บทที่ 1 ชาวลูนาเรียและอาร์เซอุสแรกเกิด
บทที่ 1 ชาวลูนาเรียและอาร์เซอุสแรกเกิด
ณ ห้องที่มีความวิทยาศาสตร์เล็กน้อยที่เต็มไปด้วยเครื่องมือที่ไม่อาจเข้าใจได้ ในใจกลางของห้อง มีไข่ที่มีรูปแปลกประหลาดกำลังถูกเจาะบนแท่นโลหะ
จากภายนอก ตัวไข่ดูจะไม่มีอะไรพิเศษ ยกเว้นขนาดและลวดลายของมัน
แต่ภายในไข่ใบนั้น สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดกำลังลืมตาของมันขึ้น
"เป็นเวลาอันแสนนาน...ในที่สุดข้าก็ได้สะสมพลังงานเพียงพอที่จะฟักตัวแล้ว"
ร่างของสิ่งมีชีวิตพิเศษยืดออกและสามารถสังเกตโลกภายนอกผ่านเปลือกไข่ของมันได้
ด้านล่างของลำตัว แผงคอ,หาง และใบหน้าของมันเป็นแถบสีเทาตามแนวตั้ง เท้าสี่ข้างแหลมของมันหุ้มปลายด้วยกีบทอง แผงคอของมันยื่นออกไปจากศีรษะของมัน ใบหน้าของมันเป็นสีเทา นัยน์ตาสีแดงและมีวงกลมสีเขียวรอบดวงตา
ในอีกโลกหนึ่ง ชื่อของสิ่งมีชีวิตตนนี้คืออาร์เซอุส โปเกมอนในตำนานผู้สร้างโลก
แต่อาร์เซอุสตนนี้ไม่ใช่โปเกมอนในตำนานผู้สร้างโลกที่ว่า
เช่นนั้นเราคงต้องเริ่มเล่าจากจุดเริ่มต้น...
ในห้องเช่าทั่วไปที่อยู่ถัดจากมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังจะเรียนจบและกำลังเล่น "โปเกมอนภาคตำนานอาร์เซอุส" อยู่
ยามนั้นเอง กริ่งประตูห้องของเขาดังขึ้น เขาอยากรู้ว่าใครที่กำลังเคาะประตูในเวลานี้ แต่เมื่อลุกขึ้นไปดู รถบรรทุกของเล่นขนาดเล็กที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็ทำให้เขาล้มไปกองกับพื้นและเครื่องสวิทช์ในมือของเขาจึงได้กระเด็นออกไป
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งหมดที่เขาสัมผัสได้ถึงคือความวุ่นวาย
เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไป แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจต้องการ อีกทั้งมันยังมีตัวตนบ้างอย่างแทรกเข้ามาในจิตใจของเขา
ตัวเขาตอนนี้ได้กลับกลายเป็นอาร์เซอุสแรกเกิดแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกง่วงนอนและได้หมดสติไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขามีความสามารถในการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก
พูดให้ถูกคือ เขาสัมผัสถึงสิ่งที่อยู่ภายนอกได้ แต่ข้างนอกนั้นมีความโกลาหลอย่างมาก
เขาได้รับความรู้ของร่างกายนี้ ทั้งยังสามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองได้ ทว่าถึงเขาจะไม่ยอมรับมัน ตอนนี้เขาจะทำอะไรไก้กันเล่า
ไม่สิ เขาไม่ใช่อาร์เซอุส แต่เป็นเพียงไข่ของมัน...นอกจากนี้ยังมีศิลาแห่งชีวิตสิบแปดแผ่นบินวนอยู่รอบๆ เปลือกไข่เพื่อปกป้องสิ่งมีชีวิตในไข่
ทว่าด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ เขาถูกดึงโดยพลังที่ไม่อาจล่วงรู้ พาดผ่านบาเรียอันแข็งแกร่งและมายังโลกใบใหม่
ตอนที่เขาข้ามผ่านบาเรียมานั้น บางส่วนของศิลาแห่งชีวิตที่กำลังปกป้องเปลือกไข่ได้กระจายออกพร้อมกับชนพลังลึกลับออกไป ทำให้ไข่ตกลงไปยังแผ่นดินเบื้องล่างกับศิลาแห่งชีวิตที่เหลือ
เพื่อที่เขาจะได้รับร่างกายที่สามารถขยับได้อย่างอิสระ วิธีการที่ดีที่สุดคือการหาศิลาแห่งชีวิตพวกทนั้นที่หายไป หากได้พลังของศิลากลับคืนมา มันก็จะทำให้เขาสามารถกะเทาะเปลือกไข่ออกไปได้อย่างรวดเร็ว
แต่เขาในยามนี้ยังไม่สามารถตามหาศิลาแห่งชีวิตด้วยตัวเอง
ก่อนที่เขาจะตกมาที่นี่ มีศิลาแห่งชีวิตเพียงสามแผ่นอยู่กับเขา เขาไม่รู้เลยว่าศิลาที่เหลือหายไปไหน อีกทั้งเขายังต้องอยู่ในระยะเพื่อที่จะควบคุมศิลาแห่งชีวิตพวกนี้อีก
ยามนี้มีชาวพื้นเมืองที่ดูแปลกๆ ล้อมรอบเขาอยู่ พวกเขามีปีกสีดำและเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งทำให้เขาตระหนักได้เลยว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกทั่วไป ในตอนนั้น เขายังไม่ได้รู้ว่าชาวพื้นเมืองเหล่านี้เป็นเผ่าพันธุ์ลูนาเรีย
ถึงแม้เขาจะเคยอ่านมังงะวันพีชมาบ่อย แต่เมื่อเขาอ่านถึงบททอตโตะแลนด์ของมังงะวันพีช (บทของบิ๊กมัม) เขาก็ไม่ได้อ่านมันต่อ ด้วยเหตุผลหลายประการ ถ้าพูดให้ถูกคือ เขาอ่านวันพีชจนถึงบทเดรสโรซาเท่านั้น
สาเหตุเป็นเพราะเขาไม่ชอบใจเผ่าพันธุ์ลึกลับที่โผล่ออกมา
ชาวพื้นเมืองพวกนี้ดูเหมือนจะบูชาเขาในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาจเพราะไข่ฟองนี้ตกลงมาจากท้องฟ้ากระมัง ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งธรรมดาและวิเคราะห์ด้วยสามัญสํานึกได้เลย
เมื่อเห็นชาวพื้นเมืองบูชาเขา มันก็ทำให้เขาคิดบางอย่างขึ้นมาได้ แม้ว่าเขาจะขยับตัวไม่ได้ แต่เขาก็สามารถหาวิธีสั่งให้คนพื้นเมืองเหล่านี้ตามหาศิลาแห่งชีวิตให้แก่เขาได้
คนพวกนี้มีปีก บางทีพวกเขาน่าจะสามารถค้นหาศิลาให้แก่เขาได้
ทว่าเขานั้นรับรู้ถึงโลกภายนอกได้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีทางสื่อสารกับโลกภายนอกได้
ตัวเขาไม่ใช่อาร์เซอุส พระเจ้าผู้สร้างโลก
เขายังคงเป็นตัวอ่อนและเรี่ยวแรงของเขาส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับศิลาแห่งชีวิต แต่ในช่วงที่เขาข้ามผ่านมายังโลกใบนี้นั้น การเชื่อมต่อระหว่างตัวเขากับศิลาได้ขาดออกจากกัน การร่วงลงมาสู่พื้นทำให้ศิลาแห่งชีวิตส่วนใหญ่กระเด็นออกหายไป เขาจึงไม่มีทางรู้เลยว่ามันหายไปไหนบ้าง
แถมในยามนี้ เขายังไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อีก
ทว่าทุกปัญหาย่อมทางออกของมันเสมอ ในบรรดาศิลาแห่งชีวิตที่เหลืออีกสามก้อน มีศิลาแห่งเปลวเพลิงที่มีคุณสมบัติเป็นธาตุไฟ และในระหว่างพิธีบูชายัญ เขาเห็นว่าชาวพื้นเมืองที่นี่สามารถใช้พลังแห่งเปลวไฟได้
เมื่อชาวพื้นเมืองกำลังทำพิธีบูชายัญ เขาก็ได้ใช้พลังของศิลาแห่งเปลวเพลิงเพื่อเพิ่มพลังไฟของชาวพื้นเมืองบางคน เพื่อทำให้พวกเขามีพลังมากขึ้น
เขาเชื่อว่าเหล่าชาวพื้นเมืองที่กำลังบูชาเขาต้องสังเกตเห็นถึงพลังที่เพิ่มขึ้นแน่
นอกจากนี้ตอนที่เขาร่วงลงมายังพื้น ตัวของไข่ได้ตกกระทบกับคนในเผ่าคนหนึ่ง พวกเขาสามารถรับแรงกระแทกได้ แสดงว่าพวกเขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ ดังนั้นพวกชาวพื้นเมืองพวกนี้คงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการช่วยเขาตามหาศิลาแห่งชีวิตแล้ว
หากเขาแสดงให้พวกชาวพื้นเมืองเห็นว่าศิลาแห่งชีวิตสามารถมอบพลังแก่พวกเขาได้ พวกเขาคงจะเริ่มออกตามหาศิลาที่คล้ายกัน ถ้าเกิดพวกชาวพื้นเมืองพบศิลาแห่งพลังจิตหรือศิลาอื่นๆ อีกสองสามศิลา เขาก็จะสามารถสื่อสารกับชาวพื้นเมืองพวกได้ ความแข็งแกร่งของเขาเองก็จะฟื้นคืนกลับมาด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องภาษาที่ชาวพื้นเมืองใช้ เขารู้ได้เลยว่ามันคือภาษาญี่ปุ่น เพราะหลังจากดูอนิเมะมาหลายปี เขาได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองจากการดูซีรีย์และการ์ตูนทางทีวีมากมาย ดังนั้นเรื่องการสื่อสารจึงไม่มีปัญหาเลย
หากได้ศิลาพลังจิตมา เขาจะให้รางวัลแก่พวกชาวพื้นเมืองและขอให้ช่วยตามหาศิลาแผ่นอื่นมาให้ พอฟักออกจากไข่ เขาก็จะสามารถที่จะทำอะไรๆได้มากขึ้น เขาไม่รู้หรอกว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฟักไข่ แต่สัญชาตญาณของร่างกายบอกเขาว่าศิลาจะช่วยเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้นอีก
แค่คิดมันง่ายนะ แต่ความเป็นจริงมันยากกว่าที่เขาจินตนาการเยอะ ครึ่งแรกก็เหมือนกับที่เขาคิดไว้ หลังจากที่ชาวพื้นเมืองเหล่านี้มีพลังที่เพิ่มมากขึ้น พวกชาวพื้นเมืองเริ่มบูชาเขามาก แม้กระทั่งพิธีบูชายัญของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นตามไปด้วย และในระหว่างพิธีบูชายัญ เขาจึงได้ว่าเผ่าพันธุ์นี้มีชื่อเรียกว่าเผ่าพันธุ์ลูนาเรีย
ทว่าได้เกิดปัญหาขึ้น เขาได้ยินหัวหน้าเผ่าและหมอดูประจำเผ่าคุยกันเรื่องศิลาแห่งชีวิตในระหว่างพิธีบูชายัญ และได้ยังส่งคนไปตามหาศิลาเหล่านี้ด้วย แต่ก็ไม่มีใครพบศิลาสักแผ่นเลย
เนื่องจากอาร์เซอุสที่อยู่ในใจเขากำลังรวมกับจิตใจของเขา ทำให้เขาเริ่มจะไม่ค่อยมีเวลาแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องมีแผน 2 ตราบใดที่มีเวลาเพียงพอ พลังของศิลาแห่งชีวิตทั้งสามที่เหลือก็เพียงพอแล้วที่จะให้เขาฟักออกมา เมื่อเขาเกิดมา เขาก็จะสามารถช่วยคนเหล่านี้ตามหาร่องรอยของศิลาแห่งชีวิตที่เหลือได้
ดังนั้นเขาจึงเริ่มทำเป็นกิจวัตรประจำวัน หลับไป และตื่นขึ้นมาเป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้ปรากฏขึ้นในแผน
ดูเหมือนว่ามีสงครามเกิดขึ้น พวกคนภายนอกเข้ามาโจมตีที่นี่ พูดตามหลักเหตุผลแล้ว ตัวเขาไม่ควรจะมีความรู้สึกพิเศษใดๆ ต่อชาวลูนาเรียพวกนี้เลย ทว่าด้วยความที่อยู่มาด้วยกันสักพัก แถมชาวลูนาเรียเหล่านี้ยังบูชาเขาทั้งกลางวันและกลางคืน มันก็จึงทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่อยากปกป้องขึ้นมา
ซึ่งเขาสัมผัสได้อย่างหนึ่งว่าจิตใจของเขากำลังแปลเปลี่ยนไป เหมือนกับโมมอนกะ (พระเอกจากเรื่อง Overlord ) ที่กลายร่างเป็นอันเดด และทำให้วิธีคิดของเขาค่อยๆ เข้าใกล้อันเดด
ส่วนทางด้านของตัวเขา เขาเองก็ได้รับอิทธิพลจากพระเจ้าผู้สร้างโลกอาร์เซอุส แต่อาร์เซอุสไม่ใช่อันเดด ดังนั้นจิตใจของเขามันจึงเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นพระเจ้าและความเป็นมนุษย์ในตัวของเขาเองมากกว่า ทำให้นิสัยและพฤติกรรมเขาก็ยังคงความเป็นตัวเองไว้ได้อยู่
เมื่อเห็นผู้อื่นกำลังทำร้ายคนของเขา ทำลายแผนของเขาแบบนี้ ด้วยความที่ยังเป็นแค่ไข่อยู่ เขาจึงทำอะไรไม่ได้มาก เขาทำได้เพียงกระตุ้นพลังของศิลาแห่งเปลวเพลิงและมอบมันให้กับหัวหน้าเผ่าชั่วคราว
ซึ่งเมื่อต้องใช้กำลังมากเพียงนี้ เขาจึงเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง
แต่ก่อนหน้านั้น เขาได้ยินคำสั่งสุดท้ายของหัวหน้าเผ่าให้คนที่เหลือในเผ่าหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ไปพร้อมกับไข่ที่ถือเป็นโบราณวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์
ทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นมา ชาวลูนาเรียที่อยู่รอบตัวเขาจะมีแต่คนที่ใบหน้าไม่คุ้นเคยนัก และจำนวนผู้คนก็น้อยลงเรื่อยๆ
จากร้อยคนเป็นสิบคน จากนั้นก็เป็นสองครอบครัว จนเหลือเพียงสองคน... เด็กผู้ชายมีชื่อว่าอัลเบอร์ (ภายหลังคือคิง มือขวาของไคโด) และเด็กผู้หญิงชื่อเชย์น่า
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีคนแปลกหน้านับไม่ถ้วนและเครื่องมือแปลกประหลาดทุกประเภทอยู่รอบตัวเขา แต่อัลเบอร์และเชย์น่าก็จากไปแล้ว
ในตอนแรก เขาคิดว่าคนสองคนนั้นก็เหมือนกับชาวลูนาเรียคนก่อนๆ ที่เสียชีวิตจากการถูกไล่ล่าจากศัตรูเหล่านั้น แต่ต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าตนคิดผิดไป
เขาเห็นเด็กสองคนนั้นในเวลาต่อมา แต่ทั้งสองได้อยู่ในสภาพเดียวกับเขาและทั้งคู่กำลังถูกทดลองแปลกๆ
คนภายนอกพวกนี้อยากจะรู้ว่าไข่ที่เผ่าลูนาเรียสองคนนำมาด้วยคืออะไร พวกเขาพยายามฟักมันออกมาและพยายามทำลายมัน แต่มันก็ไม่ได้ผล ผิวของเปลือกไข่นั้นแข็งอย่างไม่อาจเข้าใจได้
พวกเขานำไข่และศิลาแห่งชีวิตที่ได้จากการสังหารหัวหน้าเผ่าเมื่อหลายปีก่อน อัลเบอร์กับชาวลูนาเรียเพศหญิงมาไว้ในศูนย์วิจัยเดียวกัน
เนื่องจากชาวลูนาเรียได้สูญเสียศิลาแห่งชีวิตระหว่างทางตอนหลบหนี จึงเหลือศิลาเพียงสองแผ่นเท่านั้น
แม้ว่าสิ่งที่พวกมันทำกับเขาจะไม่สามารถทำลายเปลือกไข่ได้ แต่เครื่องจักรแปลกๆ ก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี อาจเป็นเพราะร่างกายของเขายังคงเป็นแบบนี้ (อยู่ในไข่) หรือเพราะเด็กสองคนนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นอารมณ์ของตัวเองหรืออาร์เซอุส ความโกรธของเขาก็ได้ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
แล้ววันนั้นก็มาถึง พลังงานที่เขาสะสมไว้ก็ถึงระดับที่จะฟักไข่ได้ในที่สุด ศิลาแห่งชีวิตทั้งสองแผ่นได้วางอยู่ข้างๆ เขา และระยะห่างนั้นอยู่ในระยะการควบคุม ดังนั้นด้วยพลังของศิลาสองแผ่นและพลังงานที่เขาได้สะสมในช่วงเวลานี้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะพาเด็กทั้งสองคนหนีออกจากที่นี่
แต่สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือตามหาตัวเด็กพวกนั้น โดยปกติแล้วพวกเขาจะถูกแยกกันไว้คนละที่ ซึ่งในปัจจุบันตัวข้ากับเชย์น่าอยู่ในห้องทดลองเดียวกัน แต่ข้าไม่รู้ว่าอัลเบอร์นั้นอยู่ที่ไหน
ทว่าขณะที่เขากำลังจะลงมือ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีการระเบิดเกิดขึ้นจากภายนอก จากนั้นประตูโลหะที่ปิดอยู่ก็เปิดออก และคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่นักวิจัยเหล่านั้น แต่เป็นอัลเบอร์......