บทที่ 7 บาชาโม่และผลปีศาจ
บทที่ 7 บาชาโม่และผลปีศาจ
ทว่าทางอาร์เซอุสกลับไม่ค่อยพอใจในผลลัพธ์มากนัก เขาพบว่าการให้ความสามารถโดยตรงดูเหมือนจะใช้พลังงานของเขาไปอย่างมาก
อาร์เซอุสมีความสามารถในการสร้างโปเกมอนในตำนานอย่างดีอัลกาและพัลเกีย แต่เขาจำเป็นต้องพึ่งพาพลังของศิลาแห่งชีวิต ปัจจุบันเขามีเพียงสองแผ่นและพลังของเขายังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นพลังงานที่เสียไปนี้ดูเหมือนจะมากเกินไปหน่อย
แต่มันก็ช่วยยืนยันเรื่องความสามารถของเขาได้ หากเขาถ่ายทอดความสามารถของโปเกมอนเข้าร่างกายมนุษย์เป็นรากฐานโดยตรง มันก็ต้องแลกมาด้วยพลังงานของเขาเอง
“ผู้ใช้ความสามารถ” ที่ได้รับพลังจากตัวเขาจะไม่แพ้น้ำทะเล พูดให้ถูกก็คือผู้ใช้ความสามารถจะไม่แพ้น้ำทะเลหรือหินไคโร รวมทั้งส่วนประกอบพิเศษที่มีชื่อว่า“ไพโรโบรอิน”
เป็นเพราะว่ามีอนุภาคไพโรโบรอินจำนวนมากในหินไคโร จึงทำให้ความสามารถของผลปีศาจเป็นโมฆะและน้ำทะเลในโลกนี้ก็มีส่วนประกอบของไพโรโบรอินเช่นกัน ดังนั้นทะเลจึงมีผลเช่นเดียวกับหินไคโรต่อผู้ใช้ผลปีศาจ
ทว่าของพวกนี้นี้ไม่ส่งผลต่อความสามารถของโปเกมอน
ส่วนเรื่องวิธีการประหยัดพลังงาน อาร์เซอุสมีความคิดอยู่แล้ว นั่นคือการใช้พลังเพื่อดัดแปลงผลปีศาจหรือใช้มันกับคนที่กินผลปีศาจ
แน่นอนว่าเขาต้องทดลองหลายครั้งจึงจะรู้ผลลัพธ์ ตอนนี้คงถึงเวลาที่จะได้เห็นผลลัพธ์ที่เฝ้ารอแล้ว
ร่างกายของเชย์น่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เธอแค่สูงขึ้นเพียงไม่กี่เซนติเมตรและนอกจากเปลวเพลิงที่หลังของเธอแล้ว เปลวไฟอันรุนแรงก็ยังปะทุขึ้นที่เท้าและข้อมือของเธอด้วย
ด้วยการเปลี่ยนสายเลือดเป็นความสามารถของโปเกมอน มันก็ส่งผลเหมือนกับผลปีศาจ ความสามารถของเชย์น่าในยามนี้คือความสามารถของบาชาโม่
ถ้าพูดในแบบของโลกใบนี้ มันคงจะถูกเรียกว่าโทริ-โทริ-โซออนระดับตำนาน-รูปแบบบาชาโม่
สิ่งที่เขามอบให้คือร่างสุดท้ายและความสามารถที่มอบให้นั้นก็ได้รับการปรับแต่งเรียบร้อยแล้ว
หากเขาสร้างโปเกมอนโดยตรง มันจะค่อยๆ พัฒนาความสามารถจากร่างแรกก่อน
แต่หากจะเอาความสามารถที่มอบให้โดยเขา ก็จำเป็นต้องผ่านเขาก่อน
เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกบาชาโม่คงเป็นเพราะชาวลูนาเรียใช้เปลวเพลิงอยู่แล้ว เชย์น่าเชี่ยวชาญด้านการเตะและหนึ่งในศิลาสองแผ่นที่เขามีในยามนี้คือประเภทไฟ
เขาสามารถสร้างพลังให้ได้ทุกธาตุ ตราบใดที่เขามีศิลาประเภทนั้นๆ อยู่
การใช้พลังงานในการสร้างสรรค์นั้นแปรผันตามความแข็งแกร่งของผู้ที่ได้รับความสามารถและความแข็งแกร่งของตัวโปเกมอนเอง
ในตอนแรกเขาต้องการลองสร้างโปเกมอนในตำนานประเภทไฟ แต่การใช้พลังงานมันมากเกินไปจนทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ไปก่อน
หน้ากากสีแดงได้ปกคลุมใบหน้าส่วนใหญ่ของเธอและผมสีขาวยาวของเธอก็ถูกแสกออกทั้งสองข้างห้อยลงมา ด้านนอกของร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยขนนกสีแดง ในยามนี้เธออยู่ในร่างมนุษย์-สัตว์ แต่ความแตกต่างระหว่างร่างสัตว์ของบาชาโม่และร่างของเธอไม่ค่อยชัดเจนนัก มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้นที่เผยให้เห็นถึงเนื้อหนังภายใน
เมื่อมีสภาพเช่นนี้ คงไม่มีใครสามารถจดจำตัวตนดั้งเดิมของเธอได้หรอก
“ตอนนี้คนของข้าทั้งสองมีความสามารถแล้ว ส่วนเจ้า หากเจ้าคิดว่าจะไม่แพ้หากต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 ก็ลองดูได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของอาร์เซอุส หน้าผากของควีนก็มีเหงื่อออกเต็มไปหมด เขาแค่ทำตัวดื้อรั้นเพราะไม่ต้องการที่จะยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้นเอง
เชย์น่าและคิงที่ไม่มีความสามารถก็จัดการได้ยากอยู่แล้ว ตอนนี้จู่ๆ เชย์น่ากลับได้รับความสามารถอย่างกะทันหัน จนดูคล้ายกับความสามารถของสายโซออนระดับตำนาน แล้วจะให้เขาไปสู้กับมันเพื่ออะไรล่ะ?
เมื่อมองไปที่เชย์น่าที่พร้อมจะพุ่งมาสู้ตลอดเวลา ควีนก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับไคโด
"ช่างมันเถอะน่า ไม่ต้องแล้ว ยังไงทุกคนก็จะต้องอยู่ฝ่ายเดียวกันนับจากนี้ไป การต่อสู้และการฆ่าย่อมมีแต่ส่งผลเสีย ไม่คิดอย่างนั้นเหรอพี่ใหญ่ไคโด?”
เขาหวังว่าไคโดจะหยุดพวกเขา แต่อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไรเลย
ดังนั้นเขาจึงได้มองไปทางไคโดและเห็นว่า ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว ราวกับว่าเขาได้เห็นสมบัติล้ำค่า
โถไวน์ในมือของเขาตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทะเลที่ปั่นป่วนโกลาหลอยู่แล้วคงจะน่าสนใจมากขึ้นแน่ด้วยเจ้าสัตว์ประหลาดตนนี้
การสร้างผู้ใช้ความสามารถจากความว่างเปล่าเช่นนี้ ช่างน่าประหลาดใจนัก เขารู้ดีเลยว่าตัวตนที่สามารถทำเช่นนี้ได้สุดยอดมากเพียงใด
“น่าทึ่ง น่าทึ่งมาก ช่างเป็นพลังที่สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้ ควีน นายก็จะเข้าร่วมกลุ่มโจรสลัดของฉันใช่ไหม?”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ไคโด นั่นเป็นเหตุผลยังไงล่ะว่าทำไมการต่อสู้กันเองจึงไม่ดี”
“ไม่หรอก นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงคุณค่าของนายในฐานะกัปตัน คำสั่งแรกที่นายต้องทำคือต่อสู้กับเธออีกครั้งและครั้งนี้จะเป็นแบบ 1 ต่อ 1”
เขาต้องการดูว่าความสามารถที่เปลี่ยนแปลงไปจะมากขนาดใด หากเขาได้เห็นมัน เขาก็จะรู้แน่ว่าพลังของเชย์น่าเพิ่มขึ้นมากมายเท่าไร
"หาาาา?"
ควีนสับสนกับคำสั่งของไคโด ในหัวเขาถึงกับกำลังคิดว่าตนก้าวลงเรือผิดลำหรือเปล่า
อารมณ์ของเขาตอนนี้ซับซ้อนมาก เขาไม่มีสายเลือดของเผ่าลูนาเรียและเขาก็ไม่ได้บูชาอาร์เซอุสด้วย
อีกทั้งเขาก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ไคโดกำลังคิดด้วย เมื่อเห็นพลังที่ปรากฏออกมาจากอากาศว่างเปล่า เขาก็ตะลึงเป็นอย่างมากเพราะมันมหัศจรรย์เกินไป
มหัศจรรย์มากพอที่จะทำลายสามัญสำนึกของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ไม่กี่นาทีต่อมา มันคือช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของควีน
เชย์น่าผู้ที่ได้รับความสามารถของบาชาโม่ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ร่างกายของเธอเปลี่ยนแปลงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งของขาของเธอ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากี่เท่าตัวกระทั่งเธอเองก็ยังไม่รู้
บาชาโม่สามารถกระโดดขึ้นไปสูง 30 ชั้นได้อย่างง่ายดายด้วยกำลังขาของมัน เมื่อแรงกระโดดนี้ถูกแปลงเป็นลูกเตะ แม้แต่ผู้ใช้ผลปีศาจสายโซออนก็ยังพบว่ามันยากที่จะป้องกัน นี่ยังไม่นับอุณหภูมิของเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ที่ขาอยู่นั้นสูงกว่าเมื่อก่อนจนเทียบไม่ติด
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ ควีนก็นอนราบกับพื้นในขณะที่เขาเลือกที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
อาร์เซอุสรู้สึกได้เลยถึงอารมณ์อันคุกกรุ่นของชายร่างกำยำสูงหลายเมตรที่อยู่ด้านข้างเขา มันแทบจะทำให้เขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“นี่คือความสามารถที่นายพูดถึงเหรอ?”
“ใช่ หากเจ้าหาศิลาให้ข้าได้ ข้าสามารถมอบความสามารถที่คล้ายกันนี้ให้กับคนที่เจ้าเลือกมาได้ อีกเรื่องหนึ่งคือ ยิ่งมีศิลามากเท่าไร ความสามารถของข้าก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ส่วนความสามารถที่ข้าสามารถสร้างได้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วย”
ถ้าหากมีใครคิดจะทรยศเขา เขาก็สามารถดึงพลังที่ให้ไปคืนกลับมาอย่างง่ายดาย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ความสามารถที่เขาให้ไปเพื่อมาจัดการกับเขาเอง
“ไม่มีปัญหา ว่าแต่ศิลาพวกนั้นอยู่ที่ไหน? ฉันรอไม่ไหวแล้ว ไปหาพวกมันกันเถอะ!”
“หากข้ารู้ว่าศิลาเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน ข้ายังต้องทำข้อตกลงนี้กับเจ้าด้วยหรือ? ข้าต้องการคนเพิ่มเพื่อตามหาที่อยู่ของศิลาเหล่านี้ ข้าสามารถสัมผัสได้หากพวกมันอยู่ใกล้ตัวข้า ว่าแต่เจ้ามีผลปีศาจหรือเปล่า? ข้าอยากลองทดสอบกันมันดู เพื่อดูว่าข้าจะสามารถเปลี่ยนความสามารถของโซออนธรรมดาให้เป็นโซออนในตำนานได้หรือไม่ และข้าก็จะทดสอบด้วยว่าข้าสามารถคงพลังไว้ที่ผลปีศาจได้นานเพียงใด”
เขาไม่ได้บอกว่าการเพิ่มพลังให้โดยตรงนั้นใช้พลังมากเกินไป เขาตอบโดยเลี่ยงเรื่องนี้ไป และเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นสายโซออน มันเป็นเพราะผลไม้โซออนมีคุณสมบัติเฉพาะ พวกมันไม่เพียงแต่สามารถถ่ายทอดความสามารถให้กับวัตถุที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น แต่ยังมีเจตจำนงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวมันเองอีกด้วย
การเปลี่ยนผลเป็นประเภทอื่นอาจจะต้องใช้ความพลังของเขามากกว่าการเพิ่มความสามารถให้กับผู้อื่นโดยตรงด้วยซ้ำ
“ไม่มีหรอก พวกมันหายากมาก แต่ฉันกำลังคิดที่จะสร้างกองทัพผู้ใช้ผลโซออนอยู่ ในอนาคตฉันจะไปรวบรวมพวกมันมา”
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ผลไม้สีม่วงดำอวบอ้วนก็ได้กลิ้งมาตรงเท้าพวกเขา...