บทที่ 6 ควีนผู้ถูกทุบตีในการพบกันครั้งแรก
บทที่ 6 ควีนผู้ถูกทุบตีในการพบกันครั้งแรก
ควีนถือถังเหล็กใบใหญ่ในขณะที่เขาพูดกับไคโด
การหนีออกมาจากสถาบันทดลอง คือสิ่งที่เขาใช้ในการทดสอบว่าไคโดเหมาะแก่การเป็นกัปตันของเขาหรือไม่ ส่วนถังที่เขาถือนั้นเต็มไปด้วยซุปถั่วแดงกับโมจิ ถึงอยู่ไกลๆ ก็ยังได้กลิ่นอันหอมหวาน
“แต่ดูเหมือน พี่ใหญ่ไคโดจะพบลูกเรือที่เก่งกาจแล้วสินะ เฮ้ย เฮ้ย เอ็ย แกกำลังคิดจะทำอะไรอยู่เนี่ย?!”
ก่อนที่ควีนจะพูดจบ ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาและขาขวาที่ลุกเป็นเปลวเพลิงก็กวาดไปทางใบหน้าของเขาอย่างเกรี้ยวกราด ถังเหล็กได้สกัดกั้นการโจมตีไว้ได้ แต่มันก็เสียรูปจนทำให้โมจิและซุปถั่วแดงที่เหลือกระจัดกระจายบนพื้น
“ไอ้สารเลว แกคือสมาชิกของสถาบันวิจัยนั่น! ข้ายังไม่ลืมหน้าของแกหรอกนะ!”
เป็นเชย์น่าเองที่เข้าโจมตี ควีนเคยร่วมงานกับสถาบันวิจัยแห่งนั้นมาก่อน ทำให้ใบหน้าเหล่านั้นยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของเชย์น่า
ทั้งเธอและคิงไม่มีรูปแบบการต่อสู้ที่แน่นอน สิ่งที่พวกเขารู้คือต้องชนะในการต่อสู้เท่านั้น ทว่าถึงกระนั้นทั้งสองก็มีความเชี่ยวชาญเป็นของตัวเอง คิงเก่งกว่าในการใช้อาวุธประเภทดาบ ในขณะที่เชย์น่าคุ้นเคยกับวิชาศิลปะการต่อสู้และมีทักษะการเตะที่ยอดเยี่ยม
“ไม่ใช่ฉันที่รับผิดชอบการวิจัยนะโว้ยยย อ้าาาาา! โมจิและซุปถั่วแดงของฉัน! เพิ่งได้กินไปคำเดียวเอง!”
มือกลที่แขนซ้ายขัดขวางลูกเตะของเชย์น่า ความร้อนที่แผดเผาทำให้หนวดของเขางอเล็กน้อย แต่โมจิและซุปถั่วแดงที่หกไปทั่วพื้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาโกรธ
อาร์เซอุสไม่ได้พยายามที่จะหยุดเชย์น่าเลย เขารู้ว่าเธอสะสมความโกรธไว้มากเพียงใดในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนในสถาบันวิจัยตกเป็นเป้าของเธอในการระบายอารมณ์ แต่ดูเหมือนว่าไคโดเองก็อยากจะรับควีนเป็นหนึ่งในลูกเรือเช่นกัน
“เจ้าไม่กังวลหน่อยหรือ?”
“มันเป็นแค่การทะเลาะกันเอง ทำไมต้องกังวลด้วย? หากเราต้องการทำงานร่วมกันในอนาคต แทนที่จะมากังวลเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ให้พวกเขาสะสางมันให้จบก็สิ้นเรื่อง”
“เธอไม่ได้สัญญาว่าจะเข้าร่วมกับเจ้า”
“แต่เธอจะปฏิบัติตามคำสั่งของนายทั้งหมดอย่างแน่นอน นายไม่คิดที่จะเข้าร่วมทีมโจรสลัดของฉันจริงๆ เหรอ? ฉันสามารถให้ตำแหน่งรองหัวหน้าแก่นายได้นะ”
“ข้าไม่สนใจ” ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งเปียกๆ บนหัวของเขาและเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นว่าไคโดเริ่มร้องไห้อีกครั้ง แถมยังหยิบเหยือกไวน์ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และเริ่มดื่มเข้าไปอึกใหญ่
“ช่างน่าเสียดาย คิง นายเองก็ทำทุกอย่างตามใจที่นายต้องการเถอะ ฉันไม่มีสิทธิ์ไปบังคับนายอยู่แล้ว” เขาสัมผัสได้ว่าคิงเองก็ไม่พอใจควีนเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่ได้หุนหันพลันแล่นเหมือนเชย์น่า
คำพูดของไคโดดูเหมือนจะเปิดสวิตช์ของคิง ไม่มีใครได้เปรียบในการต่อสู้ระหว่างควีนและเชย์น่า แม้ว่าควีนจะมีร่างกายที่ใหญ่กว่า แต่เขาก็ไม่สามารถแตะต้องเชย์น่าได้เลย ซึ่งแสดงให้เห็นเลยว่าเชย์น่ามีความชำนาญด้านการต่อสู้ในอากาศเพียงใด
ทว่าเขาก็ถูกคิงโจมตีจนส่งร่างของเขากลิ้งไปด้านข้างเหมือนลูกบอล คิงและเชย์น่าร่วมมือกันอย่างเข้าขา ก่อนหน้านี้ทั้งสองต่อสู้ด้วยกันมาโดยตลอด ดังนั้นความรู้ใจกันของพวกเขาจึงไม่ธรรมดาเลย
ซึ่งเมื่อเห็นไคโดกำลังร้องไห้และดื่มอยู่ข้างๆ ควีนก็เข้าใจได้ทันทีว่าไคโดไม่ได้คิดจะมาช่วยหยุดสองคนนี้
ก่อนหน้านี้เขาต้องการดูว่าไคโดมีความสามารถในการหนีจากสถาบันวิจัยและคู่ควรกับการเป็นกัปตันของเขาหรือเปล่า
ยามนี้ไคโดก็ดูเหมือนจะมีความคิดแบบเดียวกันกับเขา
“ไอ้สารเลวทั้งสอง พวกแกทำให้ฉันโกรธแล้วนะ!” ผิวของควีนเริ่มหยาบกร้านและมีสีน้ำตาลอ่อนกระจายออกไป ร่างกายที่กลมของเขาได้สูงใหญ่ขึ้นไปอีกและแบรคิโอซอรัสตัวใหญ่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง
ผลริวริว-สายโซออนโบราณ-แบรคิโอซอรัสเป็นสายโซออนที่หายากพอสมควร
ทว่ามันไม่เหมือนกับสายโซออนทั่วไป ร่างกายของควีนมีร่องรอยการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ไม่เพียงแต่มือซ้ายเท่านั้น แต่ปลายหางและหัวก็มีตะขอแบบกลไกด้วย
แม้ว่าการโจมตีที่ผ่านมาจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บพอสมควร แต่ความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของสายโซออนนั้นค่อนข้างทรงพลัง ทำให้เขายังคงทนรับอยู่ได้
ร่างกายของเขาคล้ายถูกดัดแปลงมามากมาย มีกระบอกปืนสองกระบอกยื่นออกมาจากปากของเขา และมันก็ยิงกระสุนจำนวนมากใส่เชย์น่า
ทว่าเชย์น่าเพียงแค่ใช้ปีกของเธอซึ่งห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงจำนวนมากเพื่อป้องกันการโจมตีทั้งหมดของควีนที่อยู่เบื้องหน้าเธอ
ยิ่งเปลวเพลิงของชาวลูนาเรียลุกไหม้มากขึ้น พลังป้องกันของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ความเร็วของพวกเขาก็จะช้าลง ดังนั้นการเปลี่ยนรูปแบบของพลังอันยืดหยุ่นจึงเป็นความแข็งแกร่งที่สำคัญมากอย่างยิ่งยวดในการต่อสู้ของพวกเขา
จากนั้นคิงก็เข้าไปแทนที่ตำแหน่งของเชย์น่า ในขณะที่ขาเพลิงของเชย์น่าก็เตะควีนอีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันคิงยังไม่มีอาวุธ พลังการต่อสู้ของเชย์น่าจึงแข็งแกร่งกว่าของเขาพอสมควร
"ไอ้เด็กน้อยที่แส่เข้ามาเล่นกับไฟ รับท่านี้ไปซะ!" กรงเล็บกลที่ปลายเปียได้ลุกเป็นไฟและจากนั้น มันก็คว้าเชย์น่าให้มาอยู่ในอุ้งมือของควีน
ทว่าเมื่อเปลวเพลิงที่หลังของเชย์น่าดับลง ความเร็วของเธอกลับเพิ่มขึ้นทันทีและเธอก็เตะหน้าควีนไปอีกครั้ง ซึ่งด้วยความที่เธอยังคงค่อนข้างอ่อนแอบวกกับขนาดที่แตกต่างกัน ดังนั้นเธอจึงไม่สร้างความเสียหายด้วยการโจมตีนี้ได้มากขนาดนั้น
ถึงเพดานการเติบโตของเธอจะค่อนข้างสูง แต่เธอในตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กอยู่ เธอจึงอ่อนแอกว่าคนที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยผลปีศาจและการดัดแปลงร่างกายอยู่มาก
แต่ในสถานการณ์แบบสองต่อหนึ่ง เขาก็ยังคงถูกคิงและเชย์น่าทุบตีด้วยความโหดเหี้ยม
เมื่อเห็นเชย์น่าและคิงระบายความโกรธออกมามากพอแล้ว ไคโดจึงคิดที่จะเข้ามาหยุดการต่อสู้นั้น ความแค้นในอดีตจะจบลงนับจากนี้และทุกคนจะต้องลงเรือลำเดียวกันในอนาคต แต่ดูท่าควีนจะยังไม่ยอมรามือ
“สู้กับฉันแบบหนึ่งต่อหนึ่งสิสิถ้าแกเก่งจริง! แล้วฉันจะทำให้แกรู้ว่าความแข็งแกร่งมันเป็นยังไง!”
“คิดจะพึ่งก้อนไขมันที่อยู่ในร่างกายแกหรือไง?”
“อย่าพูดไร้สาระนะสาวน้อย ตัวฉันมีกล้ามเนื้อทั่วตัวและแค่อ้วนมากเท่านั้นเอง ฉันเพียงแต่กลัวว่าถ้าน้ำหนักฉันลดลงไป มันจะหล่อเกินและผู้คนอาจจะหลงใหลตกหลุมรักฉันถ้วนหน้า ถ้าเห็นตอนฉันผอม เธอคงจะมาเผลอหลงรักฉันแน่!”
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วไอ้สารเลวหลงตัวเอง ถึงน้ำหนักจะลด แต่แกก็จะไม่แข็งแกร่งมากนักหรอก แกมันก็แค่ผู้ใช้ผลปีศาจสายโซออนที่ได้แต่กระโดดหนีไปมาเท่านั้น”
“เชย์น่า เจ้าต้องการพลังที่คล้ายกันไหม?” จู่ๆ อาร์เซอุสก็ถามเชย์น่าและหลังจากได้รับคำตอบของเธอ ศิลาแห่งเปลวเพลิงก็ปรากฏออกมา
นี่คือความสามารถของเขา อาร์เซอุสเป็นผู้สร้างโลก โลกให้กำเนิดโปเกมอน ซึ่งหมายความว่าเดิมทีอาร์เซอุสสามารถใช้พลังของศิลาแห่งชีวิตเพื่อสร้างโปเกมอนได้
ด้วยการใช้พลังแห่งการสร้างสรรค์เพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายคณานับ เพียงแต่เขายังไม่ได้ฝึกฝนมัน ดังนั้นเขาจึงอยากจะลองใช้พลังในตอนนี้ดู
พลังพิเศษได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเชย์น่าและความรู้สึกร้อนระอุก็ได้ไหลไปทั่วร่างกายของเธอไปตามหลอดเลือด เปลวเพลิงที่อยู่ด้านหลังของเชย์น่าพลันรุนแรงมากขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มันคืออะไรกัน?”
“ลองใช้ดูสิ มันคงจะคล้ายกับสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าผลปีศาจ”
เชย์น่ารวบรวมพลังในร่างกายของเธอตามคำแนะนำของอาร์เซอุสและมือของเธอก็กลายเป็นกรงเล็บอันแหลมคม หน้ากากสีแดงได้ปรากฏบนใบหน้าของเธอ เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ไคโดก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ทันที ราวกับได้พบคู่แห่งโชคชะตาที่อยู่ในฝันของเขา
เชย์น่ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเธอ
ทั้งเธอหรือคิงที่เห็นเช่นนี้ ก็ได้รู้สึกถึงเปลวเพลิงแห่งความหวังที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา
ผลปีศาจจะสร้างความสามารถพิเศษขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสามัญสำนึกในท้องทะเล ไม่ว่าใครต่างก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
ทว่าหากพลังนี้ปรากฏจากแหล่งอื่น พวกเขาคงจะสับสนกัน แต่เนื่องจากมันมาจากอาร์เซอุสที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาบูชา ทุกอย่างก็ล้วนสมเหตุสมผล
ทำไมพวกเขาต้องแบกไข่ยักษ์ระหว่างการหลบหนีด้วย? นี่เป็นคำถามที่เด็กๆ ทุกคนของเผ่าเขาเคยต้องถามออกมา
เมื่อได้ยินคำถามนี้ พ่อแม่ของพวกเขาก็จะเล่าเรื่องราวที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาบูชาได้มอบพลังเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งให้กับพวกเขา บรรดาผู้ที่ได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์จากการอาบเปลวเพลิงก็จะกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า
ครั้งหนึ่งนี่เป็นเพียงตำนานที่แสนเลือนราง แต่วันนี้พวกเขาได้ประจักษ์กับพลังของอาร์เซอุสแล้ว
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาบูชามาหลายชั่วอายุคนได้ตื่นขึ้นแล้วและภายใต้แสงสว่างแห่งพลังนี้ ความรุ่งโรจน์ของชาวลูนาเรียจักหวนกลับมาอีกครั้ง...