บทที่ 59: ในจักรวรรดิอู๋ ความสมบูรณ์คือความงดงาม!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 59: ในจักรวรรดิอู๋ ความสมบูรณ์คือความงดงาม!
หลังจากเห็นการกระทำของหลินเป่ยฟาน ทูตจากอาณาจักรดาโรจึงได้แต่จำเป็นต้องนำเงินของตนมาจ่ายของที่ต้องการ พวกเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับหลินเป่ยฟาน และไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมาจับกระเป๋าเงินของตนด้วย
เจ้าหญิงตัวน้อยรู้สึกสับสนยิ่ง เพราะนางไม่เคยเห็นเหล่าทูตขุนนางเต็มใจจ่ายเงินเช่นนี้มาก่อนเลย
นางดึงหลินเป่ยฟานไปที่มุมหนึ่งและถามว่า “หลินเป่ยฟาน เจ้าปล่อยให้พวกผู้มาเยือนจ่ายเงินเองได้ยังไง?”
"ทำไมจะไม่ได้กันล่ะ?" หลินเป่ยฟานถามกลับ “ถ้าข้าจ่ายเงินทุกอย่างให้พวกเขา ข้าต้องจ่ายเงินให้พวกเขาอีกเท่าไรกันเล่า? เพราะอย่างนั้นข้าจึงต้องแสดงให้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจน!”
“แต่ถ้าพวกเขาโกรธและรายงานต่อจักรพรรดินี เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ให้โอกาสพวกเขาทำแบบนั้นแน่” หลินเป่ยฟานกล่าวอย่างมั่นใจ
เขามั่นใจว่าเขาจะไม่จ่ายสักแดงเดียวให้คนพวกนี้ เพราะเขาต้องการเงินนี้เพื่อไปเติมเต็มระบบของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องประหยัดเงินให้ได้มากที่สุด
หลังจากเดินชมพื้นที่โดยรอบแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน หลินเป่ยฟานพาทุกคนกลับไปที่ร้านอาหารเช้าร้านเดิมและพูดอย่างใจกว้างว่า “ท่านผู้มาเยือนทั้งหลาย ข้าได้จ่ายให้สถานที่แห่งนี้ไปแล้ว สั่งอะไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการเลย ไม่ต้องเกรงใจข้า!”
“ทำไมถึงเป็นร้านอาหารเช้าเหลียงจีเช่นเดิมเล่า ท่านหลิน?” ใครบางคนที่ทนไม่ไหวได้เอ่ยถามขึ้นมา
หลินเป่ยฟานยิ้มและตอบว่า “เจ้าชายแฮมบอกว่าอาหารที่นี่อร่อย ดังนั้นข้าจึงพาทุกคนมาที่นี่เพื่อได้ลิ้มรสมันอีก!”
ปากของเจ้าชายแฮมถึงกับกระตุก ข้าแค่พูดจาเป็นมารยาท ไฉนเจ้าถึงเอาจริงเอาจังกับมันเพียงนี้!
ดังนั้นพวกเขาจึงมีได้แต่ต้องทานปาท่องโก๋ ซาลาเปาและนมถั่วเหลืองไปอีกมื้อหนึ่ง
ในช่วงมื้อเย็น ทูตคนหนึ่งได้เอ่ยถามว่า “ท่านหลิน มื้อเย็นเรายังจะต้องกินร้านอาหารเหลียงจีอีกหรือไม่?”
เขาได้กินปาท่องโก๋และซาลาเปาไปแล้วมากกว่าหนึ่งโหล เขาเบื่อจะทานมันแล้ว
“ไม่ต้องห่วง มันไม่ใช่อย่างแน่นอน!” หลินเป่ยฟานยิ้ม “เพราะตอนนี้มันปิดแล้ว และเรากำลังจะไปหอนางโลมกัน!”
"ยอดเยี่ยม!" ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าชายแฮมและผู้มาเยือนทุกท่าน คืนนี้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างอีกมากมาย! เราไม่เพียงแต่มีไวน์เลิศรสเท่านั้น ทว่ายังมีอาหารรสชาติโอชา การแสดงอันยิ่งใหญ่ตระการตาและการฟ้อนรำอีกด้วย นอกจากนี้ข้ายังได้เชิญสาวงามมาด้วย…”
ดวงตาของทุกคนพลันเบิกกว้างขึ้น
"สุดยอด! ไวน์เลิศรส อาหารโอชา การแสดงและการฟ้อนรำ อีกทั้งยังมีสตรีงามอีกหรือ?”
“ท่านหลิน ท่านรู้ดีเลยสินะว่าพวกข้าต้องการอะไร! ฮ่าฮ่า...”
“ข้าว่าแล้วเชียว ท่านหลิน ท่านไม่ทำให้เราผิดหวังเลย!”
“ข้ารู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!”
แม้แต่องค์ชายแฮมก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความทุ่มเทของหลินเป่ยฟาน “ท่านหลิน นี่มันมากเกินไปแล้ว!”
หลินเป่ยฟานจึงกล่าวขอโทษขอโพยออกไป “ที่ข้าทำเช่นนี้เพราะก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ทำให้พวกท่านดีพอ ข้าจึงรู้สึกผิดในใจมาก ดังนั้นข้าจึงตระเตรียมสิ่งที่ดีให้ท่าน ข้าหวังว่าพวกท่านจะยกโทษให้ข้าที่ข้าทำผิดพลาดไป”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เราเข้าใจดี” ทางคณะทูตกล่าว
"เช่นนั้นก็ไปกันเถิด!" หลินเป่ยฟานพาทุกคนไปยังร้านอาหาร
พวกเขามีข้าวชามใหญ่และไวน์ข้าวเจือจาง แต่เมื่อเทียบกับอาหารสองมื้อที่พวกเขาทานในระหว่างวัน มันอร่อยกว่ามาก
“ก่อนที่เราจะทานอาหาร เรามาเพลิดเพลินกับการแสดง บทเพลงและร่ายรำกันเถิด!” หลินเป่ยฟานปรบมือและชายชราในชุดคลุมสีขาวก็นำสิ่งมีชีวิตแปลกๆ สองตัวออกมาแสดง
จากนั้นชายชราก็หยิบสิ่งที่คล้ายเขาเล็กๆ ขึ้นมาและเป่ามันอย่างแรง เสียงได้ทะลุทะลวงดังก้องไปทั่วร้านอาหาร
ทุกคนรู้สึกขนลุกและทิ้งทุกอย่างลงบนจานทันที
ภายใต้เสียงดนตรีที่ดังขึ้นมา สิ่งมีชีวิตประหลาดทั้งสองเริ่มเต้น
ฉากนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าขนลุก
เจ้าชายแฮมดูขยะแขยงอย่างยิ่ง “นี่มันเครื่องดนตรีอะไรกัน? เสียงของมันฟังดูแย่ยิ่งนัก!”
“นี่คือเครื่องดนตรีดั้งเดิมของอาณาจักรเรา ปี่ปากใหญ่!” หลินเป่ยฟานยิ้มและพูดต่อ “มันถึงกับมีคำพูดที่ว่า ในบรรดาเครื่องดนตรีทุกประเภท ปี่ปากใหญ่คือราชัน! ในยามแรกพวกท่านอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่ข้ากล่าวหรอก แต่หลังจากฟังอีกครั้ง พวกท่านจะกลายเป็นเหมือนคนที่อยู่ในโลงศพ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเชิญปรมาจารย์ปี่ปากใหญ่ที่เก่งที่สุดมาแสดงให้ทุกท่านได้ดู”
“แล้วการร่ายรำที่ว่าล่ะ?” เจ้าชายแฮมถามอีกครั้ง
“การร่ายรำนี้เรียกว่าการอัญเชิญวิญญาณ ซึ่งเป็นการร่ายรำแบบดั้งเดิมที่แพร่หลายที่สุดในอาณาจักรของเรา ทุกคนไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ต่างต้องได้เห็นมันอย่างน้อยหนึ่งครั้ง! จุดประสงค์หลักของมันคือการสร้างความกระปรี้กระเปร่าและปลุกเร้าจิตวิญญาณ เมื่อจับคู่กับปี่ปากใหญ่ มันก็เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ! หลังจากดูแล้ว ท่านไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าบ้างเลยหรือ?” หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมา
เจ้าชายแฮมถึงกับตกใจและอุทานว่า “ไม่เพียงแต่ข้าจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่ข้ายังเริ่มรู้สึกกังวลแล้วด้วย!”
“อืม!” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
เจ้าหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ หลินเป่ยฟานถามอย่างเงียบๆ ออกมา “เจ้าพาคณะฌาปนกิจมาแสดงให้ดูเนี่ยนะ?”
“เพราะมันถูกไงขอรับ จ่ายเพียงไม่กี่ตำลึงก็มาแสดงให้ได้ ท่านต้องการให้ข้าไปเชิญใครมาอีกหรือ?” หลินเป่ยฟานตอบกลับไปอย่างไม่สนใจอะไรนัก
“แต่พวกเขายังไม่ตายเลยนะ ให้พวกเขามาดูการแสดงอะไรเช่นนี้จะดีหรือ? องค์หญิงน้อยถามด้วยความสงสัย
“การให้พวกเขาได้ดูตัวอย่างชีวิตหลังความตายมันจะแย่อะไรกันล่ะขอรับ?” หลินเป่ยฟานโต้กลับไป
เจ้าหญิงตัวน้อยได้แต่พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโกรธและหันหลังกลับไปกินอาหารของนางต่อ หลังจากการแสดงงานศพที่กินเวลาไปครึ่งแท่งธูปผ่านไป หลินเป่ยฟานก็กล่าวว่า “เอาล่ะทุกท่าน เชิญกินกันเถิด!”
“เอ่อ…ท่านหลิน แล้วสตรีโฉมงามที่ว่าเล่า?” ทูตคนหนึ่งที่ทนรอไม่ไหวจึงเอ่ยถามขึ้นมา
"โอ้! ข้าเกือบลืมไปเสียสนิทเลย!" หลินเป่ยฟานปรบมือเรียก ทันใดนั้นสตรีร่างท้วมมากกว่าหนึ่งโหล แต่งกายฉูดฉาดก็ได้เข้ามาจากภายนอก
“ท่านสุภาพบุรุษ ในที่สุดพวกท่านก็มาถึงกันแล้ว พวกท่านทำให้ข้ารอนานมากเชียวนะ!”
“มาเถอะ มาสนุกด้วยกัน!”
"พวกท่านไม่ต้องเกรงใจ คืนนี้มากับข้าเถอะนะตกลงไหม?"
ทุกคนในที่นี่ถึงกับอยากกระอักโลหิตออกมาจากปากของพวกเขา
เจ้าชายแฮมตกตะลึงมากจนถึงขั้นเอ่ยถามว่า “ท่านหลิน นี่คือสตรีโฉมงามที่ท่านกล่าวถึงหรือ?”
หลินเป่ยฟานพยักหน้าและยิ้มตอบ "ถูกต้องแล้ว!"
"แต่พวกนางอ้วนกันทุกคนเลยนะ!" เจ้าชายแฮมเปล่งเสียงตะโกนออกมา
"ในจักรวรรดิอู๋อันยิ่งใหญ่ เราเชื่อว่าความอุดมสมบูรณ์คือความงดงาม!" หลินเป่ยฟานยิ้ม ทุกคนถึงกับอุทาน "อุดมสมบูรณ์บ้านเจ้าสิ!"
"ไม่เพียงแต่พวกนางอ้วน แต่ยังแก่ชราด้วย..."
หลินเป่ยฟานยังคงยิ้ม "ในจักรวรรดิอู๋อันยิ่งใหญ่ เราเคารพผู้อาวุโส ยิ่งอาวุโสมากเพียงใด พวกนางยิ่งเป็นที่นิยมมากเท่านั้น!"
ทุกคนถึงกับอุทานออกมาอีก "ยิ่งแก่ยิ่งเป็นที่นิยมบ้านบิดาเจ้าสิ!"
"ท่านหลิน แล้วทำไมท่านถึงไม่เรียกของท่านมาบ้างเล่า?"
หลินเป่ยฟานตอบกลับไปอย่างเคร่งขรึม “ในฐานะขุนนาง ข้าจะต้องรักษาความบริสุทธิ์และหลีกเลี่ยงการข้องเกี่ยวกับสตรีอื่นนอกจากภรรยา!” ทุกคนถึงกับอุทานออกมาอีกที "ข้ออ้างบัดซบอะไรกันเนี่ย!"