บทที่ 144 ความพิโรธของมังกรเพลิง
บทที่ 144 ความพิโรธของมังกรเพลิง
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว หากเจ้าต้องการเอาชนะข้า มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” หลินเป้ยพูดอย่างเย็นชา
หลินเป้ยต้องไม่แพ้ เพื่อพิสูจน์ให้เฟิงซินหยูเห็นว่า สิ่งที่นางทำมาทั้งหมดมันคือเรื่องไร้สาระ และทำให้เขากับหลิงเทียนไม่ต้องเสียหน้าเพราะคำพูดของนางอีกต่อไป
เขาไม่ต้องการทำให้บิดาต้องผิดหวัง ดังนั้นหลินเป้ยจะทุ่มเทอย่างเต็มที่แน่นอน
“ตกลง ถ้าเจ้าตาย เจ้าไม่สามารถโทษข้าได้!” เฟิงซินหยูกล่าวอย่างเย็นชา
เพื่อที่จะชนะ เฟิงซินหยูไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ถือได้ว่านางได้เตือนเขาในเรื่องนี้แล้ว
เฟิงซินหยูใช้มือของนางเพื่อทำสัญลักษณ์ต่างๆ หลังจากนั้นพลังจากจากสัณลักษณ์เหล่านั้นก็ผสานเข้ากับเงามายาชิงหลวน หลังจากนั้นปราณจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลของเฟิงซินหยูก็โดนเงามายาชิงหลวนดูดเข้าไปจนทำให้มันมีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ในตอนแรกเงามายาชิงหลวนให้ความรู้สึกเลือนลางไม่เหมือนจริง แต่ตอนนี้มันเหมือนนกชิงหลวนจริงๆ ร่างกายเริ่มที่จะชัดเจนขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่ามันได้เริ่มแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว
“ชิงหลวนโจมตี!” เฟิงซินหยูตะโกน และเงามายาชิงหลวนก็รีบพุ่งไปหาหลินเป้ยทันที โดยมีแรงกดดันมหาศาลและพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
พื้นในลานประลองแตกกระจาย และมีร่องลึกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
“เป้ยเอ๋อร์” หลินเทียนยืนขึ้นในกลุ่มผู้ชมและตะโกนออกมาอย่างกังวล
หลินเทียนรู้สึกถึงพลังมหาศาลจากการโจมตีของชิงหลวน นี่เป็นพลังที่สามารถปลดปล่อยได้โดยผู้ที่แข็งแกร่งขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบเท่านั้น
แม้ว่าระดับพลังยุทธ์ของหลินเทียนจะลดลง แต่ประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านมาไม่มีวันหายไป
อย่างน้อยหลินเทียนก็เคยเป็นถึงขอบเขตจักรพรรดินักรบ(หวู่ฮวง) ในตอนนั้น ดังนั้นเขาจึงสามารถมองเห็นพลังโจมตีของชิงหลวนได้อย่างง่ายดายและรู้ว่ามันทรงพลังขนาดไหน
พลังของเงามายาชิงหลวนนั้นแข็งแกร่งมากอยู่แล้วก่อนหน้านี้ และตอนนี้เฟิงซินหยูยังได้เสริมพลังให้กับมันมากขึ้นไปอีก งั้นแล้วมันจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน?
“มังกรเพลิงพิโรธ” ในเวลานี้ หลินเป้ยก็โจมตีในออกมาด้วยเวลาเดียวกัน เขาใช้ทักษะลับเพิ่มความรุนแรงเพิ่มพลังตนเองเป็น 4 เท่าในทันที
หลังจากเปิดใช้งาน 4 เท่า ใบหน้าของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด พลังงานมหาศาลที่เกิดขึ้นกระทันหัน ทำให้ร่างกายรับภาระหนักมากในตอนนี้
แต่เพื่อที่จะเอาชนะเฟิงซินหยูนั้น หลินเป้ยก็ต้องทุ่มเททุกอย่าง เขาต้องงัดสิ่งที่เขามีทั้งหมดออกมา ในตอนนี้ เฝิงซินหยูได้ใช้ไม้ตายของนางแล้ว เขาคาดว่ากระบวนนี้คงเป็นกระบวนท่าสุดท้ายของนางแล้ว ถ้าเขาต้านและสวนกลับได้ เขาต้องชนะนางได้อย่างแน่นอน
หลังจากรู้สึกถึงปราณจิตวิญญาณมหาศาลที่ปะทุขึ้น เขาก็โยนปราณเข้าไปในเพลิงโอสถอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนว่ามันจะสิ้นเปลืองปราณไปมากขนาดไหน
ในตอนนี้เขาควบรวมเพลิงโอสถทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วใช้ปราณจิตวิญญาณของเขาเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
หลินเป้ยพยายามบีบอัดเพลิงโอสถให้หนาแน่นขึ้น ทำให้มันมีขนาดเล็กลงแต่อานุภาพของมันร้ายแรงกว่าฝนดาวตกนับ 10 เท่า!
ปราณจิตวิญญาณมหาศาลที่เขาโยนเข้าไป ทำให้พลังของเพลิงโอสถเพิ่มขึ้นหลายระดับ
ในตอนนี้ หลินเป้ยทุ่มหมดหน้าตัก
ตอนที่เงามายาชิงหลวนพุ่งมา เขาก็ควบคุมเพลิงโอสถให้เข้าหาเฟิงซินหยูเเช่นกัน
เมื่อเพลิงมายาของเขากำลังจะกระทบกับชิงหลวนของเฟิงซินหยู มันก็ขยายขนาดเพิ่มขึ้นหลายเท่าในทันที เพลิงโอสถนี้ถูกควบคุมโดยหลินเป้ย ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณของเขา
จากนั้นเพลิงโอสถขนาดใหญ่ก็กลายเป็นมังกรเพลิงขนาดยักษ์ และพุ่งตรงไปยังชิงหลวนที่อยู่ตรงหน้าเขา
ชิงหลวนและมังกรเพลิงปะทะกัน
“ตูม!” ลมแรงพัดขึ้นจนกลายเป็นพายุจากการปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่าย พัดผู้ชมจำนวนมากรอบๆ อย่างรุนแรงจนแทบไม่สามารถลืมตาขึ้นได้
หลายคนแสดงความหวาดกลัวบนใบหน้า สิ่งนี้มันทรงพลังมาก
แม้แต่ชายชราขอบเขตราชานักรบที่อยู่ข้างหมิงหลาน ในดวงตาของเขาก็มีแสงแปลกๆ วาบผ่าน
พลังมหาศาลระดับนี้ แม้แต่มหาปรมาจารย์นักรบขั้นต้นก็ยังไม่สามารถปล่อยมาได้
อาจมีเพียงผู้แข็งแกร่งมหาปรมาจารย์ขั้น 3 เท่านั้น ที่สามารถปล่อยพลังมหาศาลแบบนี้ได้ แต่อัจฉริยะสัตว์ประหลาดทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาสามารถใช้พลังนี้ได้ ทั้งๆ ที่คนหนึ่งเป็นเพียงนักรบแท้จริงขั้น 4 ส่วนอีกผู้หนึ่งเป็นปรมาจารย์นักรบขั้น 7 เท่านั้น
แต่ไม่ว่าวันนี้หลินเป้ยจะชนะหรือแพ้ สิ่งนี้ก้ทำให้เขาภาคภูมิใจได้แล้ว ที่สามารถพลักดันอัจฉริยะสัตว์ประหลาดแห่งเมืองหลวงให้มาถึงจุดนี้ได้
บนเวทประลอง นกชิงหลานปะทะกับมังกรเพลิง และทั้งสองฝ่ายก็อยู่ดันพลังกันอยู่ตรงกลางสักพักหนึ่ง ทันใดนั้น นกชิงหสวนก็ทรุดตัวลงและไม่สามารถต้านทานพลังของมังกรเพลิงได้
การเชื่อมต่อของเฟิงซินหยูกับเงามายาชิงหลวนฟาถูกตัดขาด ทำให้ใบหน้าของนางซีดลง และนางก็อดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสามก้าว
นางไม่ได้คาดหวังว่าเงามายาชิงหลวนจะพ่ายแพ้เช่นนี้?
หลังจากที่เงามายาชิงหลวนพังทลาย ทำให้มังกรเพลิงพุ่งไปข้างหน้าเข้าหานาง แม้ว่าตอนนี้มังกรเพลิงพลังจะลดลงหลังจากปะทะ แต่มันก็ยังทรงพลังมากอยู่ดี
เป้าหมายของมังกรเพลิงคือคือเฟิงซินหยู ทำให้การแสดงออกของนางเปลี่ยนไป แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบหนี
เมื่อเห็นฉากนี้ การแสดงออกของผู้อาวุโสโม่ก็เปลี่ยนไป และเขาต้องการที่จะหยุดมังกรเพลิง แต่มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะหลังจากที่เขารู้ตัว มังกรเพลิงก็ได้เริ่มโจมตีเฟิงซินหยูแล้ว
“บูม!” เสียงระเบิดดังขึ้น
ทันใดนั้น ก็มีร่างๆ หนึ่งบินออกมาจากศูยน์กลางของการระเบิด
ส่วนมังกรเพลิงก็หายไปหลังจากโจมตีเฟิงซินหยู แต่ทิ้งรอยหลุมขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางลานประลองแทน
ส่วนร่างที่บินออกมานั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟิงซินหยู นางกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ขณะลอบอยู่กลางอากาศ
“คุณหนูเฟิง” สีหน้าของผู้อาวุโสโม่เปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบพุ่งไปรับนางที่อยู่กลางอากาศในทันที
ในเวลานี้ เฟิงซินหยูอยู่ในสภาพที่น่าอับอายอย่างยิ่ง เสื้อผ้าของนางหลายส่วนถูกไฟไหม้ รวมทั้งผม และใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยเขม่าสีดำ ทำให้นางดูเหมือนขอทานจริงๆ
แม้แต่ลมปราณของเฟิงซินหยูก็อ่อนแอลงมาก และเห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส
แม้ว่านางจะไม่ได้หมดสติ แต่นางก็ไม่มีแรงที่จะต่อสู้อีกต่อไป
หลังจากที่หลินเป้ยเห็นมังกรเพลิงโจมตีเฟิงซินหยูแล้ว เขาก็ยกเลิกทักษะลับเพิ่มความรุนแรงทันที เพื่อหลีกเลี่ยงภาระร่างกายที่แบกรับพลังมหาศาลไม่ไหว
“ฟูด!” หลินเป้ยอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ทักษะลับเพิ่มความรุนแรง 4 เท่านี้ทำให้ร่างกายแบกรับมากเกินไป ทำให้ร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลินเป้ยยังสามารถยืนหยัดได้ในเวลานี้ และสถานการณ์ของเขาก็ดีกว่าเฟิงซินหยูมาก
“หลินเป้ยชนะ?” หลายคนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ ตอนนี้ผลลัพธ์ชัดเจนแล้ว หลินเป้ยคือผู้ที่ยืนหยัดอยู่บนเวทีประลองได้ ส่วนเฟิงซินหยูบาดเจ็บนอนอยู่บนพื้นแทน ดังนั้นผู้ชนะคือหลินเป้ยจริงๆ
หากเฟิงซินหยู่ยังมีกำลังเหลือพอที่จะต่อสู้ หลินเป่ยจะแพ้แน่นอน เพราะตอนนี้เขาไม่เหลือปราณจิตวิญญาณในร่างกายแล้ว
ตอนนี้เขาเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว ร่างกายของเขาเจ็บปวดอย่างยิ่ง เขาทำได้เพียงแค่อดทนมันไว้
หลังจากนั้น ผู้อาวุโสโม่ก็ป้อนโอสถรักษาระดับ 4 ให้เฟิงซินหยูทันที
“หลินเปย เจ้าช่างกล้านัก ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้!” ผู้อาวุโสโม่กล่าวด้วยความโกรธ
แม้ว่าชีวิตของเฟิงซินหยูจะไม่ตกอยู่ในอันตราย แต่นางจะไม่สามารถฟื้นตัวได้หากไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลาสิบวันครึ่งเดือน
“ผู้อาวุโสโม่ อย่านะ!” เฟิงซินหยูหยุดผู้อาวุโสโม่ไม่ให้เขาทำอะไร แต่เสียงของนางอ่อนแอเล็กน้อย
“คุณหนูเฟิง เขาทำให้ท่านเจ็บขนาดนี้ ทำไมไม่ปล่อยให้ข้าระบายความโกรธให้เจ้าล่ะ” ผู้อาวุโสโม่ถาม
“พอเถอะ ทักษะของข้าไม่ดีเท่า” เฟิงซินหยูกล่าวด้วยสีหน้าโดดเดี่ยว
นางรู้สึกแย่มาก วันนี้นางพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้คนหลายร้อยคนด้วยน้ำมือของหลินเป้ยที่เป็นเพียงนักรบแท้จริงขั้น 4
วันนี้นางมาเพื่อฉีกสัญญาหมั้นหมายและเรียกหลินเป่ยว่าขยะ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ถ้าหลินเป่ยเป็นขยะ แต่นางที่พ่ายแพ้ต่อเขา นางจะเป็นอะไร!?