บทที่ 596: หยินซื่อผู้โชคดี
เมื่อหูหลินได้ยินคำพูดของหยินซื่อ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ
ตามปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องอยากเอาชีวิตตัวเองให้รอดกันทั้งสิ้น แต่จู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็มาขอร้องให้ไว้ชีวิตคู่ของตนเท่านั้น
เดิมทีพวกภูตให้ความสำคัญกับคู่ตัวเองมากที่สุด ทันทีที่ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผีได้เห็นความจริงใจของหยินซื่อ เขาก็ลังเลที่จะปฏิเสธอยู่พักหนึ่ง
ต่อมา เขามองไปที่หูเจียวเจียวกับหลงโม่เพื่อขอความคิดเห็นของพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของหูหลิน คำพูดของจิ้งจอกสาวเทียบเท่ากับคำประกาศิตจากเทพอสูร
ในเมื่อมันเป็นคำประกาศิตของเทพอสูร ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้านใด ๆ
ทางด้านหูเจียวเจียวไม่ตอบในทันที เธอเลือกที่จะถามที่มาที่ไปเพื่อคลายความสงสัยของตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก
“หยินซางเป็นหัวหน้าเผ่าของเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่ช่วยเขา แล้วยังแอบทำร้ายเขาลับหลังด้วย ในเมื่อเจ้าสามารถทรยศคนที่เป็นหัวหน้าเผ่าของตัวเองได้ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเราจะต้องเชื่อใจคนแบบเจ้าด้วย?”
คำถามของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มที่หมอบตัวสั่นอยู่บนพื้นสะดุ้งโหยง จากนั้นเขาก็กำหมัดแน่น ก่อนที่เขาจะกัดฟันพูดว่า
“เขาไม่ได้สนใจว่าคนในเผ่าจะเป็นหรือตายเลยสักนิด เขาสนใจเพียงแค่เรื่องของตัวเองเท่านั้น ข้า… ข้าอาจจะไม่รู้ว่าอะไรถูกหรือผิด แต่ข้าก็คิดเพียงแค่อยากให้ลูกเมียข้ามีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไปให้ดี...”
“ถ้าคู่ของข้าติดโรคระบาด เขาไม่มีทางรักษานางอย่างแน่นอน!”
หยินซื่อเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปในเผ่าเล็ก ๆ
เขาไม่ใช่ภูตที่ทรงพลังนักและไม่ได้ใฝ่ฝันที่จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครทั้งนั้น
ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของชายหนุ่มคือการได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กับคู่ของตัวเองไปจนแก่เฒ่า
หากเขาไม่สามารถทำตามความปรารถนานี้ได้จริง ๆ… อย่างน้อยเขาก็อยากช่วยให้นางได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของหลงโม่หรี่ลง และสายตาเย็นชาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นชื่นชมอีกฝ่ายเล็กน้อย
ถ้าเป็นตัวเขาเอง เขาก็เลือกที่จะปกป้องเจียวเจียวเช่นกัน
ขณะนั้นหูเจียวเจียวส่ายหัวเบา ๆ
ท่าทางของจิ้งจอกสาวทำให้ใบหน้าของหยินซื่อซีดเซียว
ข้าทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม…
“แม้ว่าเจ้าจะช่วยเผ่าได้ครั้งหนึ่ง แต่…” หูเจียวเจียวลากเสียงคำสุดท้าย ในขณะที่เธอหันไปมองหยินชางที่ยังคงยืนเงียบอยู่กับที่
ส่วนหยินซื่อมองตามสายตาของหญิงสาว และเข้าใจบางสิ่งบางอย่างในทันใด เขาจึงรีบตะโกนบอกหยินชางว่า
“ในตอนที่เกิดเรื่องกับพ่อแม่ของเจ้า พวกเรายังเป็นเด็กอยู่เลย เราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในเหตุการณ์นั้น แล้วอีกอย่าง นอกจากหยินเสวี่ยแล้ว ผู้หญิงคนอื่น ๆ ในเผ่าก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย!”
“อย่างน้อยพวกนางก็บริสุทธิ์...”
ปัจจุบันภูตหญิงที่รอดชีวิตล้วนเป็นหญิงสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง
ส่วนคู่ของพวกนางก็ยังหนุ่มยังแน่น ในตอนที่เกิดเรื่องทุกคนยังเด็กกันอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ บางคนต้องนึกอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าเคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเผ่าด้วย
เมื่อหยินชางได้ยินคำพูดของหยินซื่อ หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน
ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นท่าทางกังวลของอีกฝ่าย เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าเขาฆ่าคู่ของชายผู้นี้ การกระทำของเขามันจะแตกต่างอะไรกับการที่ภูตเผ่าไป๋ผีคนอื่นรวมหัวกันฆ่าพ่อแม่ของตนกัน?
แล้วเขาจะต้องแก้แค้นใครอีกในเมื่อศัตรูของเขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดตอนนี้คือป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมแบบเดิมเกิดขึ้นอีก
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน หยินชางก็พยักหน้ารับเงียบ ๆ
นั่นทำให้หยินซื่อรู้สึกดีใจมากและกล่าวขอบคุณเด็กหนุ่มไม่หยุดปาก
“เจ้าอย่ารีบดีใจไป หากหลังจากนี้เจ้าแอบกระทำการอะไรที่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นในเผ่า ข้าจะโยนศพเจ้าออกจากเผ่าเมื่อไหร่ก็ได้” หูหลินพูดข่มขู่อีกฝ่าย
“ขะ-ข้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบและปฏิบัติตามกฎของเผ่าอย่างเคร่งครัด” หยินซื่อพยักหน้ารับซ้ำ ๆ
ในความเป็นจริงเรื่องนี้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นเอกฉันท์ระหว่างตัวเขากับคู่ของผู้หญิงที่เหลือก่อนแล้ว
เนื่องจากพวกเขาไม่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องของภูตอสูร พวกเขาแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ได้อยากลงไปลุยน้ำโคลนกับพวกคนชั่ว เมื่อหลายคนรู้ว่าหยินซางคิดวางแผนที่จะทำร้ายคนในเผ่าเยว่หูแบบเกินกว่าเหตุจนในอนาคตอาจจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้ พวกเขาก็ตัดสินใจหาหนทางอื่นเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
ซึ่งวิธีการเอาตัวรอดที่ว่าไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาทั้งหูหลินและหูเจียวเจียว
‘คนคนนั้น’ จะเป็นใครก็ได้ที่สามารถช่วยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสงบสุข
หลังจากทุกคนจัดการเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ในวันนี้เสร็จก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว
หลงเหยาหาวจนตาปิดพลางยืนโอนเอนไปมาอยู่ข้างหลังพี่ชายทั้ง 3 คน
เมื่อแม่จิ้งจอกเห็นว่าลูก ๆ ง่วงนอนกันหมดแล้ว เธอจึงบอกลาหูหลินและเตรียมพร้อมจะกลับบ้านไปพักผ่อน
ในตอนนั้นเอง หยินซื่อก็เข้ามายืนขวางพวกเธอเอาไว้
หลงโม่จึงขยับตัวไปยืนอยู่ข้างหน้าภรรยาสาวเป็นอย่างแรกแล้วเฝ้าดูการกระทำของเขาด้วยท่าทีปกป้อง
ภายใต้สายตาดุดันนั้นแฝงไปด้วยกลิ่นอายอันตรายพร้อมที่จะฟาดฟันคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ ถ้าหากภูตเผ่าไป๋ผีกล้าก้าวเข้ามาใกล้อีกเพียงก้าวเดียว เขาก็พร้อมที่จะลงมือปลิดชีวิตของอีกฝ่ายทันที
หยินซื่อที่เห็นสายตาคมกริบของชายร่างสูงก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า
“กรุณารอสักครู่ ข้ามีเรื่องอื่นที่จะบอกท่าน”
“เรื่องอะไร?” มังกรหนุ่มถามเสียงเรียบ
“ข้า... ข้ารู้ว่าใครฆ่าหยินเสวี่ย” ชายหนุ่มเหลือบมองหยินชางที่อยู่ตรงมุมห้องแล้วพูดโดยไม่ลังเล
หูเจียวเจียวที่ได้ยินเช่นนี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ารู้อย่างนั้นหรือ แล้วใครเป็นคนฆ่านางกัน?”
เป็นไปได้ไหมว่าหยินซางอยากจะฆ่าหยินเสวี่ยเพื่อปิดปากนาง?
แล้วการคาดเดาของหญิงสาวก็ได้รับคำตอบในไม่ช้า
“คนที่ฆ่าคือภูตผมสีแดงที่พวกท่านกำลังตามหาตัวกันอยู่” หยินซื่อเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
“ข้าบังเอิญเจอเขาตอนที่เดินผ่านที่เกิดเหตุวันนั้น แม้ว่าข้าจะยืนอยู่ห่างจากพวกเขาไปมากทำให้มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาชัดเจน แต่คนคนนั้นก็มีรูปร่างเหมือนกับภูตผมแดงที่ท่านอธิบายไว้ทุกประการ เขาเป็นภูตแมลงที่มีปากยาวและแหลมคม”
“ทำไมเขาถึงฆ่าหยินเสวี่ยและคู่ของนาง พวกเขามีเรื่องบาดหมางกันหรือ?” หูเจียวเจียวเลิกคิ้วถาม เธอคิดได้แค่ความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
ในยามที่หยินเสวี่ยเปิดปาก นางก็สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกอยากจะฆ่านางขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งภูตผมแดงคนนั้นก็คงมีความรู้สึกเดียวกัน
ทว่าหยินซื่อส่ายหัวพลางแอบมองหยินชางกับหลงหลิงเอ๋ออีกครั้งแล้วตอบว่า
“ไม่ หยินเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรกับเขาสักคำ ภูตผมแดงฆ่าพวกนางโดยตรงราวกับว่า…”
“ท่าทางของเขาเหมือนกับว่าเขามาที่นี่เพื่อฆ่าทั้ง 3 คนโดยเฉพาะ”
ชายหนุ่มพยายามไม่พูดถึงเรื่องที่หยินชางกับหลงหลิงเอ๋อวางยาพวกหยินเสวี่ยก่อนที่พวกนางจะถูกฆ่า
เมื่อหูหลินได้ยินคำบอกเล่าของหยินซื่อก็ทำสีหน้างุนงงทันที
มันจงใจไปฆ่าคนหรือ? ไอ้หมอนั่นต้องรู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายมากขนาดไหนถึงได้ลงมือทำแบบนั้น?
สิ่งที่เกิดขึ้นฟังดูน่าเหลือเชื่อมาก
“ขอบคุณที่เจ้าบอกเราเรื่องนี้” หูเจียวเจียวขอบคุณหยินซื่อเสียงอ่อนโยน
แต่ในความคิดของหญิงสาว สาเหตุที่เขาตัดสินใจมาบอกข่าวอาจเป็นเพราะเขาต้องการได้รับความไว้วางใจจากพวกเธอ
เนื่องจากผู้ชายคนนี้ให้ความช่วยเหลือพวกเธอมาโดยตลอด ความรู้สึกเกลียดชังแบบเหมารวมว่าเป็นภูตเผ่าไป๋ผีชั่วช้าของเธอที่มีต่อเขาจึงลดลง
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง...” หยินซื่อเกาหัวพลางพูดขึ้นอีกครั้ง
หลงจงเม้มปากและอดพูดออกไปไม่ได้ว่า “นี่ท่าน ถ้าท่านมีอะไรจะพูดก็รีบ ๆ พูดมาให้จบประโยคทีเดียวไม่ได้หรือไง? ข้าง่วงแล้วนะ”
เขาจะมัวชักช้าอืดอาดยืดยาดอะไรนักหนา!?
หยินซื่อที่รับรู้ได้ถึงอารมณ์หงุดหงิดของเด็กชายเผยรอยยิ้มแห้ง ๆ พร้อมกับแสดงสีหน้าขอโทษ
“พูดมา” หลงโม่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ในขณะที่หูเจียวเจียวกับหูหลินมองเขาอย่างสงสัย
พวกเขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะบอกข่าวที่น่าตกใจอะไรอีก
“พวกท่านกำลังตามหาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่หรือเปล่า ข้ารู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน...” ความจริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นว่าพวกจิ้งจอกสาวกำลังรอฟังตนอยู่ เขาจึงตัดสินใจพูดออกมา
เมื่อหูเจียวเจียวกับหลงโม่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันและดวงตาของพวกเขาก็ฉายแววปีติยินดี
ทำไมภูตเผ่าไป๋ผีคนนี้ถึงสามารถนำข่าวดีมาบอกพวกเขาได้เรื่อย ๆ?
ทันใดนั้นทุกคนก็ได้เรียนรู้ว่า การที่เราจะชอบใครสักคนหนึ่งหรือไม่ชอบใคร มันไม่ได้เกี่ยวข้องว่าเขาเป็นเผ่าพันธุ์หรือเชื้อชาติไหน มันขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวบุคคลเสียมากกว่า
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน?” หูเจียวเจียวโพล่งออกไปด้วยความอยากรู้
“นางไม่มีที่พักในเผ่าเป็นหลักแหล่ง และนางก็ไม่มีสหายร่วมทาง ถึงพวกท่านจะไปสอบถามคนอื่นในเผ่าก็คงไม่สามารถตามหาตัวนางได้อย่างแน่นอน แต่นางมักจะชอบไปพักผ่อนในที่ที่ไม่มีคนตอนกลางคืนตลอด ถ้าพวกท่านไปค้นหาตรงบริเวณที่รกร้างว่างเปล่า ข้ามั่นใจว่าพวกท่านจะพบตัวนาง”
หยินซื่อตอบยาวเหยียดโดยแทบไม่ได้พักหายใจ
“แล้วเจ้าไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” จิ้งจอกสาวถามอย่างสงสัย
“ตัวข้าเองก็ไปอาศัยนอนอยู่ในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเหมือนกัน แล้วข้าก็ได้พบกับนาง 2-3 ครั้ง” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มแกน ๆ
ในความเป็นจริง ภูตที่อาศัยหลับนอนตามทุ่งหญ้าก็เคยเห็นผู้หญิงคนนี้กันทั้งนั้น แต่คนอื่นไม่ได้สนใจนาง เขาที่เป็นคนที่มักจะสำรวจรอบตัวเพื่อระวังไว้ก่อนจึงจดจำนางได้
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าด้วยนิสัยติดตัวของตนมันจะมีประโยชน์เข้าสักวัน
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็โชคดีมากที่ได้เห็นทุกอย่างที่เป็นปริศนาสำหรับทุกคน” หลงจงพ่นลมเบา ๆ ก่อนจะเหยียดยิ้มพูด