ตอนที่ 3 นักรบโครงกระดูกที่มาจากกองขยะ
ทันใดนั้นเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งก็ตะโกนว่า
“ดูสิ มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในเมฆดำนั้นด้วย”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปที่เมฆดำตามที่เพื่อนคนนั้นพูด
เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง พวกเขาก็พบกับเปลวไฟเล็กๆที่กำลังลอยอยู่ในเมฆดำทมิฬนั้น
มันคือเปลวไฟที่กำลังลอยขึ้นๆลงๆอยู่ในอากาศ
และมันยังดูเหมือนว่าจะมีสิ่งอื่นนอกเหนือจากเปลวไฟนั้นด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีเสียงที่เหมือนกับว่ามีคนกำลังถูอะไรบางอย่างกับอะไรบางอย่างดังอยู่ในเมฆดำนั้นซึ่งทำให้คนฟังรู้สึกเสียวฟันพร้อมกับขนลุกไปด้วยความหวาดกลัว
ในที่สุดเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่มีสายตาที่แหลมคมก็สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ในเมฆดำทมิฬนั้นได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็ต้องตกตะลึงและหวาดกลัวกับสิ่งนั้นมากจนเขาล้มลงกับพื้น
“มันคือโครงกระดูก! และทุกสิ่งที่อยู่ในเมฆดำนั่นก็คือโครงกระดูกทั้งหมดเลย!”
หลังจากที่เขาพูดจบลง ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ในเมฆดำนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นั่น
โครงกระดูกนับพันถูกอัดกันอย่างหนาแน่นอยู่ภายในนั้น และเห็นได้ชัดว่าเปลวไฟที่พวกเขาเห็นคือเปลวไฟวิญญาณในกะโหลกศีรษะของพวกมัน
โครงกระดูกของพวกมันเรืองแสงสีขาวซีด และทำให้รู้สึกถึงความดุร้ายและความน่าสะพรึงกลัว
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่านี่เป็นเพียงนิมิตที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนคลาส แต่นักเรียนหลายคนก็ยังคงหวาดกลัวและถอยหนีไปในทันที
หลังจากนั้นดวงไฟดวงหนึ่งก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่ร่างของหลินโม่อวี ก่อนที่นิมิตทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็หายไปในทันที และทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
[คลาสลับเอกลักษณ์: เนโครแมนเซอร์]
สิ่งที่หลินโม่อวี่ได้รับมาจากการเปลี่ยนคลาสนั้นไม่ใช่คลาสหายาก แต่มันคือคลาสลับ และมันยังเป็นคลาสลับเอกลักษณ์
ซึ่งนั่นหมายความว่าในโลกนี้คนที่จะได้รับคลาสนี้จากการเปลี่ยนคลาสจะมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
มันไม่มีทางที่จะมีคนได้คลาสเดียวกับเขาเป็นคนที่สองเว้นเสียแต่ว่าหลินโม่อวี่จะตายไป
คลาสลับนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากกว่าคลาสหายากเป็นอย่างมาก จริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากยิ่งกว่าคลาสระดับตำนานด้วยซ้ำ
ไม่มีใครรู้ว่าคลาสนี้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ แต่มันจะต้องไม่ใช่คลาสธรรมดาๆอย่างแน่นอน
คลาสเนโครแมนเซอร์ของหลินโม่อวี่นั้นมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
“หลินโม่อวี่แข็งแกร่งจนถึงขนาดที่เขาได้รับการเปลี่ยนคลาสเป็นคลาสลับและยังเป็นคลาสลับเอกลักษณ์ที่มีหนึ่งเดียวในโลก!”
“เขาโชคดีขนาดนี้ได้ยังไง? เป็นไปได้หรือเปล่าที่วงเวทย์การเปลี่ยนคลาสจะทำงานผิดพลาด?”
“แต่การที่เขาได้คลาสลับมันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นคลาสที่ทรงพลังเสมอไป ในอดีตเคยมีคนที่ได้รับการเปลี่ยนคลาสเป็นคลาสลับเหมือนกันแต่คลาสลับนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งและดีอะไรขนาดนั้น”
“ใช่ ใช่ คลาสลับนั้นหายากก็จริง แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นต้องทรงพลังเสมอไป”
“แต่นิมิตที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้มันน่ากลัวมาก และคลาสของเขาคือเนโครแมนเซอร์ นี่หมายความว่าเขาสามารถจัดการเกี่ยวกับวิญญาณหรือคนตายได้ยังงั้นหรอ?”
“เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และการจัดการกับวิญญาณหรือคนตายก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นฉันคิดว่าเขาคงจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาหรอก”
หลินโม่อวี่ลงมาจากวงเวทย์หลังจากที่คลาสของเขาเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเกี่ยวกับคลาสลับนี้ แต่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเขารู้สึกแบบนั้นเพราะสีหน้าของเขายังเรียบเฉยเหมือนเดิม
ไม่มีใครสามารถมองเห็นอารมณ์ใดๆของเขาได้ เขาก็แค่ตื่นเต้นและตกใจ ทำไมเขาต้องเอามันมาแสดงที่ใบหน้าของเขาด้วยนั่นคือสิ่งที่เขาคิด
“รอเดี๋ยวสิ” ในตอนที่เขากำลังเดินผ่านจางเฉียน จางเฉียนก็เรียกให้เขาหยุดทันที
หลินโม่อวี่หันกลับมาและทักทายจางเฉียน
“ท่านผู้อาวุโสมีอะไรงั้นหรอครับ?”
ไม่ใช่ว่าเขาพูดไม่ได้ เขาก็แค่พูดน้อยมากก็เท่านั้น
จางเฉียนถามเขาว่า
“คลาสของคุณเป็นคลาสลับ และฉันก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน คุณช่วยแสดงสกิลของคุณให้ฉันดูได้ไหม?”
เมื่อเผชิญกับคำขอของจางเฉียน หลินโม่อวี่จึงไม่ปฏิเสธ
“กรุณารอสักครู่ครับท่านผู้อาวุโส”
หลินโม่อวี่เพิ่งเปลี่ยนคลาสมาดังนั้นเขาจึงยังไม่คุ้นเคยกับมันมากนัก
ตรวจสอบค่าสถานะ
[ชื่อ: หลินโม่อวี่]
[คลาส: เนโครแมนเซอร์ (เอกลักษณ์)]
[เลเวล: 1 (0.00%)]
[ความแข็งแกร่ง: 10]
[ความว่องไว: 10]
[วิญญาณ: 20]
[ร่างกาย: 10]
[อุปกรณ์สวมใส่: ไม่มี]
[มิติอัญเชิญ: 0/10]
[สกิล: เปลวเพลิงวิญญาณ (เลเวล 1), อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 1)]
[เปลวเพลิงวิญญาณ (เลเวล 1): เผาวิญญาณของเป้าหมาย ทำให้เกิดความเสียหายจากเพลิงไหม้ ความรุนแรงนั้นขึ้นอยู่กับค่าวิญญาณและเลเวลของผู้ใช้]
[อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 1): อัญเชิญนักรบโครงกระดูกระดับเหล็กดำ (นักรบโครงกระดูกสามารถแบ่งระดับออกเป็นเหล็กดำ ทองแดง เงิน ทอง เพชร ตำนาน และระดับพระเจ้า)]
จากค่าสถานะของเขา ค่าสถานะวิญญาณของเขานั้นมากกว่าค่าสถานะอย่างอื่น และนี่ยังบ่งบอกได้อีกว่าคลาสเนโครแมนเซอร์ของเขานั้นเป็นคลาสที่อยู่ในสายจอมเวทย์ อีกทั้งสกิลเปลวเพลิงวิญญาณของเขายังแสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
แต่สกิลอัญเชิญนักรบโครงกระดูกของเขานั้นค่อนข้างคล้ายกับคลาสผู้เรียกใช้อสูร
สำหรับสกิลเปลวเพลิงวิญญาณนั้นมันไม่เหมาะสำหรับการแสดงออกมาในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นหลินโม่อวี่จึงเลือกที่จะแสดงสกิลอัญเชิญนักรบโครงกระดูกแทน
เมื่อสกิลของเขาถูกเปิดใช้งาน กระแสน้ำวนสีดำก็ปรากฏขึ้นรอบๆตัวของหลินโม่อวี่
จากนั้นนักรบโครงกระดูกที่ลุกโชนไปด้วยไฟวิญญาณก็ออกมาจากกระแสน้ำวนนั้น
ค่าวิญญาณของเขาลดลงจาก 20 หน่วยเหลือ 10 หน่วยในทันที มันถูกใช้ไปครึ่งหนึ่งจากการอัญเชิญนักรบโครงกระดูก
กระดูกของนักรบโครงกระดูกระดับเหล็กดำนั้นล้วนเป็นสีเทา
มีรอยแตกมากมายทั่วร่างกายของมัน และแม้แต่มีดในมือของมันก็ยังเก่าเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าโครงกระดูกนี้ไปเอามันมาจากกองขยะที่ไหน
จริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่มีด แต่นักรบโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญออกมานั้นดูเหมือนกับว่ามันเพิ่งออกมาจากกองขยะ
นักรบโครงกระดูกระดับเหล็ดดำนี้ดูไม่ได้ทรงพลังมากนัก มันมีลักษณะท่าทางราวกับว่ามันจะแตกสลายไปเมื่อไหร่ก็ได้
หลินโม่อวี่ใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบค่าสถานะของนักรบโครงกระดูก
[นักรบโครงกระดูกเหล็กดำ]
[ความแข็งแกร่ง: 15]
[ความว่องไว: 15]
[วิญญาณ: 15]
[ร่างกาย: 15]
[อุปกรณ์สวมใส่: ไม่มี]
ค่าสถานะทั้งสี่มีความสมดุลกันมาก
มันไม่ได้มีทั้งข้อดีและก็ไม่ได้มีทั้งข้อเสีย
มันไม่ได้มีสกิลอะไรที่ยิ่งใหญ่ มันใช้ได้เพียงแค่การโจมตีปกติเท่านั้น
มันไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น
เมื่อนักรบโครงกระดูกปรากฏตัว เหล่านักเรียนก็อุทานด้วยความหวาดกลัวและถอยไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
ผู้คนมักจะกลัวสิ่งที่น่ากลัวเสมอ แต่ก็มีคนบางคนที่ไม่ได้กลัวและไม่ได้เคลื่อนไหวไปที่ใด
หนึ่งในคนที่เป็นเช่นนั้นคือเกาหยาง ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ปลายนิ้วของฉางเจียนเปล่งประกายอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นลมกรรโชกที่รุนแรงก็พุ่งเข้าใส่นักรบโครงกระดูก
ดวงตาของนักรบโครงกระดูกกลายเป็นสีแดง และเมื่อมันมองไปทางฉางเจียน ไฟแห่งการต่อสู้ก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
[นักรบโครงกระดูกถูกโจมตี คุณต้องการให้มันต่อสู้กลับหรือไม่ (ถ้าคุณไม่ทำการเลือกภายในสิบวินาที นักรบโครงกระดูกจะตอบโต้กลับโดยอัตโนมัติ)]
ทันใดนั้นข้อความแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของหลินโม่อวี่ และเขาก็รีบสั่งให้นักรบโครงกระดูกไม่ขยับ
จางเฉียนยิ้มก่อนจะพูดว่า
“นายเป็นคนที่ฉลาดไม่เบาเลย”