บทที่ 594: ข้าแอบเอาของพวกนั้นกลับมา
หูเจียวเจียวกับหลงโม่ขมวดคิ้วแน่นหลังจากได้ยินคำพูดของหัวหน้าเผ่าไป๋ผี
นี่เขากล้าเอาเชื้อไปแพร่กระจายในเผ่าด้วยอย่างนั้นหรือ?
เขารู้ว่ามันจะทำให้ภูตทั้งเผ่าล้มตาย แล้วเขาก็ยังกล้าทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้อีก!
จังหวะนั้นหางมังกรตัวใหญ่ที่ถูกเหวี่ยงออกไปก็หยุดอยู่ที่หัวของหยินซาง
“กรรซ์!” ความโกรธครั้งใหม่ปะทุขึ้นในตาสีทองของหลงโม่
ทางด้านหัวหน้าเผ่าหลับตาแน่น หลังจากรอสักพัก เขาก็ตระหนักว่าตัวเองยังไม่โดนศัตรูทุบจนร่างแหลก ก่อนจะลืมตาทำหน้าเหลอหลา
ชายหนุ่มกัดฟันทนเจ็บในขณะที่เงยหน้ามองหลงโม่กับหูเจียวเจียว
ทันทีที่เขาเห็นว่าทั้งคู่อยู่ในอาการตื่นตะลึง เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายใส่ใจเรื่องนี้มาก
ข้ารอดแล้ว!
ข้าจะตายไม่ได้!
“พวกเจ้าต้องปล่อยข้าไปก่อนแล้วให้หมอผีมารักษาแผลของข้า ถึงเวลานั้นข้าถึงจะยอมบอกพวกเจ้า!” หยินซางเจรจาเงื่อนไขเสียงแข็ง
“ข้าคิดว่าเจ้าคงกำลังฝันอยู่” สายตาของจิ้งจอกสาวเย็นลงเรื่อย ๆ
ไอ้หมอนี่มีหน้ามาบอกให้เธอปล่อยมันไปและสั่งให้หลิงเอ๋อรักษามันอย่างนั้นหรือ?
มันจะหน้าด้านเกินไปแล้ว!
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อจ้องมองหัวหน้าเผ่าไป๋ผีด้วยความโมโห “ข้าไม่มีวันรักษาคนอย่างเจ้าหรอก!”
คนชั่วช้าสามานย์แบบนี้ถึงตายไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย
ท่าทางต่อต้านของ 2 แม่ลูกทำให้ใบหน้าของหยินซางซีดขาวราวกับกระดาษ แต่เขาก็ยังคงทำตัวใจดีสู้เสือ “เจ้ามีสิทธิ์เลือกว่าจะรักษาข้าหรือไม่ ยังไงซะ ข้ามีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น ถ้าข้าตายไป อย่างน้อยข้าก็จะลากคนทั้งเผ่าไปลงนรกกับข้าด้วย”
เขาต้องข่มขู่ศัตรูทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้ให้ได้ก่อน
“พวกเจ้าค่อย ๆ คิดดูเอานะ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ คนในเผ่าก็จะยิ่งติดเชื้อมากขึ้น ข้าคิดว่าพลังของหมอผีคงช่วยเหลือคนได้แค่ไม่กี่คน ถึงเวลานั้นคงจะมีบางคนที่เอาชีวิตตัวเองไม่รอด…”
คำพูดของหัวหน้าเผ่าไป๋ผีมันเหมือนกับเขาไปนั่งอยู่ตรงกลางใจหูเจียวเจียว เพราะเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องที่เธอกังวลมากที่สุด
แล้วใบหน้าของจิ้งจอกสาวกับหมอผีตัวน้อยก็เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่หยินซางหยุดพูดไปสักพักก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา เขาจึงรู้ว่าในครั้งนี้คำพูดของตนต้องไปจี้ใจดำหญิงสาวแน่นอน
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะฉลองชัยชนะให้ตัวเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดขึ้นมาจากด้านหลัง
“อย่าไปเชื่อคำพูดของเขา!”
หูเจียวเจียวกับหลงโม่หันหน้าไปมองทางต้นเสียง และเห็นภูตแปลกหน้าวิ่งเข้ามาพร้อมกับสีหน้ากังวลใจ
แล้วข้างหลังก็มีเด็กน้อยทั้งหลายที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีวิ่งตามมา
นั่นทำให้แม่จิ้งจอกรู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะทันได้ถามว่าพวกลูกชายมาทำอะไรกันที่นี่ ภูตที่วิ่งอยู่ข้างหน้าสุดก็พูดต่อว่า “ไม่มีของที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อในเผ่า สิ่งที่เขาพูดไม่เป็นความจริง!”
หยินซื่อรีบอธิบายให้ทุกคนฟัง
ขณะนั้นหลงโม่จ้องมองไปที่คนพูด เป็นผลให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าใส่ตัวเขา แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง
นี่สินะความแข็งแกร่งของภูตมังกร…
แม้ว่าหยินซื่อจะไม่รู้ว่าเลือดของภูตอสูรจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของภูตได้มากแค่ไหน แต่เขารู้สึกว่าแม้ว่าหยินซางจะได้เลือดของหยินชาง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขั้นเอาชนะภูตมังกรได้
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกดีใจกับการตัดสินใจของตนเอง
“อวี้เอ๋อ?” หูเจียวเจียวมองดูลูกชาย 4 คนที่อยู่ด้านหลังภูตชายด้วยสีหน้าสงสัย
“ท่านแม่ สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง” หลงอวี้ก็ออกหน้าช่วยอธิบายด้วย
แล้วเด็กอีก 3 คนก็ช่วยกันพยักหน้าสำทับ
ทันทีที่แม่จิ้งจอกได้รับคำยืนยันจากพวกลูก ๆ แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเชื่อพวกเขา
“หยินซื่อ! เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า!” หยินซางจ้องหน้าลูกน้องด้วยสายตาไม่เชื่อ
“เจ้าไปเข้าข้างพวกมันทำไม ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าของเจ้านะ!”
“อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเขา สิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง เขาต่างหากที่โกหก!”
เมื่อหยินซางเห็นว่าพวกหูเจียวเจียวเทใจเชื่อหยินซื่อ เขาก็เริ่มหมดความอดทนและตะโกนเสียงแหบห้าว
“ไม่!” หยินซื่อขัดจังหวะหัวหน้าของตนเสียงดังเช่นกัน
“มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาโยนข้าวของของคนที่ติดเชื้อไปทั่วเผ่า แต่... ข้าแอบเอาของพวกนั้นกลับมาแล้วหลังจากที่พวกเขาออกไป” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับมองหัวหน้าเผ่าไป๋ผีอย่างแน่วแน่
“นอกจากเชื้อโรคที่แพร่กระจายในที่พักของพวกเราแล้ว ตอนนี้โรคระบาดยังไม่ได้แพร่ออกไปในเผ่าเยว่หูส่วนอื่น”
“ไม่เพียงแค่นั้น น้ำเย็นที่ข้าให้ท่านดื่มเมื่อตอนนั้นข้าเอาใส่ในชามของภูตที่ติดโรค หลังจากที่ท่านดื่มน้ำนั้นเข้าไป ท่านจะต้องติดเชื้อแน่นอน”
หยินซื่อมีสีหน้าสงบราวกับว่าคนที่กำลังจะตายต่อหน้าเขาเป็นคนแปลกหน้า ไม่ใช่หัวหน้าเผ่าของเขา
“ทำไม! ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้!” หยินซางตกใจจนตะโกนเสียงหลง
แผนการทั้งหมดของเขาและเลือดของภูตอสูรตอนนี้มันถูกทำลายป่นปี้ไปหมดเลย!
ก่อนหน้านี้ทั้งที่ชายหนุ่มใจดีกับหยินซื่อมาก แถมยังสัญญาว่าจะแบ่งเลือดของภูตอสูรให้กับเขาด้วย
แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงหักหลังเขาแบบนี้?
คนเป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผีคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก แล้วเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้คิดอีก
ในขณะเดียวกัน หลงโม่รู้สึกหมดความอดทน เขาจึงสะบัดหางฟาดไปทางต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ
ปัง!
แล้วลำต้นของต้นไม้ก็หักโค่น ส่งผลให้กิ่งไม้หนาเท่าแขนตกลงมาแทงทะลุปากหยินซาง จากนั้นก็ตอกหัวของเขาลงไปในดิน
ทันใดนั้นเสียงของชายหนุ่มก็หยุดกะทันหัน
มันหลงเหลือไว้เพียงดวงตาคู่หนึ่งที่แดงก่ำกำลังเบิกกว้างแบบไร้ชีวิตชีวา
ชีวิตชั่วนิจนิรันดร์… คงอยู่ ณ จุดนี้ตลอดไป
เมื่อหยินชางมองดูร่างที่ไร้ลมหายใจ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้ย้ายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
แล้วเขาก็เงยหน้าคิดถึงคำพูดดูถูกที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กด้วยความงุนงง
ไอ้เฮงซวย ตั้งแต่เจ้ามาอยู่ในเผ่าก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย!
เจ้านำความหายนะมายังเผ่านี้ เจ้ามันตัวหายนะ!
พวกเจ้า 2 พี่น้องเป็นคนทำให้เผ่าของเราต้องเดือดร้อน ออกไปซะ รีบไสหัวไปให้พ้น!
วินาทีนั้นภาพความทรงจำตั้งแต่สมัยเด็กก็แล่นเข้ามาในหัวของหยินชาง
ในชั่วพริบตา เสียงแผ่วเบาก็พาเขากลับสู่ความเป็นจริง
“หยินชาง เกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่สบายหรือ?”
เด็กหนุ่มก้มศีรษะลงมองมือเล็ก ๆ ของหลงหลิงเอ๋อที่กำลังจับแขนที่สันทัดของเขา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปสบเข้ากับดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไร ข้า...” เขาเม้มริมฝีปาก ลำคอของเขาแห้งผากจนไม่สามารถเค้นเสียงพูดออกมาได้
“ไม่เป็นไรนะหยินชาง เรารีบกลับกันเถอะ ท่านแม่และคนอื่น ๆ กำลังรอพวกเราอยู่ ที่นี่มีแต่เชื้อโรค เรารั้งอยู่นานไม่ได้ มันจะไม่ปลอดภัย” เด็กหญิงยิ้มหวานแล้วพูดเร่งเด็กหนุ่มให้เดินออกไปจากที่พักของภูตเผ่าไป๋ผี
จากนั้นหยินชางก็ตระหนักว่าหูเจียวเจียวกับหลงโม่ได้เดินนำลูกชายทั้ง 4 คนไปข้างหน้าแล้ว
ขณะนี้พวกเขากำลังหันกลับมามองเขากับหลงหลิงเอ๋ออยู่
หยินชางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขับไล่ความทรงจำแย่ ๆ ออกไปจากหัวของเขาให้หมด
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาที่เคยเหม่อลอยจู่ ๆ ก็ค่อย ๆ แข็งกร้าวขึ้น
เขาไม่ใช่ตัวหายนะ ส่วนใหญ่แล้วหายนะที่เกิดขึ้นมักเป็นสิ่งที่ภูตเป็นผู้กระทำ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเหตุการณ์ที่เกิดจากความบังเอิญหรือสิ่งที่ตั้งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันกับภูตทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีครอบครัวแล้ว เขาจะไว้วางใจครอบครัวของตัวเองตลอดไป เขาไม่ใช่แหนที่ไร้รากอีกต่อไป
จากนั้นครอบครัวทั้ง 8 คนก็รีบเดินทางออกจากทุ่งหญ้าที่แห้งแล้งแห่งนี้
เนื่องจากโรคระบาด ภูตที่อยู่รอบนอกจึงไม่รีบเร่งเข้าไปข้างใน
เมื่อพวกหูเจียวเจียวออกมาจากถิ่นที่อยู่อาศัยของภูตเผ่าไป๋ผี หลงโม่ก็สั่งให้ภูตไปแจ้งหูหลินและเล่าให้อีกฝ่ายฟังคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านในบ้าง
แน่นอนว่ามังกรหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับภรรยาสาวที่หายตัวไปในอากาศพร้อมกับหยินชาง
ส่วนหลงหลิงเอ๋อก็รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด เมื่อมีบุคคลภายนอกอยู่ด้วย นางก็ไม่ได้ถามคำถามอะไรออกมา
ท่าทางของเด็กหญิงมันทำให้หลงจงรู้สึกแปลก ๆ
หลิงเอ๋อกลายเป็นคนเงียบ ๆ ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แปลก...
“หัวหน้าเผ่าไป๋ผีมีความคิดที่ชั่วช้าเช่นนี้ สมควรแล้วที่จะถูกหลงโม่ฆ่า!” หลังจากหูหลินได้ยินเรื่องเล่าจากปากหลงโม่ เขาก็รู้สึกโมโหมาก
“พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปฆ่าภูตเผ่าไป๋ผีที่อยู่ข้างในให้หมด!”
จิ้งจอกวัยกลางคนเพิ่งพูดจบ แต่เขาก็เปลี่ยนใจในวินาทีต่อมา
“ไม่ ข้ารอจนถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว ส่งคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย!”