ตอนที่ 564 วิธีควบคุมอาวุธมายา
ตอนที่ 564 วิธีควบคุมอาวุธมายา
“ว่าแต่ทำไมนายถึงไม่ใช้หงส์ครามในระหว่างการต่อสู้ล่ะ ทั้ง ๆ ที่นายมีอาวุธมายาที่ทรงพลังอยู่ในมือแท้ ๆ” ผู้อาวุโสดำเริ่มถามเปลี่ยนหัวข้อ
ข้อความจากผู้อาวุโสดำทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย และเขาก็ยกมือซ้ายออกมาสัมผัสแขนขวาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะแขนขวาคือที่อยู่ของหงส์คราม
ชายหนุ่มรู้ดีว่าหงส์ครามเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากและมันก็มีความยืดหยุ่นอยู่ในระดับที่น่าตกใจ ซึ่งในก่อนหน้านี้มันก็ได้ช่วยเหลือเขาออกมาจากขอบเหวแห่งความตายในระหว่างที่เขาได้เผชิญหน้ากับหนอนด้วงมิติ
“พูดตามตรงว่าผมยังไม่เข้าใจวิธีการใช้หงส์ครามเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขายังไม่สามารถควบคุมอาวุธชิ้นนี้ได้จริง ๆ
ผู้อาวุโสดำชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นเวลานาน เพราะเขาไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะยังไม่สามารถควบคุมหงส์ครามได้แบบนี้
“นายมีอาวุธมายาแต่ไม่รู้วิธีใช้งั้นเหรอ? ใครเป็นคนให้หงส์ครามกับนายมา ทำไมเขาถึงไม่บอกวิธีใช้มันมาด้วย”
ความจริงแล้วเทพขาวดำก็ตั้งใจที่จะสอนเซี่ยเฟยให้ใช้หงส์ครามอยู่เหมือนกัน แต่ก่อนที่เขาจะได้ติดต่อมาหาชายหนุ่มพวกเขากลับถูกไล่ล่าเสียก่อน พวกเขาจึงไม่มีเวลาอธิบายวิธีการใช้หงส์ครามให้ชายหนุ่มฟัง
เซี่ยเฟยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากฎแห่งความโกลาหลได้นำภัยพิบัติมาสู่เทพขาวดำ และมันก็เป็นเรื่องที่โชคดีที่เขายังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จักกับเผ่าเทพ ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าเรื่องที่เขาครอบครองกฎแห่งความโกลาหลถูกเปิดเผยออกไป ชะตากรรมของเขาก็คงจะไม่แตกต่างไปจากเทพขาวดำมากนัก
ผู้อาวุโสดำพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
“หงส์ครามคืออาวุธมายาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ พลังของมันจึงแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัยและมันก็ยังถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ามันคือวัชพืชที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาลอีกด้วย”
“ฉันเคยเห็นคนอื่นใช้อาวุธมายาชนิดอื่น ๆ มาก่อน ว่ากันว่าวิธีการใช้หงส์ครามได้ดีที่สุดคือการใช้มันในการทำลายการป้องกันและใช้มันในการจับกุม”
“นักรบส่วนใหญ่ในดินแดนของผู้ใช้กฎมักที่จะเรียนรู้วิชาป้องกันติดตัวเอาไว้ประมาณ 2 วิชาทุกคนอยู่แล้ว และหงส์ครามก็มีความสามารถพิเศษในการเจาะทะลุการป้องกันนั้นและเข้าไปจับกุมร่างของอีกฝ่ายได้”
เซี่ยเฟยพยายามจดจำวิธีการใช้หงส์ครามเอาไว้ เพราะคำอธิบายเหล่านี้ย่อมลดเวลาในการลองผิดลองถูกไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย และถ้าหากว่าศัตรูโดนจับกุมโดยหงส์ครามจริง ๆ ชายหนุ่มก็จะสามารถลงมือจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น
“แม้ว่าตอนนี้หงส์ครามจะยอมรับนายแล้วแต่มันก็ยังไม่ได้สร้างพันธสัญญาที่แท้จริงกับนายเลย และมันก็ต้องการที่จะสร้างความคุ้นเคยกับนายเสียก่อน” ผู้อาวุโสดำกล่าว
“สร้างความคุ้นเคย? หงส์ครามมันอยู่ในแขนขวาของผมตลอดเวลา แล้วมันยังจะต้องการสร้างความคุ้นเคยอีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสับสน
“เหตุผลที่มันยอมยึดติดอยู่กับนายนั่นก็เพราะว่านายมีความดื้อรั้นเหมือนกับมัน แต่การยึดติดแบบนี้เป็นเพียงแค่การพึ่งพาอาศัยนายเท่านั้นนายยังไม่สามารถที่จะเข้าควบคุมมันได้ หากนายต้องการที่จะควบคุมมันจริง ๆ นายก็จำเป็นจะต้องเสนอข้อแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างพันธสัญญากับมันขึ้นมา แล้วในเวลานั้นมันจึงจะถือได้ว่านายคือผู้ครอบครองหงส์ครามที่แท้จริง”
“เสนอข้อแลกเปลี่ยน? ผมต้องแลกเปลี่ยนอะไรกับมัน” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เงื่อนไขของหงส์ครามคือเลือด มันจะดูดเลือดภายในร่างกายของนายแล้วหยั่งรากลึกลงมาในร่างกายของนาย, ใช้ร่างกายของนายเป็นสารอาหาร, ใช้การต่อสู้เป็นเหมือนกับแสงอาทิตย์เพื่อที่จะให้ร่างกายของมันค่อย ๆ เติบโตขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ” ผู้อาวุโสดำกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“อะไรนะ?! นี่ผมต้องสังเวยเลือดให้มันงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถูกต้อง เมื่อไหร่ก็ตามที่นายยอมสังเวยเลือดให้กับมัน หงส์ครามก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของนายอย่างแท้จริง และหลังจากนั้นมันก็จะเริ่มปฏิบัติตามคำสั่งของนายอย่างเคร่งครัด กลายเป็นมือเป็นเท้าให้นายใช้ได้ทุกเมื่อตามที่นายต้องการ”
“น่าเสียดายที่นายไม่ได้สังเวยเลือดให้กับมันตั้งแต่แรก เพราะในตอนนี้ใบหญ้าของหงส์ครามได้แตกออกเป็น 2 ใบแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่ามันจำเป็นจะต้องใช้เลือดปริมาณมากขึ้นเพื่อหยั่งรากลึกลงมาในร่างกายของนาย แล้วมันก็จะทำให้นายต้องพบเจอกับความเสี่ยงมากขึ้นกว่าเดิม”
“ถ้าหากว่านายกลัวนายก็แค่ต้องไปหาคนอื่นเพื่อถ่ายโอนหงส์ครามออกไป หลังจากนั้นอาวุธมายาชิ้นนี้ก็จะไม่เป็นภัยอันตรายใด ๆ กับนายแล้ว” ผู้อาวุโสดำกล่าว
“กลัว? ในพจนานุกรมของผมไม่มีคำว่ากลัว ตราบใดก็ตามที่ความเสี่ยงนั้นแลกมากับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ผมก็ยินดียอมรับความเสี่ยงได้ทุกอย่าง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ผู้อาวุโสดำพยายามเน้นย้ำให้เซี่ยเฟยทราบถึงความอันตรายของการสังเวยเลือด แต่ชายหนุ่มกลับใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีในการยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบถึงชีวิต ซึ่งความเด็ดขาดนี้อยู่เหนือเกินกว่านักรบธรรมดาแล้วมันก็ถึงกับทำให้ผู้อาวุโสดำชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง
เมื่อตัดสินใจได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็หยิบมีดออกมากรีดแขนขวาตามแนวขวางทำให้เลือดปริมาณมหาศาลไหลออกมาในทันที
เกือบจะในเวลาเดียวกันหงส์ครามก็เริ่มทำการเคลื่อนไหว โดยการยื่นใบหญ้าทั้งสองใบไปพันบาดแผลเอาไว้อย่างกะทันหัน ต่อมามันก็เริ่มดูดซับเลือดของชายหนุ่มเข้าสู่ร่างกาย จนทำให้ทั่วทั้งใบหญ้าสีฟ้าค่อย ๆ ปรากฏเส้นสีแดงออกมาคล้ายกับเส้นเลือดฝอยในร่างกายของมนุษย์
…
ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมาบาดแผลของเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ ดีขึ้น และถึงแม้ว่ากระบวนการนี้จะค่อนข้างน่าตื่นเต้น แต่มันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอ่อนเพลียอย่างรุนแรง เนื่องมาจากว่าเขาได้เสียเลือดออกไปจากร่างกายในปริมาณที่เยอะมาก
แต่ในเวลาเพียงแค่ไม่นานหงส์ครามก็เริ่มคืนเลือดที่ดูดไปผ่านทางรากเข้าสู่ร่างกายของชายหนุ่ม ซึ่งเลือดที่ไหลผ่านร่างของหงส์ครามมันก็กลายเป็นเลือดที่มีความบริสุทธ์มากยิ่งขึ้น
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ช่วยสร้างความประหลาดใจให้กับเซี่ยเฟยเพิ่มเติม เพราะการให้เลือดเป็นอาหารกับหงส์ครามไม่เพียงแต่จะไม่สร้างอันตรายให้กับเขาเท่านั้น แต่มันยังช่วยเสริมประโยชน์ให้กับร่างกายของเขาอีกด้วย
“นี่คุณโกหกผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถ้าฉันโกหกแล้วยังไง? นายจะกระทืบฉันงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสดำกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วจนเริ่มมีเส้นเลือดปรากฏขึ้นบนศีรษะ แต่เขาก็พยายามประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าผู้อาวุโสดำคือคนของเผ่ามาร และการที่คนของเผ่ามารมีนิสัยแบบนี้มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
“ถ้าหากว่านายสังเกตดี ๆ ตอนนี้บนใบหญ้าของหงส์ครามมีเลือดของนายไหลเวียนอยู่ภายในร่างของมันแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่ามันได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับนายโดยสมบูรณ์ หลังจากนี้มันจะใช้เลือดของนายเป็นอาหาร และยิ่งนายมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็จะส่งผลกระทบให้หงส์ครามยิ่งเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น”
เซี่ยเฟยพยายามหลับตาลงและสัมผัสถึงหงส์ครามที่ฝังตัวอยู่ภายในแขน จากนั้นเขาก็พยายามควบคุมหงส์ครามให้เคลื่อนที่ออกมาจากแขนของเขา
“ออกไป!”
ใบหญ้าค่อย ๆ ยืดตัวออกไปอย่างช้า ๆ ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน ใบหญ้าที่เหมือนหนวด 2 เส้นก็กำลังโบกไปมาในอากาศคล้ายกับพวกมันคือหนวดของปลาหมึก
เซี่ยเฟยพยายามควบคุมใบหญ้าให้เคลื่อนไหวในลักษณะต่าง ๆ และถึงแม้ว่าการควบคุมหงส์ครามในครั้งแรกจะค่อนข้างยากลำบากอยู่เล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมมันได้แล้ว
“เก็บ”
ทันใดนั้นหงส์ครามก็หดตัวกลายเป็นใบหญ้าเล็ก ๆ พันรอบแขนของชายหนุ่มอีกครั้ง
“ออกไป”
“เก็บ”
“ออกไป”
ชายหนุ่มพยายามฝึกฝนอย่างแข็งขัน ซึ่งความเข้าใจในการควบคุมหงส์ครามก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านพ้นไป
ในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถควบคุมอาวุธโบราณชิ้นนี้ได้แล้ว เขาจึงลุกยืนขึ้นและเดินมุ่งหน้าออกไปจากสุสานแห่งนี้
หงส์ครามเป็นทั้งพืชและอาวุธ ซึ่งการที่จะทำให้เขากับมันคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็วมากที่สุดมันก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาการต่อสู้
—
เซี่ยเฟยพยายามหลีกเลี่ยงมู่ฉิวโป๋และมองหาแมงมุมขาวในทุ่งน้ำแข็ง
เมื่อเทียบกับสองวันก่อน ตอนนี้ในทุ่งน้ำแข็งมีแมงมุมขาวอยู่มากขึ้นกว่าเดิมและพวกมันก็กำลังอาละวาดหนักขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ปกติสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้อาศัยอยู่ใต้พื้นผิวลงไปหลายกิโลเมตร แต่เนื่องจากเซี่ยเฟยได้ขุดดินไปรบกวนพวกมันโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมันจึงคลานออกมาเหนือพื้นดินและเริ่มจู่โจมทุกสิ่งที่ขวางหน้าไม่ว่าจะเป็นเซี่ยเฟยหรือมู่ฉิวโป๋
พื้นที่ของสุสานที่ถูกครอบเอาไว้ด้วยกฎแห่งแสงมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งมู่ฉิวโป๋ก็ได้อยู่ทางทิศตะวันตกของสุสาน ชายหนุ่มจึงได้ออกเดินทางไปทางฝั่งทิศตะวันออก
เมื่อไหร่ก็ตามที่มู่ฉิวโป๋เริ่มสัมผัสได้ถึงตัวตนของชายหนุ่ม เซี่ยเฟยก็จะหลบหนีเข้าไปภายในพื้นที่สุสานทันที และเมื่อมันได้ประกอบกับอุปสรรคอย่างแมงมุมจำนวนหลายหมื่นตัว มันจึงทำให้มู่ฉิวโป๋ไม่สามารถที่จะเข้าใกล้เซี่ยเฟยได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
มัด!
หลังจากผ่านการต่อสู้จริงอย่างต่อเนื่องเซี่ยเฟยก็สามารถควบคุมหงส์ครามได้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในตอนนี้ใบหญ้าทั้งสองใบต่างก็มีความยาวถึง 30 เมตรแล้ว มันจึงทำให้ชายหนุ่มสามารถใช้หงส์ครามในการโจมตีระยะกลางได้
ขวับ!
หงส์ครามเคลื่อนไหวเหมือนหนวดปลาหมึก 2 เส้นมัดร่างของแมงมุมขาวเอาไว้จนแน่น และถึงแม้ว่าแมงมุมขาวจะพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่มันก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นออกไปจากใบหญ้าสีฟ้าได้ ท้ายที่สุดใบหญ้าของหงส์ครามก็มีความแข็งแรงมาก จนถึงขนาดที่แม้แต่หนอนด้วงมิติก็ยังไม่สามารถจะทำลายมันลงได้ง่าย ๆ
ฉึก!
เซี่ยเฟยแท่งบลัดบิวเทียสเข้าไปภายในร่างของแมงมุมขาวอย่างง่ายดาย ก่อนที่อาวุธชิ้นนี้จะเริ่มดูดเลือดของสัตว์ประหลาดเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
หลังจากที่บลัดบิวเทียสถูกเปลี่ยนคุณสมบัติจากกฎแห่งความโกลาหล ข้อจำกัดของมันก็ไม่ใช่การดูดเลือดมนุษย์เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่มันสามารถที่จะดูดเลือดของสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด มันจึงกลายเป็นอาวุธที่มีประโยชน์สำหรับชายหนุ่มมาก แตกต่างจากในอดีตที่เขาแทบที่จะไม่เคยหยิบมันออกมาใช้ในระหว่างการต่อสู้จริงเลย
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานร่างของแมงมุมขาวก็เริ่มเหี่ยวเฉา และเมื่อเขาสะบัดนิ้วดีดมันเบา ๆ ร่างของแมงมุมก็กลายเป็นฝุ่นที่ค่อย ๆ ล่องลอยไปในอากาศ
แมงมุมขาวทุกตัวที่ถูกบลัดบิวเทียสดูดเลือดเข้าไปต่างก็ล้วนแล้วแต่กลายเป็นฝุ่นภายในเวลาเพียงแค่ 3 วินาที ทั้ง ๆ ที่แมงมุมพวกนี้มีร่างกายขนาดใหญ่กว่าวัว ซึ่งมันก็หมายความว่าอัตราการดูดเลือดของบลัดบิวเทียสอยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก
ชายหนุ่มกลับเข้าไปภายในสุสานอีกครั้ง จากนั้นเขาก็นำคริสตัลต้นกำเนิดออกมาเพื่อฟื้นฟูความเหนื่อยล้า
“วันนี้ได้ 87 ตัวงั้นเหรอ? ไม่เลวเลยนี่” ผู้อาวุโสดำกล่าวขึ้นมา
วันต่อมาเซี่ยเฟยก็ยังคงฝึกฝนในรูปแบบเดิม โดยการออกไปจากสุสานจัดการกับแมงมุมขาวและเมื่อไหร่ก็ตามที่มู่ฉิวโป๋เริ่มเคลื่อนไหว เขาก็จะรีบหลบหนีออกไปปรากฏตัวอีกด้านของสุสานในทันที
“วันนี้ได้ 275 ตัว ดูเหมือนว่าเขาจะค่อย ๆ คุ้นเคยกับการใช้หงส์ครามมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสินะ” ผู้อาวุโสดำพึมพำกับตัวเอง
ในวันที่ 3 ชายหนุ่มก็สามารถที่จะสังหารแมงมุมขาวไปได้ถึง 910 ตัว วิชาพายุมิติปิดล้อมได้พัฒนาไปจนถึงระดับที่ 5 เหลือเพียงอีกแค่สองระดับก่อนที่เขาจะสามารถใช้วิชานี้ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในวันที่ 4 เขาสามารถสังหารแมงมุมขาวไปได้ 3,255 ตัว
ในวันที่ 5 เขาสามารถสังหารแมงมุมขาวไปได้ 9,118 ตัว
ในวันที่ 6 คือวันพักผ่อนและเขาก็ได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนวิชาหมัดพายุคลั่ง
ในวันที่ 7 เขาได้สังหารแมงมุมขาวไปทั้งสิ้น 10,348 ตัว โดยในระหว่างนั้นบลัดบิวเทียสก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ระยะเวลาในการดูดกลืนเลือดของแมงมุมขาวหดสั้นลงเหลือเพียงแค่ 2.5 วินาที ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าแม้กระทั่งอาวุธชิ้นนี้ก็กำลังเติบโตไปพร้อม ๆ กับเขาเช่นเดียวกัน
ในวันที่ 8 เขาเริ่มทำการฝึกฝนวิชาหมัดพายุคลั่งอีกครั้ง ซึ่งในขณะนี้เขาก็ได้บรรลุวิชาขั้นที่ 5 ของวิชาหมัดพายุคลั่งแล้ว เหลืออีกเพียงแค่สี่ระดับก่อนที่เขาจะสามารถใช้วิชานี้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในวันที่ 9 เขาได้จัดการแมงมุมขาวไปทั้งสิ้น 11,265 ตัว ซึ่งตลอดทั้งวันนั้นชายหนุ่มก็ได้ทำการสังหารแมงมุมทั้งวันแบบไม่มีหยุด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้หงส์ครามเริ่มมีประโยชน์ในการต่อสู้มากขึ้นเรื่อย ๆ และเซี่ยเฟยก็พยายามทดลองใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่เขาไม่เคยใช้มาก่อน ซึ่งมันก็ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการจู่โจมของเขาได้อย่างมากมายกว่าเดิม
14 วันต่อมาในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้กลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 9 อยู่ห่างจากการพัฒนาจนกลายเป็นอัศวินกฎเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ในวันนี้ชายหนุ่มได้เดินออกมาจากสุสานตามปกติ แต่จู่ ๆ เขากลับได้พบว่าในทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์กลับตกอยู่ในความเงียบสงบ ไม่มีแมงมุมขาวให้เขาพบเห็นเลยแม้แต่ตัวเดียว
เมื่อไม่กี่วันก่อนสถานที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยแมงมุมขาวนับแสนตัว แล้วจู่ ๆ แมงมุมพวกนั้นมันได้หายตัวไปไหน
“พวกมันหายไปไหนกันนะ?” เซี่ยเฟยพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว
ยิ่งไปกว่านั้นร่องรอยของมู่ฉิวโป๋ก็ได้หายไปด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มจึงเริ่มสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
***************
แล้วทุกคนล่ะคิดว่ามันหายไปไหนกันหมด?