ตอนที่ 142 ชนพื้นเมือง(อ่านฟรี)
ตอนที่ 142 ชนพื้นเมือง
“ทุกคนถอยออกไป” กุสตาฟไล่พวกกิลด์ที่มุงดูออกไปจนหมด เหลือเพียงคนที่นำมันมาและทหารที่ตามมาจากด้านหลังเท่านั้น
กิลด์ที่พาร่างหรือจะบอกว่าศพของชนพื้นเมืองกลับมานั้นเป็นกิลด์ดาบกางเขนที่มีมาคัสติดสอยห้อยตามมาด้วย
“ไปเจอมันที่ไหน” กุสตาฟหันไปถามชายผู้มีดาบกางเขนสีเงินอยู่ด้านหลัง
คนที่แบกดาบกางเขนสีเงินเป็นเหนือมนุษย์ระดับ C หนึ่งในสามที่เข้ามาที่นี่ของกิลด์ดาบกางเขน ซึ่งมีชื่อว่า ครูส ฉายานักบุญดาบเงิน
“ป่าทางด้านนั้นห่างไป 4 กิโลเมตร พวกมันมากันเป็นกลุ่มกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่พอดี” ครูสชี้ไปยังศพอื่น ๆ รวมแล้วมีกันประมาณ 10 ศพเห็นจะได้
“นายฆ่าชาวพื้นเมืองมันอาจจะนำปัญหามาได้ พวกเราควรจะติดต่อพวกเขามากกว่า” อีคอนแสดงความกังวลออกมา
“ก็แค่ลิงป่าเท่านั้นจะสนใจทำไม กิลด์เรามาเพื่อฆ่าอยู่แล้ว” ครูสกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าอีคอน แม้เขาจะเป็นแค่ระดับ C แต่ว่าเขาคือนักบุญพิฆาตจากกิลด์ดาบกางเขนที่แข็งแกร่ง ระดับ B ไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น
อีคอนหรี่ตาแหลมจ้องมองครูส แต่ก็ไม่ทำเรื่องให้ยุ่งยาก ถ้าเกิดปัญหาคนที่จะจัดการเป็นกุสตาฟไม่ใช่เขา
กุสตาฟเองก็เห็นด้วยกับอีคอน ถึงเขาจะเป็นคนที่ดุดันและดูโหด แต่เขาก็ไม่โง่
“นายควรจะฟังเขา ถ้าโลกนี้มีชนพื้นเมืองก็ควรจะเลือกเจรจามากกว่าการฆ่า”
“พวกคุณสงสารพวกมันอย่างนั้นเหรอ มอนสเตอร์ก็แค่พวกชั่วร้าย พวกมันก็ไม่ต่างกันยังไงถ้าเราไม่ฆ่าพวกมันก็คงมาที่ประตูเพื่อตรวจสอบ ถ้ามันพบประตูมิติยังไงก็พากันมารุกรานโลกมนุษย์อยู่แล้ว กิลด์ดาบกางเขนมีอยู่เพื่อทำลายทุกสิ่งที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์” ครูสกล่าวด้วยสีหน้าชอบธรรม
พวกระดับ B ทำสีหน้าเอือมระอากับความคิดของกิลด์นี้
ลุคมองดูครูสที่แสดงคำพูดชอบธรรมด้วยใบหน้าเฉยชาไม่ต่างกัน
“ไม่ใช่ว่าเพราะความสงสารต่อเผ่าพันธุ์อื่น แต่เพื่อความปลอดภัยและข้อมูล” อีคอนกล่าวขึ้นมา ก่อนจะอธิบายต่อว่า “พวกเราแทบไม่รู้เรื่องของชนพื้นเมืองพวกนี้ แต่พวกนายกลับฆ่าชนพื้นเมืองตายหมด เราเลยไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพวกเขา ถ้าพวกชนพื้นเมืองมีพรรคพวกอีก กลุ่มพวกเขาจะต้องออกตามหากลุ่มที่นายฆ่าตายนี้แน่นอน และถ้ากลุ่มชนพื้นเมืองนี้เป็นอารยธรรมที่แข็งแกร่งพวกเขาอาจจะมีคนที่แข็งแกร่งในระดับ A ก็ได้ พวกเราทีมสำรวจมีแค่ 560 คนเท่านั้น ไม่มีทางต่อสู้กับระดับ A ได้แน่นอน แบบนี้เราตายแน่นอน”
ทุกคนได้ยินก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของอีคอน เวลานี้เราเป็นทีมสำรวจต่อให้ฆ่ามอนสเตอร์ยังไงก็ยังไม่ควรลงมือกับชนพื้นเมือง แต่ควรจะเริ่มจากเจรจา ถ้าไม่สำเร็จจริง ๆ ก็รอจนประตูเสถียรและทีมที่สองมา ซึ่งจะมากันได้มากขึ้น แบบนั้นเราจะสามารถปะทะกับพวกชนพื้นเมืองได้ แต่ตอนนี้ครูสฆ่าพวกนี้ไปหมดแล้ว ถ้าชนพื้นเมืองพบเจอความจริงนี้ พวกนั้นจะทำสงครามกับพวกเขาทันที คนแค่นี้ไม่มีทางสู้ชนพื้นเมืองทั้งหมดของโลกนี้ได้แน่นอน
“แล้วไง ฆ่าแล้วก็คือฆ่า อีกอย่างพวกเขามีสิ่งที่น่าสนใจ ถ้าเราสามารถวิจัยมันได้มนุษย์จะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง” ครูสเลือกจะเปิดเผยบางอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นกล่าวโทษแต่กิลด์
ครูสหยิบดาบที่สร้างขึ้นมาจากกระดูกชิ้นหนึ่ง มันถักทอด้วยเครื่องประดับกระดูกและลูกปัดจำนวนหนึ่ง
“มันคืออะไร?”
ทุกคนไม่เข้าใจ แต่พอมองดี ๆ ก็พบว่ามันคล้ายกับเครื่องแต่งกายของพวกชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มนี้
“นี่คืออาวุธชิ้นหนึ่งที่พิเศษมาก มันสามารถเปลี่ยนพลังงานต่างมิติในร่างเป็นไฟได้ ฉันค้นพบมันมาจากร่างของชนพื้นเมืองตัวนั้น เจ้าตัวขนสีขาวนั้น ตอนที่เจอพวกมันกำลังสู้กับมอนสเตอร์ไดโนเสาร์ที่มีขนเหมือนไก่ตัวหนึ่งอยู่ เจ้านั้นใช้ดาบกระดูกนี้สู้กับไก่ตัวนั้น แถมมันยังระเบิดเปลวเพลิงออกมาฆ่าไก่ตัวนั้นได้”
ครูสตวัดดาบพริบตานั้นเพลิงก็ลุกท่วมดาบในทันที
ทุกคนเผยสีหน้าตื่นตกใจและตื่นเต้น ลุคก็จ้องมองไม่ต่างกัน
เทคโนโลยีของโลกในตอนนี้ไม่สามารถสร้างอาวุธที่แปลงคลื่นพลังเป็นพลังธาตุพื้นฐานแบบนี้ได้ แต่อาวุธของชนเผ่าพื้นเมืองในโลกนี้สามารถทำได้ ถ้าพวกเขาเรียนรู้วิธีสร้างอาวุธแบบนี้ โลกมนุษย์จะก้าวกระโดดอีกครั้ง
นี่คือความคิดของทุกคนในที่นี้ แต่ไม่เกี่ยวกับลุค เขามีพลังพรสวรรค์ไอเทมมอนสเตอร์ แค่ดาบที่สร้างเปลวไฟได้ไม่นับเป็นอะไร ลุคเองก็มีปลอกแขนอัคคีอยู่ มันก็ทำได้ไม่ต่างกัน หรือจะเป็นกริชเยือกแข็งนี่ก็แปลงพลังงานเป็นพลังธาตุน้ำแข็งได้
ไม่มีใครสังเกตว่าพวกระดับ B แอบเหลือบมองลุคเล็กน้อย เพราะพวกเขาเชื่อมโยงสิ่งนี้กับปลอกแขนอัคคีของลุคเหมือนกัน ในตอนนั้นที่ระดับ B อีกคนถามเขาถึงที่มาของปลอกแขนก็เพราะเรื่องนี้
“ทีนี้ก็มีเหตุผลจัดการพวกเขาได้แล้วสินะ” ครูสพูดขึ้นมา
“ศพที่นายว่าคือศพนี่ใช่ไหม ถ้าดูจากการแต่งกายพวกนี้ ชนพื้นเมืองนี้น่าจะเป็นคนสำคัญที่สุดในกลุ่ม เพราะเครื่องประดับเขามีมากที่สุด”
“เครื่องประดับ?”
อีคอนอธิบายเพิ่มเติม
“โลกสมบูรณ์แต่ละแห่งมีอารยธรรมเป็นของตัวเอง ตอนนี้โลกสมบูรณ์ทั้งสองก็มีหลักฐานที่บอกถึงการมีอยู่ของอารยธรรมที่มีสติปัญญาอยู่นี่ยังไม่รวมกับโลกสมบูรณ์ใบอื่นที่พยายามรุกรานโลกมนุษย์ผ่านโลกสมบูรณ์ทั้งสองที่มีอีกไม่รู้กี่แห่ง”
ฟังมาถึงตรงนี้ลุคก็ตกใจเล็กน้อย มีอารยธรรมต่างโลกกำลังรุกรานโลกมนุษย์ผ่านโลกสมบูรณ์ทั้งสองแห่งก่อนหน้า!? นี่คือเป็นข้อมูลใหม่ของเขา เขาไม่เคยเข้าไปยังโลกสมบูรณ์ใบอื่น
แต่พอมาคิดถึงโลกอสูรก็พอเข้าใจได้ แถมตอนนี้เข้าใจเหตุผลที่ครูสปักใจเชื่อว่าชนพื้นเมืองพวกนี้จะรุกรานโลกมนุษย์ถ้าเจอประตูมิติ
อีคอนยังคงพูดต่อ “ทุกอารยธรรมมีจุดเด่นของตัวเอง ชนพื้นเมืองพวกนี้คล้ายกับมนุษย์ยุคโบราณมาก อาจจะเพราะโลกนี้ยังไม่ได้พัฒนาอย่างเต็มที่ พวกนี้คล้ายกับพวกชนเผ่าโบราณที่ใช้กระดูกเป็นเครื่องประดับที่แสดงถึงระดับชนชั้น” อีคอนเอื้อมมือไปหยิบสร้อยกระดูกที่ดูประณีตและสวยงามออกมา
“สร้อยนี้ต่างจากคนอื่น ๆ มาก แสดงว่าสถานะต้องไม่ธรรมดา”
“จะบอกว่าเขาคือคนสำคัญและจะต้องมีพวกมันมาตามหาแน่นอนสินะ ชนเผ่าหนึ่งจะมากมายแต่ไหน ทำไมต้องไปกลัวพวกมันด้วย ตอนนี้ฉันกลัวว่าพวกมันจะไม่มามากกว่า ถ้ามาก็แค่ฆ่าให้หมดแล้วยึดอาวุธแบบนี้มาเพื่อใช้ในการวิจัยสร้างอาวุธแบบนี้ขึ้นมาอีกก็เท่านั้น ใครสนใจจะไปล่าพวกมันกับฉันในวันพรุ่งนี้บ้าง” ครูสกล่าวเสียงแข็งและไม่คิดจะสนทนาอะไรอีก
เขากลับหันไปหาพวกกิลด์ที่คุยง่ายมากกว่า เพียงแค่บอกว่าจะไปล่าอีกเพื่ออาวุธเพิ่ม เพราะอาวุธแบบนี้ราคาขายจะแพงมากมันเป็นเทคโนโลยีต่างโลกที่สามารถเอาไปวิจัยได้ บริษัทต่าง ๆ จะแย่งกันซื้อจากพวกเขา
แล้วใครบ้างที่ไม่อยากได้เงิน
ลุคมองดูพวกคนของกิลด์ต่าง ๆ ที่พยายามเข้าไปพูดคุยกับกิลด์ดาบกางเขนเพื่อออกล่ากันในวันพรุ่งนี้
ส่วนทหารนั้นพากันสีหน้าเคร่งขรึม สถานะพวกเขาต่างกันความคิดจึงต่างกัน ทหารมองภารกิจสำคัญสุด แต่กิลด์มองการล่าสำคัญสุด แม้ว่าอีคอนอยากจะให้กุสตาฟออกคำสั่งหยุดพวกเขาในการล่าชนเผ่าพื้นเมืองชั่วคราวก่อน แต่ก็รู้ว่ากุสตาฟคงไม่เข้าไปยุ่งแน่ เนื่องจากมันไม่ได้ส่งผลต่อภารกิจมาก
แต่ถ้ารอจนกว่าจะส่งผลคงสายไปซะแล้ว...
...
ตกกลางคืน
หลังจากทหารติดตั้งอาวุธหนักรอบ ๆ ที่พักกันหมดแล้วพวกเขาทุกคนก็เริ่มแยกกันไปพักผ่อน แม้การนอนบนที่โล่งจะค่อนข้างอันตราย แต่มันก็ไม่ได้มากหรือน้อยไปกว่าการนอนใต้ต้นไม้ใหญ่
ลุคเลือกจะเข้าไปอยู่อีกฝั่งที่มีพวกทหารขวางระหว่างคนจากกิลด์ดาบกางเขนไว้ เพราะเขาไม่อยากจะโดนลอบโจมตีตอนกลางคืน
‘พวกเขาไม่ลดความระวังลงเลย’ ลุคขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองดูพวกทหาร
อีคอนและระดับ B อีกสองถึงกลับต้องสลับกันเฝ้าเวรกันเอง ซึ่งผิดปกติมาก ตามปกติแล้วระดับ B จะเข้าไปพักกันในเต็นท์ของตัวเองและนอนกันหมด ปล่อยให้ทหารระดับ C เฝ้ายามแทน
ลุคเดินเข้าไปหาอีคอนที่กำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟ โดยมีทหารคนอื่น ๆ ยืนคุ้มกันและหันหลังให้อยู่รอบ ๆ พอเห็นลุคเดินเข้ามาอีคอนก็อนุญาตให้เขาเข้ามาได้
ทหารยามปล่อยให้ลุคเข้าไป
“คุณคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ เหรอ บางทีชนเผ่าพื้นเมืองอาจจะไม่แข็งแกร่งมากก็ได้”
“แค่ระวังไว้ นายคิดไหมว่าทำไมพวกนั้นคล้ายคนและลิงผสมกัน” อีคอนพูดขึ้นมา
ลุคเข้าใจพวกนั้นที่หมายถึงคือชนเผ่าพื้นเมือง
“นี่คือโลกยุคโบราณ หรือว่ามันจะเป็นโลกที่วิวัฒนาการคล้ายกับโลกของมนุษย์” ลุคกล่าวสิ่งที่คิดออกมา “เคยได้ยินพวกนักวิทยาศาสตร์บอกว่ามนุษย์นั้นวิวัฒนาการมาจากลิง”
อีคอนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว “นั้นยังไม่มีข้อสรุปว่ามาจากลิงหรือไม่ หรืออาจจะแค่คล้ายกันก็เท่านั้น แต่ว่ายุคแรก ๆ มนุษย์ก็แบ่งออกเป็นสองพวกที่มีหน้าตาคล้ายลิงจริง คือพวกที่ตัวใหญ่และมีพละกำลังสูงกับพวกที่ร่างกายอ่อนแอกว่าแต่ฉลาด”
“แต่ไม่ว่าอย่างไหนช่วงแรก ๆ ก็คล้ายกับลิงไม่มีหางกันทั้งนั้น” ลุคกล่าวเสียงล้อเลียน
อีคอนหน้าตึงเล็กน้อย
ลุคจึงยิ้มออกมาและฟังอย่างตั้งใจต่อ
“นอกจากเครื่องประดับคนอื่น ๆ ไม่ทันสังเกตเรื่องความต่างของศพชนพื้นเมือง เจ้าตัวที่ใช้อาวุธกระดูกที่แปลงพลังธาตุได้นั้นร่างกายมันตัวเล็กกว่าตัวอื่น ๆ ส่วนที่เหลือดูแข็งแกร่งกว่าจริง”
“คุณจะบอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าในโลกยุคโบราณนี้พวกมันอาจจะเป็นโลกที่คล้ายกับโลกของมนุษย์ในยุคโบราณ”
“หรือก็คือโลกนี่อาจจะวิวัฒนาการมาคล้าย ๆ กับโลกของเขา แต่ต่างกันที่โลกใบนี้เต็มไปด้วยพลังงานต่างมิติทำให้มันต่างออกไปเล็กน้อย ตรงที่แข็งแกร่งกว่า” อีคอนพูดเสริม
“ตัวเล็กใช่อาวุธธาตุได้ แต่ตัวใหญ่ไม่ใช้ทำไมถึงมีความต่างกันตรงนี้ในเมื่อพวกมันน่าจะมีพลังงานต่างมิติในร่างเหมือนกัน” ลุคถามความสงสัย
“ชนชั้น” อีคอนหยิบชาที่วางอยู่ข้างโต๊ะปิกนิกขึ้นมาดื่ม
ลุคทำหน้าสงสัยในทันที แต่แล้วพอคิด ๆ ใบหน้าเขาก็อึ้งไปเล็กน้อย “นี่ถ้ามีการแบ่งถึงชนชั้นกันแล้วก็หมายถึงชนเผ่าพวกเขาไม่ใช่แค่การรวมกันแบบมั่ว ๆ แน่เหมือนยุคหินเก่าที่รวมกันแค่ล่าสัตว์เพื่อความอยู่รอดเฉย ๆ ไม่มีคนปกครอง แต่ถ้ามีชนชั้น พวกเขาน่าจะอยู่กันแบบชุมชนมีผู้ปกครอง ทหารและชนชั้นอื่น ๆ อีก”
“ใช่ ฉันก็คิดแบบเดียวกัน นายควรจะระวังไว้ให้มาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นรีบกลับไปที่ฐานประตู” อีคอนกล่าว
ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันอีก แต่ลุคได้ข้อมูลทำให้เขานอนไม่หลับมาแล้ว ลุคออกไปอยู่มุมเงียบ ๆ และไม่คิดจะหลับทั้งคืน
กลางคืนที่ท้องฟ้ามืดมิดมาเยือน อยู่ ๆ ก็มีบางสิ่งเคลื่อนไหวจากรอบแนวป่าและพากันมองแสงไฟที่ส่องอยู่กลางทุ่งกว้างด้วยแววตาอาฆาต ก่อนจะพากันกระโดดลงจากต้นไม้และวิ่งทะยานไปบนทุ่งหญ้าด้วยขาทั้งสองข้าง
มือถือหอกและคันธนูกระดูก นับรวมกันแล้วมีไม่ต่ำกว่าหลักพัน