละนิด ซึ่งวิธีการนี้ถือว่าเป็นวิธีการเดียวที่เขาจะค่อย ๆ จัดการกับพวกมันได้
ในบรรดาแมงมุมทั้งหมดต่างก็มีทั้งแมงมุมตัวโตเต็มวัยและแมงมุมที่ยังเด็ก พวกมันจึงมีความเร็วในการเคลื่อนที่ที่แตกต่างกัน ดังนั้นยิ่งเขาได้ฉีกตัวออกมาไกล ระยะห่างระหว่างฝูงแมงมุมก็เริ่มมองเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะท้ายที่สุดมันก็มีแมงมุมเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถไล่ตามความเร็วของเซี่ยเฟยได้ ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ จัดการกับแมงมุมพวกนี้ไปอย่างช้า ๆ
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังจัดการกับพวกแมงมุมที่ไล่ตามไปเรื่อย ๆ พื้นที่บริเวณที่เคยเป็นทุ่งน้ำแข็งก็ค่อย ๆ หายไปกลายเป็นป่าฝนอันหนาทึบ
กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ทั้งสองสภาพภูมิอากาศมีเส้นแบ่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งพื้นที่ฝั่งหนึ่งก็มีอุณหภูมิที่ร้อนมาก ขณะที่พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งก็มีอุณหภูมิที่เย็นมากเช่นเดียวกัน
การได้พบกับภูมิประเทศใหม่ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะหลังจากที่เขาเคลื่อนที่ผ่านเส้นแบ่งไปเพียงแค่ 2-3 เมตร วิวทิวทัศน์กับสภาพอากาศกลับแตกต่างจากทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์อย่างสิ้นเชิง
ยิ่งเซี่ยเฟยมุ่งหน้าเข้าป่าไปมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งพบว่าอุณหภูมิค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ มากขึ้นเท่านั้น จากตอนแรกอุณหภูมิบริเวณเส้นแบ่งอยู่ที่ประมาณ 30 องศา แต่เมื่อเขาเริ่มวิ่งออกมาอุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นเป็น 40 องศาแล้ว
ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างภูมิประเทศทั้งสองฝั่งมีความแตกต่างในระดับที่น่ากลัวมาก เพราะภูมิประเทศฝั่งหนึ่งมีสภาวะอากาศที่หนาวจัด ในขณะที่ภูมิประเทศอีกฝั่งหนึ่งกลับมีสภาวะอากาศที่ร้อนมาก
สภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบของภูมิประเทศทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าเขาได้เดินทางมายังดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่มีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่แปลกประหลาดไปมากกว่านั้นคือพวกแมงมุมดูเหมือนกับจะไม่กล้าเดินทางผ่านเส้นแบ่งระหว่างภูมิประเทศทั้งสองไป พวกมันจึงรวมตัวกันอยู่หน้าเส้นแบ่งภูมิประเทศและส่งเสียงกรีดร้องใส่เซี่ยเฟยเป็นครั้งคราว
อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันนี้ทำให้พวกแมงมุมรู้สึกเจ็บปวดมาก และในที่สุดพวกมันก็ยอมถอยกลับไปในดินแดนของพวกมันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเท้าของเขาไม่ได้เหยียบพื้นหิมะพลังพิเศษของนางพญาแมงมุมก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปสำรวจพื้นที่ป่าอันแปลกประหลาด
—
ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมามู่ฉิวโป๋ที่ผสานร่างรวมกับนางพญาแมงมุมก็เดินทางมาจนถึงเส้นแบ่งของภูมิประเทศทั้งสองฝั่ง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?!” มู่ฉิวโป๋อุทานขึ้นมาด้วยความสับสน เพราะเขาไม่คิดเลยว่าดาวดวงนี้จะมีการแบ่งภูมิประเทศอย่างชัดเจนขนาดนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อชายชราได้เห็นพวกแมงมุมไม่ยอมเคลื่อนที่ผ่านเส้นแบ่งภูมิประเทศไป เขาก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ พร้อมกับทุบต่อยร่างของนางพญาแมงมุมที่อยู่ใต้ร่างของเขาอย่างรุนแรง
“สั่งให้พวกแมงมุมข้ามเส้นแบ่งไปเดี๋ยวนี้! ฉันต้องการฆ่ามันให้ได้โดยเร็วที่สุด!!”
นางพญาแมงมุมส่ายหัวอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันกลัวที่จะต้องข้ามเส้นแบ่งเข้าไปยังเขตแดนอีกฝั่งด้วยเช่นกัน
เมื่อนางพญาแมงมุมไม่ยอมรับฟังคำสั่งอีกต่อไป ชายชราจึงสะบัดมือออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อใช้พลังของกฎบังคับให้แมงมุมหลายตัวถูกโยนข้ามฝั่งไปยังพื้นที่ป่าอย่างรวดเร็ว
พวกแมงมุมต่างก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด และอุณหภูมิที่กำลังแผดเผาร่างของพวกมันอยู่ก็ถึงกับทำให้พวกมันแทบที่จะลุกขึ้นยืนจากพื้นไม่ไหว จนพวกมันอยากจะคลานกลับไปยังเขตแดนน้ำแข็งของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่แววตาอันดุร้ายของมู่ฉิวโป๋กำลังข่มขู่พวกมันเอาไว้ ทำให้พวกมันไม่กล้าที่จะขยับเลยแม้แต่น้อย
“พวกแกเห็นแล้วใช่ไหมว่าอุณหภูมิในป่ามันฆ่าพวกแกไม่ได้ ฉันสัญญาว่าหลังจากพวกแกฆ่าเซี่ยเฟยได้สำเร็จ ฉันจะปล่อยพวกแกไปเป็นอิสระอีกครั้ง”
เมื่อนางพญาแมงมุมรู้ว่ามันไม่สามารถที่จะขัดขืนคำสั่งของชายชราได้ มันก็พยายามรวบรวมกองกำลังแมงมุมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหวังว่าจะสามารถจัดการกับเซี่ยเฟยในคราวเดียว แล้วมันจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนเดิมเสียที
หากเซี่ยเฟยได้มาเห็นภาพเหตุการณ์นี้มันก็จะช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานของเขาได้เป็นอย่างดีว่า มู่ฉิวโป๋ได้ใช้พลังของกฎอะไรสักอย่างเพื่อควบคุมนางพญาแมงมุม
ย้อนกลับไปเมื่อหลาย 10 วันที่แล้ว มู่ฉิวโป๋พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการกับเซี่ยเฟยผู้ซึ่งทำให้เขาต้องมาติดอยู่ในดวงดาวอันแปลกประหลาด น่าเสียดายที่ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถสังหารเซี่ยเฟยได้เท่านั้น แต่ในทุก ๆ วันชายหนุ่มยังแข็งแกร่งขึ้นตามเวลาที่ผ่านพ้นไปอีกด้วย
ยิ่งเวลาผ่านไปพลังของเซี่ยเฟยยิ่งพัฒนาไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในปัจจุบันความแข็งแกร่งของชายหนุ่มก็อยู่ห่างจากการเป็นอัศวินกฎเพียงแค่ก้าวเดียว
มู่ฉิวโป๋ไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริง ๆ ว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้อย่างแน่ชัดก็คือหากเขายังปล่อยให้เซี่ยเฟยพัฒนาต่อไป สักวันหนึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ขอชายหนุ่ม
ยิ่งชายหนุ่มได้ใช้พลังแปลก ๆ หลบหนีเข้าไปในกำแพงล่องหน มันยิ่งทำให้ชายชรารู้สึกอิจฉาเซี่ยเฟยมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้เขายังได้พบกับซากศพของแมงมุมขาวที่ตัวแห้งราวกับมัมมี่ และร่างของพวกมันก็พร้อมที่จะสลายกลายเป็นผุยผงได้ตลอดเวลา
สัญญาณการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างทำให้มู่ฉิวโป๋ไม่สามารถใช้วิธีการเดิม ๆ ได้อีกต่อไป และเขาก็เชื่อว่าสาเหตุที่ชายหนุ่มสามารถเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ มันก็ต้องเป็นเพราะว่าชายหนุ่มได้เข้าไปเจอกับสมบัติอะไรบางอย่างภายในกำแพงล่องหนนั้นแน่ ๆ
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังอยู่ในระดับราชากฏขั้นที่ 4 แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะบุกฝ่าเข้าไปในกำแพงล่องหนได้จริง ๆ และถึงแม้ว่าเขาอยากจะจับตัวเซี่ยเฟยมาเค้นความจริง แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไวราวกับปลาไหลจนทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรกับเซี่ยเฟยได้เลย
ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่มากขึ้นไปเท่านั้น เพราะทั้ง ๆ ที่เขากับเซี่ยเฟยได้ติดอยู่ในดาวเคราะห์อันแปลกประหลาดดวงนี้เหมือนกัน แต่เซี่ยเฟยกลับมีพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเพียงคนเดียว มันจึงทำให้ชายชรารู้สึกอิจฉาและเกลียดชังชายหนุ่มคนนี้เพิ่มขึ้นไปใหญ่
แล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงเมื่อเที่ยงวานนี้ที่มู่ฉิวโป๋ยังคงขังตัวเองอยู่ภายในกำแพงมิติเช่นเดิม แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นแมงมุมหลากสี ซึ่งเมื่อพวกแมงมุมขาวได้เห็นแมงมุมพวกนี้พวกมันก็รีบหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้มู่ฉิวโป๋ได้นึกถึงกฎเล็ก ๆ ที่เขาเคยเรียนเอาไว้ ซึ่งกฎ ๆ นั้นนั่นก็คือกฎแห่งการหลอมรวม
กฎเล็ก ๆ เป็นกฎที่แตกย่อยออกมาจากกฎหลักอีกที และส่วนใหญ่กฎพวกนี้ก็ไม่ได้มีพลังอันน่าเหลือเชื่อเหมือนกับกฎหลักของจักรวาล อย่างไรก็ตามพวกมันก็ยังสามารถนำมาสนับสนุนการต่อสู้ได้ดีมาก และถ้าหากว่าใครสามารถหลอมรวมกฎเล็ก ๆ เข้ากับกฎหลักได้อย่างชำนาญ มันก็จะทำให้พวกเขาสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
กฎแห่งการหลอมรวมเป็นกฎที่แตกย่อยออกมาจากกฎแห่งสสารอีกที โดยกฎ ๆ นี้สามารถทำให้ผู้ฝึกสามารถหลอมรวมร่างกายเข้ากับสิ่งของต่าง ๆ ได้ เช่น ถ้าหากว่าผู้ฝึกคนนั้นได้หลอมรวมแขนเข้ากับมีดเหล็ก แขนของเขาก็จะกลายเป็นใบมีดที่มีความแข็งแกร่งราวกับโลหะ นอกจากนี้กฎแห่งการหลอมรวมยังสามารถนำไปใช้กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ได้ แต่ข้อเสียคือผู้ใช้สามารถเลือกหลอมรวมได้เพียงแค่สสารหรือสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวเท่านั้น
การที่จู่ ๆ มันได้มีแมงมุมหลากสีปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทำให้มู่ฉิวโป๋ได้ตระหนักว่าพวกแมงมุมภายในดาวดวงนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สายพันธุ์เดียว และถ้าหากว่าเขาสามารถมองหาแมงมุมสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในดาวได้สำเร็จ เขาก็จะสามารถหลอมรวมร่างกายเข้ากับแมงมุมตัวนั้นและทำให้แมงมุมทั่วทั้งดาวยอมจำนนต่อเขาได้
วันต่อมามู่ฉิวโป๋ก็ได้ขุดลึกลงไปใต้ทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์เพื่อพยายามค้นหานางพญาแมงมุม แมงมุมตัวอื่น ๆ จึงพยายามกลับไปที่รังเพื่อปกป้องราชินีของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยได้ออกมาจากสุสานเมื่อวันก่อน เขาจึงพบเพียงแต่ทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์อันว่างเปล่าโดยไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดให้เห็นในระยะสายตาเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นนั่นก็คือมู่ฉิวโป๋ได้หลอมรวมร่างกายเข้ากับนางพญาแมงมุม และบังคับให้กองกำลังแมงมุมนับล้านไล่ล่าเซี่ยเฟยจนกระทั่งชายหนุ่มได้หนีเข้าไปภายในเขตป่าดงดิบ
—
ปัจจุบันแมงมุมน้ำแข็งนับล้านเริ่มบุกเข้าไปภายในเขตของป่าดงดิบตามคำสั่งของราชินี เพื่อพยายามไล่ล่าชีวิตของเซี่ยเฟยกลับมาให้ได้
อย่างไรก็ตามแมงมุมพวกนี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์ตั้งแต่เกิด เมื่อมันได้เคลื่อนที่เข้าไปในป่าที่มีอุณหภูมิร้อนจัดมันก็เริ่มมีแมงมุมร้อนตายมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเวลาผ่านไปมู่ฉิวโป๋ก็ได้พบว่ามีแมงมุมเป็นจำนวนมากพยายามขยับตัวเข้ามาใกล้นางพญาแมงมุม นั่นก็เพราะว่านางพญาแมงมุมสามารถที่จะสร้างน้ำแข็งออกมาบริเวณรอบ ๆ ตัวของมันได้ ซึ่งน้ำแข็งเหล่านี้ก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเหล่าบรรดาแมงมุมน้ำแข็งลงได้อย่างมาก
ทันใดนั้นมู่ฉิวโป๋ก็เกิดไอเดียโดยการใช้กฎแห่งมิติสร้างโดมป้องกันขนาดใหญ่ไม่ให้ความร้อนไหลเข้ามายังพื้นที่ด้านใน นอกจากนี้เขายังสั่งให้นางพญาแมงมุมใช้พลังพิเศษทำให้อากาศในพื้นที่บริเวณนี้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดอากาศภายในโดมก็ลดลงจนติดลบ 10 องศา และถึงแม้ว่าอุณหภูมิติดลบเพียงเท่านี้จะทำให้พวกแมงมุมน้ำแข็งรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่พวกมันก็ไม่ร้อนตายเหมือนเดิมอีกต่อไป
ในบางครั้งมันจะมีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นจากภายในป่าขึ้นมาบ้าง แต่พวกมันก็ถูกแมงมุมน้ำแข็งผู้หิวโหยกัดกินร่างเข้าไปทั้งเป็น สัตว์เหล่านั้นจึงไม่ได้ถือว่าเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกแมงมุมเลย
‘ฉันคือราชาของดาวดวงนี้’ มู่ฉิวโป๋คิดกับตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงช่วงพลบค่ำ กองทัพแมงมุมก็ได้เดินทางไปจนถึงหุบเขาเปิด และทันใดนั้นนางพญาแมงมุมก็ไม่กล้าที่จะก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกต่อไป ราวกับว่ามันกำลังรู้สึกเกรงกลัวอะไรบางอย่างจนทำให้มันไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้
“ไอ้แมงมุมโง่! สั่งลูกน้องของแกให้เดินหน้าต่อไปเดี๋ยวนี้!!” มู่ฉิวโป๋ชกศีรษะนางพญาแมงมุมอย่างแรง 2 ครั้งจนทำให้มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และถึงแม้ว่ามันจะเป็นนางพญาแมงมุมที่แข็งแกร่ง แต่ท้ายที่สุดพลังของมันก็ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับราชากฎเช่นมู่ฉิวโป๋ได้
แต่ในทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากด้านบน
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะไม่ทำร้ายสัตว์เลี้ยงของตัวเองแบบนั้นหรอกนะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะยืนมองมู่ฉิวโป๋จากบนฟ้า
บนไหล่ของเขายังคงเป็นพื้นที่สำหรับขนอุย ส่วนใต้เท้าของเขาก็เป็นนกอินทรีที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าช้าง
“นี่แกเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรงั้นเหรอ?!” มู่ฉิวโป๋อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“บอกความลับในโดมแสงนั้นมาซะ! ไม่อย่างงั้นฉันจะให้พวกแมงมุมขย้ำร่างของแกทั้งเป็น”
“อะไรกัน นี่แกคิดจะใช้จำนวนของพวกแมงมุมเข้ามาข่มฉันงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฝั่งฉันมีพวกมากกว่าแล้วแกจะทำไม?” มู่ฉิวโป๋กล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
เซี่ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่ในพริบตาต่อมาสัตว์ประหลาดเป็นจำนวนมากก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจาก 2 ฟากฝั่งของหุบเขา ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนของสัตว์ประหลาดที่กำลังเข้าสู่สนามรบยังมีจำนวนมากกว่าพวกแมงมุมน้ำแข็งที่มู่ฉิวโป๋ได้นำพามายังพื้นที่ป่าแห่งนี้ด้วย
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมนางพญาแมงมุมถึงไม่อยากที่จะเดินทางเข้ามาภายในป่าแห่งนี้ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังเป็นผู้ฝึกฝนวิชามนตราอสูร และสัตว์อสูรในพันธสัญญาของเขายังเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจเหนือกว่าสัตว์อสูรทั้งหมดในจักรวาล
“ถ้าฝั่งฉันมีพวกมากกว่าแก แล้วแกจะทำไม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มโดยลอกเลียนแบบคำพูดที่มู่ฉิวโป๋เคยกล่าวเอาไว้ในก่อนหน้านี้
***************
เกมพลิก!!