บทที่ 4 กระตุ้นความสนใจของไคโด
บทที่ 4 กระตุ้นความสนใจของไคโด
“ข้อตกลงที่ฉันปฏิเสธไม่ได้เหรอ? ดูเหมือนว่านายเพิ่งฟักออกมาเอง แล้วนายสามารถใช้อะไรในการแลกเปลี่ยนได้บ้างล่ะ? ฉันยอมรับเลยว่านายแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ดีพอที่จะแลกเปลี่ยนกันหรอก ยิ่งไปกว่านั้นการมาเป็นลูกเรือของฉันมันจะแตกต่างอะไรกัน? แค่มาเป็นลูกเรือของฉันเถอะ ตกลงไหม? ถ้านายเป็นที่ต้องการแล้วถูกล่าล่ะ มาอยู่กับฉันเถอะ ฉันจะไม่ยกนายให้ใครทั้งนั้น!”
ในมุมมองของไคโด ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายมีมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไคโดชอบมาก แต่อาร์เซอุสคงต้องการที่จะนำไคโดไปอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา
ไคโดชอบคนที่มีความสามารถสายโซออนและเขาก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา นั่นคือการสร้างกองทัพผู้ใช้ผลปีศาจสายโซออนในอนาคต
แม้ว่าอาร์เซอุสจะไม่ใช่ผู้ใช้สายโซออน แต่การรวบรวมสัตว์ที่มีพละกำลังและสติปัญญาอันมหาศาลก็เป็นเป้าหมายของเขาเช่นกัน
ไคโดกำลังรอคำตอบของอาร์เซอุส แต่ในเวลานี้เอง กำลังเสริมของทหารก็มาถึงอีกครั้งจนมันทำให้เขาหงุดหงิด
ออร่าอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาและฮาคิราชันก็แผ่กระจายไปทั่วทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ทำให้ยามที่วิ่งเข้ามาล้มลงกับพื้นราวกับว่าเขาถูกแรงโน้มถ่วงร้อยเท่ากดทับ
เขากำลังแสดงพลังของเขาออกมา หากเขาต้องการมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยอดเยี่ยม เขาก็ต้องมีพลังมหาศาลเช่นกัน เป้าหมายหลักของไคโดคือทหารพวกนั้น แต่ฮาคินี้ยังส่งผลต่ออาร์เซอุสและอีกสองคนด้วย ชั่วขณะต่อมา ออร่าที่สง่างามยิ่งกว่าก็ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและสวนกลับฮาคิของไคโด
อาร์เซอุสได้เกิดจากไข่ในดินแดนแห่งความโกลาหล เขาได้สร้างโลกทั้งใบและเมื่อแรกเกิด เขาได้เริ่มต้นจากจุดจบที่ไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้
เพียงแต่ด้วยความที่ศิลาหายไป มันทำให้เขาอ่อนแอลงมาก สำหรับเขา การที่ศิลาหายไปหมายความว่าเขาคงไม่อาจเป็นอมตะได้อีก ความเร็วในการฟื้นฟูพลังงานก็จะช้าลงเช่นกัน แต่ออร่าของเทพเจ้าแห่งการรังสรรจะไม่มีวันเลือนหายไป
ความแข็งแกร่งของตัวเขาในตอนนี้ เขาพอจะคาดเดาได้คร่าวๆ แล้ว
เมื่อประเมินจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ร่างกายของเขาสามารถรับอุกกาบาตได้ แต่คงจะมีอาการบาดเจ็บสาหัส
ตามทฤษฎีแล้ว คงมีเพียงคนระดับพลเรือเอกเท่านั้นที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับอาร์เซอุสได้ แต่นี่เป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ หากมันเกิดอะไรเช่นนั้นจริง เขาคงไม่อยู่เฉยๆ รับการโจมตีของอีกฝ่ายหรอก
แม้ว่าเขาจะเพิ่งเกิดและขาดศิลาจำนวนมาก แต่ไคโดก็ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของเขาเช่นกัน เขาเพิ่งออกจากกลุ่มร็อคส์และกลุ่มของร้อยอสูรก็ยังไม่ได้สร้างขึ้น
แม้ว่าไคโดจะแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่อาร์เซอุสก็เชื่อว่าเขาก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นกัน
การเผชิญหน้าระหว่างออร่าของคนทั้งสองไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้ ดังนั้นทั้งสองจึงถอนออร่าของตนออกไปพร้อมกัน
หลังจากการเผชิญหน้าของออร่าสิ้นสุดลง มุมปากของไคโดก็ค่อยๆ ยกสูงขึ้นและเขาก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“อุโอ โร่ โร่ โร่ โร่ โร่ น่าสนใจ น่าสนใจมาก ในอนาคตคงจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้เสียอีก!”
ออร่าของอาร์เซอุสไม่ใช่ฮาคิราชัน เขายังแยกแยะไม่ได้ว่าเป็นฮาคิหรือไม่ แต่คนที่สามารถครอบครองออร่าแบบนี้คงไม่มีวันเป็นคนธรรมดาแน่
แต่ยิ่งอีกผ่ายแข็งแกร่งเท่าไร เขาก็ยิ่งต้องการเขามาเป็นลูกเรือมากขึ้นเท่านั้น หากความสนใจของไคโดเป็นเหล็กแหลม ในตอนนี้มันคงทะลุหลังคาไปแล้ว
หากอีกฝ่ายเป็นศัตรู เขาคงจะขังอีกฝ่ายไว้และจัดการกับมันอย่างช้าๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงเป็นมิตรกันเพราะชาวลูนาเรียสองคน ดังนั้นในกรณีนี้ ควรจะทำไปทีละขั้นตอนและทำข้อตกลงกับอีกฝ่ายก่อน แล้วจึงค่อยๆ ชวนเข้ากลุ่มดีกว่า
แม้ว่าเขาจะยังไม่ทราบเนื้อหาของข้อตกลง แต่ด้วยพลังอันมหาศาลและความกล้าหาญของอีกฝ่าย เรื่องเนื้อหาข้อตกลงมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย
เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องออกจากที่นี่ก่อน เพราะเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงผู้คนที่เข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
“เราไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ไว้คุยกันเรื่องอื่นทีหลังก็ได้”
ร่างกายของไคโดเริ่มบวม จากนั้นมังกรสีน้ำเงินก็พุ่งทะลุหลังคาและพ่นลมหายใจเพลิงไปทางทหารรอบๆ
“ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากที่นี่กันเถอะ ท่านบินได้ไหม?”
เชย์น่าและอัลเบอร์สยายปีกและกำลังที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ไป แต่เมื่อมองไปยังอาร์เซอุสที่ไม่มีปีกและมีขาสั้น เชย์น่าก็ถามคำถามนี้ออกมา
เมื่อเขาบินไม่ได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงอุ้มเขาขึ้นมาเท่านั้น
ไคโดที่บินอยู่ในอากาศก็ได้พ่นลมหายใจเพลิงออกมา เปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นทะเลเพลิง จากนั้นเขาก็วางแผนที่จะบินหนีไป แต่อาร์เซอุสกลับหยุดเขาไว้
"รอเดี๋ยว"
"หา? นายต้องการจะทำอะไร?"
“ให้ข้าดึงความสนใจให้เอง สถานที่แห่งนี้ดูแลพวกข้ามาอย่างดีตลอดเวลาที่ผ่านมา ดังนั้นเรามาเริ่มจากที่นี่กันดีกว่า”
จากนั้นเอง วัตถุที่มีลักษณะคล้ายวงแหวนรอบเอวของเขากลายเป็นสีแดงเข้มและมีศิลาปรากฏอยู่ข้างหลังเขา ก่อนที่ลูกบอลแสงจะเริ่มควบแน่นเหนือศีรษะของเขา
"พิพากษา!”
พิพากษา ซึ่งเป็นทักษะเฉพาะตัวของอาร์เซอุสเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขารู้จักในเวลานี้ ทั้งเขาและไคโดต่างก็อยากจะแสดงฝีมือออกมา เพราะไคโดก็ต้องการให้เขามาเป็นลูกเรือ ในขณะที่เขาเองก็ต้องการมีแต้มต่อในการตกลงกับไคโด
ลูกบอลพลังงานทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและเมื่อมันไปถึงด้านบนสุดของอาคารด้านล่าง มันก็ระเบิดจนเกิดเสียงดัง ราวกับอุกกาบาตไฟที่ทำลายโลก ลูกไฟจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นมาจากด้านบน ทำลายอาคารที่ซับซ้อนด้านล่างจนพังทลายลงกับพื้น
เหล่าทหารที่ไล่ตามพวกเขาและผู้คนมากมายที่วิ่งดับไฟ ผู้คนที่รีบเร่งเพื่อเก็บข้อมูลการทดลองที่เหลืออยู่ ต่างได้แต่หยุดนิ่งและแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟากฟ้า
ภัยพิบัติจากฝีมือมนุษย์ยังพอหลีกเลี่ยงได้ แต่จะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำลายล้างโลกได้อย่างไรกัน...
……
ลมหายใจเพลิงของไคโดเปลี่ยนพื้นด้านล่างให้กลายเป็นทะเลเพลิงและคุณสมบัติไฟของอาร์เซอุสก็ได้เปลี่ยนให้ทุกอย่างกลายเป็นซากปรักหักพัง
“พลังของศิลาสองแผ่นมันได้แค่นี้เองเหรอ?……” อาร์เซอุสไม่ได้กักพลังไว้เลย เพราะเขาอยากเห็นว่าการโจมตีของเขาจะรุนแรงได้มากขนาดไหน แต่เขายังไม่ค่อยพอใจกับพลังทำลายล้างของมันนัก
พลังงานที่เสียไปนั้นไม่น้อย เขาสามารถใช้การโจมตีเต็มกำลังได้เพียงสามครั้งเท่านั้น แต่การพิพากษาเป็นทักษะการโจมตีหมู่ขนาดใหญ่ ถ้ารวบรวมพลังมากกว่านี้ แรงทำลายล้างก็จะสูงใหญ่ขึ้น
“นายนี้มันแข็งแกร่งจริงๆ พลังของนายมันเทียบได้กับบัสเตอร์คอลเลย ช่างเป็นพลังที่น่าตื่นเต้นจริงๆ!”
ความสนใจของไคโดยามนี้อยู่ที่สิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งตัวเดียวเท่านั้น เขาต้องการความแข็งแกร่งของมันที่เทียบเท่ากับกองทัพนี้มาก
"เราจะไปที่ไหนกัน?"
“ฉันได้ทำข้อตกลงกับใครสักคนว่าพบกันในสถานที่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไรนัก”
ไคโดกระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆและบินพุ่งออกไป ก่อนจะกลับไปยังเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากเรดไลน์
จากที่นี่ พวกเขาได้เห็นหายนะที่ตนเองก่อ
ในบางครั้งที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีใครคิดหรอกว่าหนูทดลองที่กำลังหลบหนีจะมาอยู่ใต้จมูกของพวกเขา
จากอาคารบนเกาะ เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเกาะเขตการค้า คนหลายคนที่อยู่โดยรอบต่างก็กำลังมองดูควันดำที่ลอยขึ้นมาในระยะไกลและเริ่มพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกัน