ตอนที่ 12 หาเรื่องทุกคน
เหอเซิน?
คนคุ้นเคยอีกคน!
เขาไม่รู้ว่านี่ใช่เหอเซินคนเดียวกับในประวัติศาสตร์ไหม
หลินเป่ยฟานหัวเราะ“ชื่อดี ข้าชอบชื่อเจ้ามาก!ในแวดวงขุนนางและทหาร ตราบเท่าที่เจ้ากล้ายืนและแก้ไขปัญหาให้ข้า ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้า!”
เหอเซินยินดี“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
หลินเป่ยฟานถามเสียงดัง“ข้าถามเจ้า เจ้าคิดจะทำอย่างไรถ้าพ่อค้าเหล่านี้ต่อต้านคำสั่ง?”
“ฝ่าบาท โทษหนักควรใช้ในเวลายากลำบาก!’เหอเซินพูดเสียงดัง”เวลานี้บ้านเมืองกำลังลำบาก ถ้าพวกมันต่อต้านคำสั่งและไม่ยอม พวกมันก็คือคนทรยศ ข้าคิดว่า..พวกมันควรโดนประหาร!”
พอเขาพูด เขาก็ชักดาบที่เอวออกมา และแสงเย็นก็ส่องไปทั่วราชสำนัก
“พูดได้ดี!’หลินเป่ยฟานถามอีกครั้ง”ข้าขอถามเจ้า ถ้าพ่อค้าเหล่านี้ไม่เห็นราชสำนักในสายตา งั้นควรทำเช่นไร?”
“ฝ่าบาท ถ้าไม่มีราชสำนักในสายตา ก็ไม่ต้องใส่ใจ!”เหอเซินพูดเสียงดัง“สงครามกำลังจะเกิด บ้านเมืองต้องไม่วุ่นวาย เราควรเตรียมตัวก่อนจะเกิดสงคราม นั่นทำให้ข้าคิดว่า..ข้าควรประหารพวกมัน!”
ดาบเหมือนจะระเบิดพลังอีกครั้งและแสงกระหายเลอืดก็สาดส่อง ทำให้เหล่าขุนนางรู้สึกหนาวสั่น
หลินเป่ยฟานพูดเสียงดัง“ข้าขอถามเจ้าอีก ถ้าพ่อค้าเหล่านี้ข่มขู่ข้าและราชสำนักเล่า?”
“ฝ่าบาท ถ้าพวกมันกล้าข่มขู่ฝ่าบาทและราชสำนัก พวกมันก็คือคนทรยศ!ข้าไม่คิดว่าต้องพูดอะไรเกี่ยวกับคนทรยศ…”
“ช่างเป็นจิตสังหารที่รุนแรงนัก!แต่ข้าชอบจิตสังหารเจ้า ข้าชอบคนมีพรสวรรค์เยี่ยงเจ้า!”หลินเป่ยฟานปรบมือและหัวเราะ“งั้น ข้าจะให้เจ้าจัดการ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง!ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายครัวเรือนขอมอบให้เจ้า!”(ครัวเรือนก็การคลัง)
เหอเซินดีใจ“ขอบพระทัยฝ่าบาท ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
“ข้ามอบอำนาจให้เจ้าเลือกองครักษ์ร้อยคนในวังหลวงไปทำหน้าที่นี้!ใครก็ตามที่กล้าหยุดจะถูกฆ่าโดยไม่ต้องไต่สวน!”หลินเป่ยฟานโบกมือ“ไป ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า!”
“ขอรับ ฝ่าบาท!”เหอเซินพูด
จากนั้น เหอเซินก็ก้าวถอยและเรียกองครักษ์ที่สนิทมา และออกไปจับคนฉวยโอกาสเข้าคุก
ถ้ามีใครกล้าต่อต้าน ก็ให้ฆ่าได้เลย!
ทันใดนั้น เมืองหลวงก็เต็มไปด้วยเลือด
พ่อค้าเหล่านี้คงไม่กล้าคิดว่าจักรพรรดิน้อยที่เพิ่งนั่งบัลลังก์ได้ไม่กี่วันจะไม่สนใจขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาเลยและกล้าโจมตีพวกเขา
ไม่นาน ก็มีหัวมากมายกลิ้งตกพื้น
และของพวกเขาก็มาเติมท้องพระคลัง บางส่วนยังถูกขายที่ราคาต่ำและอีกส่วนใช้เป็นของสำหรับกองทัพ
ทุกคนประสานมือชม แต่ในใจกังวลมาก
กองทัพของอาณาจักรโม่กำลังจะบุก และในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จักรพรรดิน้อยยังกล้าตอแยพวกตระกูลใหญ่ นี่ต่างกับการรนหาที่ตายตรงไหน?
จะตายก็ตายไป อย่าลากเราไปด้วย
พอเห็นแบบนี้ หลายคนก็ส่ายหัวและถอนหายใจ
“คนเหล่านั้นไม่ควรยุ่ง แต่ทั้งหมดกลับโดนจับไม่ก็ฆ่า!”
“ถ้ายังทำแบบนี้ อาณาจักรเซี่ยต้องล่มจมแน่!”
“อาณาจักรเซี่ยทำอะไรผิด ทำไมเราถึงมีราชาโง่เยี่ยงนี้?”
“ข้าพนันว่าอาณาจักรเซี่ยจะอยู่ได้ไม่เกินสองเดือน!”
..
หลายคนรีบหนี
เพราะในอาณาจักรเซี่ย พวกเขาไม่เห็นความหวังเลยจริงๆ
เพราะอีกคำสั่งโง่ๆได้ลากบ้านเมืองลงหุบเหว อัครเสนาบดี แม่ทัพไช่วิตกมากและขอเข้าวังเพื่อพบหน้าและโน้มน้าวหลินเป่ยฟาน
“ท่านลุงทั้งสอง ท่านมีอะไรหรือ?”หลินเป่ยฟานถามขณะจิบชา
อัครเสนาบดีเซียวกั๋วเหลียงพูด“ฝ่าบาท โปรดถอนคำสั่งด้วย พ่อค้าเหล่านั้นไม่อาจฆ่าได้ และเสบียงของพวกเขาก็มิอาจปล้น! คนเหล่านั้นมีภูมิหลังแข็งแกร่ง เราไม่อาจยั่วยุได้!เมื่อพวกเขาโกรธ อาณาจักรเราจะโดนทำลาย!”
“ใช่แล้ว ฝ่าบาท เราได้ยั่วยุอาณาจักรโม่แล้ว เราไม่อาจตอแยศัตรูอื่นได้ มันยังไม่สายเกินที่จะหยุด!’แม่ทัพไช่โน้มน้าว
หลินเป่ยฟานโบกมือ“ไม่ต้องพูดอีก ข้าตัดสินใจแล้ว! พวกคนเหล่านั้นทำเงินจากสงครามได้มากและถ้าข้าฆ่าพวกมัน บ้านเมืองก็จะมั่นคง!”
“แต่ พวกเขาไม่อาจยุ่งด้วยได้ มันจะนำไปสู่ความล่มจม..”
หลินเป่ยฟานตะโกน“เจ้าต้องจำไว้ว่าอาณาจักรเซี่ยจะไม่มีวันล่มจม ภายใต้การนำของข้า มันจะรุ่งเรืองและมีแต่แข็งแกร่ง!ถ้าไม่มีอะไรอีก พวกเจ้าก็ไปได้แล้ว”!
“ฝ่าบาท..’
‘ข้าเหนื่อยแล้ว ไปได้!”