บทที่ 3 ไคโด
บทที่ 3 ไคโด
“ช้าเกินไปอัลเบอร์ จำนวนพวกแมลงน่ารำคาญจากข้างนอกกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
ประตูที่พังทลายลงได้กระทบกับพื้นจนเกิดเสียงดัง ไคโดได้ก้าวเข้าไปในนั้น ที่นี่เป็นสถาบันวิจัยในเครือของรัฐบาลโลก แต่ไคโดปรากฏตัวที่นี่บ่อยครั้งจนเป็นเรื่องปกติ
เขาถูกจับไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ตอนที่เขายังอยู่ในอาณาจักรวอดก้า เขาเป็นทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรวอดก้าด้วยอายุเพียงสิบขวบ
ด้วยความที่เป็นอาณาจักรพันธมิตรของรัฐบาลโลก อาณาจักรวอดก้าจึงต้องจ่ายส่วยทุกปี แต่เนื่องจากเงื่อนไขของประเทศ ฐานะอาณาจักรวอดก้าจึงไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าส่วยได้อย่างเพียงพอ
ดังนั้น อาณาจักรวอดก้าจึงได้แต่ต้องไปหาส่วยให้กับเผ่ามังกรฟ้าด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรที่ไม่ใช่พันธมิตรเท่านั้น
เดิมทีไคโดเคยเป็นสมาชิกของกองทัพหลวงมาหนึ่งปี แต่หลังจากกษัตริย์ได้เข้าร่วมเลเวลี (การประชุมสภาโลก) กษัตริย์จึงต้องมอบไคโดผู้มีความสามารถให้กับกองทัพเรือ และต้องการให้เขาเข้าร่วมทัพเรือ
แต่ไคโดได้ปฏิเสธ เขาจึงถูกจับกุมและส่งมอบให้กับกองทัพเรือ
ไคโดปฏิเสธที่จะเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกษัตริย์ เขาได้ทำลายเรือรบและหลบหนี ก่อนที่จะเริ่มกลายเป็นเป็นโจรสลัด
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาจะถูกจับตัวทุกครั้งเมื่อตนรู้สึกหิว และใช้เรือนจำเป็นโรงอาหารของเขา
จากนั้นเขาก็เข้าร่วมกลุ่มโจรสลัดร็อคส์และเมื่อกลุ่มร็อคส์ล่มไปแล้ว เขาก็เริ่มกิจวัตรมากินอาหารในเรือนจำอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาถูกส่งไปยังสถาบันวิจัยในเรดไลน์เพื่อใช้ในการวิจัยทดสอบความอดทนและพิมพ์เขียวแห่งชีวิต (องค์ประกอบแห่งสายเลือดของสิ่งมีชีวิต)
สำหรับเขา ไม่เพียงแต่การถูกจับจะเป็นเรื่องปกติเท่านั้น การแหกคุกยังเป็นเรื่องปกติอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นในครั้งนี้ เขายังวางแผนที่จะหาลูกเรือเข้ากลุ่มของเขา
ซึ่งอัลเบอร์คือคนที่เขานึกถึง เขาเคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับอัลเบอร์มาก่อน และเริ่มสนใจพรสวรรค์ของเผ่าลูนาเรีย
ดังนั้นเขาจึงปล่อยอัลเบอร์ แต่อัลเบอร์ต้องการพาคนอื่นๆ ออกไปจากที่นี่ด้วย ไคโดได้แต่ตอบตกลงโดยปริยาย เพราะเขาอยากเห็นว่าอัลเบอร์แข็งแกร่งแค่ไหน
ถูกต้อง เขาคือ "กำลังเสริม" ที่อัลเบอร์ได้กล่าวถึง
ดูเหมือนว่าอัลเบอร์จะแข็งแกร่งมากกว่าที่ไคโดคิดไว้
ไคโดอาจดูเป็นคนเถื่อน แต่เขาค่อนข้างฉลาด เดิมทีเขาวางแผนที่จะหนีออกมาหากถึงช่วงวิกฤติ
ทว่าเมื่อดูจากความแข็งแกร่งของอัลเบอร์ มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขาที่จะเปิดทางออกหนีจากที่นี่ด้วยตนเอง
เขาเฝ้าดูเด็กๆ พวกนี้มาโดยตลอด เด็กสาวไม่ได้อ่อนแอเลย แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาที่สุดในตอนนี้คืออาร์เซอุสที่เพิ่งฟักออกมา ยิ่งพอเห็นลำแสงที่เต็มไปด้วยออร่าแห่งการทำลายล้าง เขายิ่งรู้สึกสนใจเข้าไปใหญ่
“เฮ้ อาร์เซอุส ใช่ไหม? นายต้องการมาเป็นลูกเรือของฉันหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่านายอยากได้พลังคืนเหรอ? หากนายเข้าร่วมกลุ่มโจรสลัด ฉันจะช่วยให้นายได้รับพลังที่สูญเสียไปกลับคืนมาในอนาคตเอง”
ไคโดได้ยินบทสนทนาของพวกเขามาก่อน อัลเบอร์และเชย์น่า เป็นคนที่มีฝีมือต่อสู้มากพอสมควร พวกเขาเหมาะมากพอที่จะเป็นมือขวาของเขาได้เลย
เดิมทีไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ เลย เขาจะช่วยให้พวกเด็กๆ หนีจากที่นี่ได้ แต่การฟักตัวของอาร์เซอุสทำให้ทุกๆ อย่างเปลี่ยนไป
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของเผ่าลูนาเรีย เด็กทั้งสองอาจจะเชื่อฟังคำสั่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ หากสามารถนำอาร์เซอุสมาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาได้ เขาจะไม่เพียงแต่ได้รับพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถผูกมัดอัลเบอร์และเชย์น่าไว้กับเขาอีกด้วย
เขาชอบคนที่มีความสามารถ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครเคยรับใช้ใครมาก่อนหรือเป็นเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม ตราบใดที่เขาเห็นคุณค่าในความสามารถของพวกเขาและหากเต็มใจที่จะเข้าร่วม เขาก็จะไม่ปฏิเสธเลย
ความแข็งแกร่งของอาร์เซอุสและวิธีการมหัศจรรย์ในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งล้วนกระตุ้นความสนใจของเขา
ในความคิดของไคโด อีกฝ่ายเพิ่งเกิดเมื่อไม่นานนี้เอง หากทำให้คล้อยตามได้คงจะดี
แต่สิ่งต่างๆ ก็ผิดไปจากที่เขาคิดไว้
“ลูกเรือโจรสลัด? เจ้ามีนามว่าอะไร?” เมื่อมองดูชายร่างสูงที่มีเขายาวคนนี้อาร์เซอุสก็เริ่มจำบางอย่างได้ และใบหน้าของไคโดก็ค่อยๆ ซ้อนทับกับรูปภาพในความทรงจำของเขา
แต่มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างในอนิเมะกับโลกแห่งความเป็นจริง เขาจึงต้องทำให้แน่ใจว่าตัวเขาหลุดมายังที่นี่จริงๆ
“ฉันมีนามว่าไคโด! อัลเบอร์ได้ตกลงที่จะเข้าร่วมกับฉันไปก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาเป็นชาวลูนาเรียและเป็นที่ต้องการของพวกชนชั้นสูง โลกใบนี้กว้างใหญ่มากและการพึ่งพาคนไม่กี่คนในการตามหาบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่เพียงพอหรอกนะ”
“ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พี่ไคโดช่วยผมไว้ ดังนั้นผม.…”
“อย่าได้กังวลไป เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องตอบแทนความมีเมตตาของผู้อื่น แต่คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเจ้าได้หรอก”
อาร์เซอุสมีความกังวลมาก เพราะชื่อของไคโดและความตั้งใจที่จะตั้งกลุ่มโจรสลัด บวกกับข้อมูลบางอย่างที่ได้รับจากชาวลูนาเรียในอดีต ในที่สุดเขาก็รู้ตัวแล้วว่านี่คือที่ไหน มันคือโลกวันพีซ
ทว่าในช่วงหลังมานี้ เขามักจะอ่านเนื้อเรื่องผ่านโพสต์ในฟอรัมหรืออ่านผ่านๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้น ทำให้เขารู้เกี่ยวกับไคโด ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่จักรพรรดิในอนาคต แต่ก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก
อาร์เซอุสไม่ทราบข้อมูลโดยละเอียดของสามภัยบัติ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าอัลเบอร์คือภัยพิบัติคนแรกจากทั้งสามในอนาคต - คิงแห่งอัคคีภัย
เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เขาก็รู้ตัวตนที่จับชาวลูนาเรียมาแล้ว
ส่วนสาเหตุที่มีการรบกวนของสนามแม่เหล็กประหลาด มันก็สามารถอธิบายได้แล้วเช่นกัน เพราะทะเลทั้งสี่ แกรนด์ไลน์และเรดไลน์ อาณาเขตมันใหญ่เกินไป การค้นหาศิลาแห่งชีวิตจำเป็นต้องใช้กำลังคนมากขึ้น
หากเขาต้องค้นหาศิลาด้วยตัวเอง ใครจะรู้กันเล่าว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะพบพวกมันทั้งหมด ตอนนี้เขายังบินไม่ได้ เนื่องจากการสูญเสีย ฟลายอิ้ง ฟิสิกส์ โกสต์ และแผ่นอื่นๆที่ช่วยบินได้ (ศิลาแห่งชีวิตของอาร์เซอุสมีทั้งหมด 18 แผ่นแต่ละแผ่นชื่อต่างกันความสามารถก็ต่างกันครับ) อีกทั้งตัวเขายังไม่โตเต็มวัยจึงยังไม่สามารถบินได้ในตอนนี้
อีกทั้งเขายังไม่แน่ใจถึงเรื่องระยะที่เขาสัมผัสศิลาแห่งชีวิตได้ ดังนั้นแทนที่จะท่องไปทั่วโลกเหมือนคนตาบอด การส่งคนไปค้นหาข้อมูลย่อมน่าจะดีกว่า
ตามหลักการแล้ว รัฐบาลโลกน่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีความสัมพันธ์ใดๆ กับรัฐบาลในตอนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพลของการหลอมรวมบุคลิกภาพ ทำให้ตัวเขายังคงเป็นตัวเอง แต่ก็มีนิสัยและวิธีคิดดั้งเดิมแบบของอาร์เซอุสอยู่บ้าง
สำหรับเขา การทรยศและการหลอกลวงนั้นไม่อาจอภัยให้ได้ ผู้ที่โลภอยากได้ศิลาก็ไม่สามารถให้อภัยได้เช่นกัน นับประสาอะไรกับพวกที่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะหนูทดลอง
ศักยภาพของสี่จักรพรรดิในอนาคตนั้นเหมาะสมมาก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นทหารเรือหรือโจรสลัด มันก็ไม่สำคัญสำหรับเขาในตอนนี้ เขาแค่ต้องการเอาศิลาของตนกลับคืนมา
แต่ด้วยเหตุนี้ ถ้าเขาต้องกลายเป็นลูกน้องของคนอื่น เขาก็ยอมรับมันไม่ได้เช่นกัน
นิสัยของเขาเองจริงๆ ไม่ใช่คนที่หยิ่งทระนงตนนัก แต่ด้วยความที่สังคมมันเป็นเหมือนหินลับคม ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ยอมคนพอสมควร
ตอนนี้กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรเพิ่งก่อตั้งขึ้นและเขาจะเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง หากเขาเข้าร่วม ไคโดก็จะปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถเป็นอย่างดี
ตราบใดที่ไม่มีอุบัติเหตุอะไร เขาก็จะถูกกำหนดให้เป็นจักรพรรดิแห่งท้องทะเลในอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แต่นิสัยของอาร์เซอุสที่หลอมรวมเข้ากับเขานั้นแตกต่างออกไป โปเกมอนในตำนานผู้สร้างทุกสิ่ง ตัวตนของเขาคือเทพผู้สร้าง
ลึกลงไปในจิตใจเขา เนื่องจากได้ผสานเข้ากับจิตใจของอาร์เซอุส มันจึงทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับไปสู่ช่วงวัยเยาว์ที่เลือดร้อนไม่ยอมใครอีกครั้ง
เป้าหมายของเขาคือการรวบรวมศิลาทั้งหมด แต่การมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ไม่ได้หมายความว่าระหว่างทางไม่สำคัญ
“ข้าจะไม่เข้าร่วมกลุ่ม แต่เพื่อช่วยเหลืออัลเบอร์ ข้าสามารถทำข้อตกลงกับเจ้าได้ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้”