1096 - มีคนทำลายบรรยากาศ
1096 - มีคนทำลายบรรยากาศ
จื่อเทียนตูตายแล้ว!
ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่กวาดไปทั่วหนานหลิง หลายคนตกตะลึงและยากที่จะทำใจยอมรับได้
ในยุคนี้เผ่าพันธุ์โบราณมากมายปรากฏตัวออกมาจากต้นกำเนิดสวรรค์ พลังของพวกมันแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังได้รับความกดดันจนหายใจไม่ทั่วท้อง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องเผชิญกับศัตรูที่ทรงพลังเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ และตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่มียอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์คนใดเอาชนะเหล่าทายาทของสิ่งมีชีวิตโบราณได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทายาทผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาเทพถูกร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณสังหารทิ้งอย่างโหดร้าย
ความตายของจื่อเทียนตูเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคือยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง
หลังจากฆ่าจื่อเทียนตูแล้วเย่ฟ่านไม่ได้จากไปที่ไหน เขากำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของเมืองจูเชวี่ยพร้อมทั้งสนทนากับเหล่าไข่มุกแห่งหนานหลิงด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามทันทีที่เย่ฟ่านหันกลับมามองเฉินหยวน หลิวอวิ๋นเจี๋ย และเซี่ยจื่อหยวนน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“ในฐานะผู้นำของหนานหลิง เจ้าควรมีความซื่อสัตย์ต่อบรรพชนของตัวเอง พวกเขาคือผู้ปกครองที่แท้จริงของดินแดนนี้ แต่พวกเจ้ากลับเลือกที่จะก้มหัวให้กับเผ่าพันธุ์อื่น พวกเจ้าควรมีความละอายบ้าง”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของหลายคนก็ไหม้เกรียมทันที
พวกเขาประสานมือและถอยออกไปช้าๆ อีกฝ่ายไม่คิดจะสังหารพวกเขาตั้งแต่แรก ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก และหายตัวไปจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว
เสียงกู่ฉินในตอนแรกเหมือนหยดน้ำพุใส จากนั้นค่อยๆ รุนแรงขึ้น และค่อยๆ ดังขึ้น มันคล้ายกับเสียงเกือกม้าหลายหมื่นตัวเหยียบย่ำพื้น กลิ่นอายฆ่าฟันที่รุนแรงก้องไปทั้งสวรรค์พิภพ
หลังจากเล่นเพลงจบลงอู๋เฟยหนึ่งในสี่เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนานหลิงก็ถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า
“คุณชายคิดว่าข้ากำลังประจบสอพลอเผ่าพันธุ์โบราณหรือไม่?”
“ไม่แน่นอน ข้ารู้จักผู้คนอยู่บ้าง จากเสียงดนตรีของคุณหนูนั้นเต็มไปด้วยความสูงส่งและมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เจ้าจะยอมสยบต่อผู้คนได้อย่างไร”
หลี่เทียนยิ้มและก้าวไปข้างหน้าเพื่อแนะนำตัวเอง
เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่แห่งหนานหลิงขับเคลื่อนโลกด้วยความงาม พวกนางทุกคนล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในตงหวงอย่างเย่ฟ่านก็ยังเคยได้ยินชื่อเสียงของพวกนางมาบ้าง
“พวกเจ้ายังอยู่ที่นี่เพื่ออะไร? เจ้าไม่กลัวศัตรูจะหลั่งไหลมาฆ่าพวกเจ้าหรือ?” อู๋เฟยถาม
“นั่นตรงกับความต้องการของข้าพอดี!”
เย่ฟ่านยืนอยู่ในศาลาและสายตาของเขาก็ทอดมองออกไปในระยะไกล
เย่ฟ่านดูเหมือนจะได้เห็นหวังเถิง ฮั่วอวิ๋นเฟย หยวนกู่ และผู้คนจากศาลสวรรค์มาถึงแล้ว
“เจ้าจะรอให้พวกเขามาถึงหรือเปล่า” เอี๋ยนอี้ซีถามอย่างลับๆ
“แน่นอนว่าเราไม่สามารถรอพวกเขาให้มาฆ่าเราได้ สิ่งที่เราต้องทำก็คือชิงฆ่าพวกเขาก่อน!” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ลมค่อยๆพัดมา และดอกไม้สีสันสดใสเริ่มเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว
“เราได้สร้างความขัดแย้งกับราชาโบราณแล้ว ในไม่ช้าเต่าชราตัวนั้นจะมาตามล่าข้าในหนานหลิงอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
…
อสูรตัวใหญ่เดินเข้ามาในสวนแห่งนี้อย่างนอบน้อม เขาโค้งคำนับต่อเย่ฟ่านและแนะนำตัวเองว่าเป็นทายาทแห่งอสูรโบราณผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
ในวันนั้นมีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสวนเพื่อแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่าน ในขณะนี้สถานะเย่ฟ่านไม่ใช่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์อีกต่อไป เขากลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไปแล้ว
อู๋เฟยหนึ่งในสี่เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้รับเชิญให้เล่นดนตรีในงานเลี้ยงแห่งนี้ด้วย นางคือหญิงงามเลื่องชื่อแห่งหนานหลิงการดำรงอยู่ของนางทำให้งานเลี้ยงเต็มไปด้วยสีสันสดใส
สำหรับเฉินหยวน หลิวอวิ๋นเจี๋ย คงหลิงฮั่ว เซี่ยจื่อหยวนและคนอื่นๆ พวกเขาก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน อย่างไรก็ตามต่อให้พวกเขามีความกล้ากว่านี้สิบเท่าพวกเขาก็ไม่คิดจะเหยียบเท้าเข้ามาในสวนแม้แต่ก้าวเดียว
ผู้ที่สามารถนั่งที่นี่ล้วนแต่เป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนานหลิง ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเป็นมหาอำนาจเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้แข็งแกร่ง
เวลาผ่านไปนับสิบปีสถานะของเย่ฟ่านแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าในอดีตเขาไม่คู่ควรที่จะนั่งร่วมกันกับอสูรผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนานหลิง ในเวลานี้ผู้คนมากมายทำได้เพียงเฝ้ามองเขาจากระยะไกลเท่านั้น
“ในช่วงเวลาที่เราทุกคนได้รับความกดดันอย่างหนักจากเผ่าพันธุ์โบราณ เป็นโชคดีจริงๆ ที่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณผงาดขึ้นมาทันเวลา แม้ว่าเราจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้มากนัก แต่ข้าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชีวิตเขาไว้ให้ได้”
“ใช่แล้ว ทุกครั้งที่โลกเข้าสู่กลียุคครั้งใหญ่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจะปรากฏขึ้นเสมอ เขาคือความหวังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ต่อให้ต้องตายข้าก็จะปกป้องเขา!”
เหล่ายอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์มนุษย์และอสูรเริ่มปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ก่อนหน้านี้แรงกดดันที่มาจากเผ่าพันธุ์โบราณทำให้พวกเขาหวาดผวาอย่างถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านปรากฏตัวขึ้นทันเวลา ความแข็งแกร่งของเขาเพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่านี่คือยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
และด้วยศักยภาพที่ไร้ขีดจํากัดของเย่ฟ่านเมื่อเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะในอีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า ต่อให้สิ่งมีชีวิตโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดตื่นขึ้นมาก็ยากที่จะคุกคามความปลอดภัยของมนุษย์ได้
ในอดีตทุกครั้งที่เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจะมีส่วนร่วมในความวุ่นวายเสมอ
แม้ว่าท้ายที่สุดจะยังไม่มีร้างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคนใดประสบความสำเร็จในการเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะในรอบหลายแสนปีนี้ แต่ผู้คนจำนวนมากยังคงเชื่อว่าหากมีเวลาเพียงพอเย่ฟ่านจะทำได้อย่างแน่นอน
เย่ฟ่านดื่มสุรากับทุกคนอย่างเงียบๆ และย้อนนึกไปถึงเลือดของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณต้าเฉิง(ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่)ที่ไหลอาบภูเขาอมตะ
แม้ว่าเขาจะตายมานานหลายแสนปีแล้ว แต่เลือดของเขายังคงเป็นสีแดงสดอยู่เสมอ สิ่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพลังชีวิตของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนั้นทรงพลังมากเพียงใด
ความโหดร้ายแบบนั้น ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวแบบนั้น การต่อสู้แบบนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณผู้แข็งแกร่งจนเกือบจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะถูกฝังไว้ในภูเขาอมตะตั้งแต่นั้น
สงครามโบราณเป็นเรื่องน่าเศร้าและน่าตกใจมาก ตามตำนานเล่าขานว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณผู้นั้นถูกจักรพรรดิอู่ซือ(ปราศจากจุดเริ่มต้น)ผู้ยิ่งใหญ่ฆ่าตาย
แต่เย่ฟ่านคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคือผู้ยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยคุณธรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์
มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อได้ว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะลดตัวลงมาสังหารผู้ที่มีฐานการบ่มเพาะต่ำกว่า ในโลกนี้ไม่มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ยางอายขนาดนั้นอย่างแน่นอน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง เขาอยากย้อนกลับไปสำรวจภูเขาอมตะอีกครั้ง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างซับซ้อนอย่างยิ่ง นั่นก็เพราะดินแดนต้องห้ามแห่งชีวิตทั้งเจ็ดแห่งล้วนเป็นสถานที่ชุมนุมของเผ่าพันธุ์โบราณ
การจะบุกเข้าไปข้างในย่อมไม่ต่างอะไรจากการเปิดสงครามกับเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดในโลก
แน่นอนว่าเย่ฟ่านไม่ได้มีความหวาดกลัวต่อทายาทของเผ่าพันธุ์โบราณคนใด อย่างไรก็ตามการต่อสู้กับราชาโบราณที่เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะนั้นเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างแท้จริง ซึ่งเขาจะไม่มีวันทำเรื่องนี้
“นี่เป็นโลกอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อราชาโบราณทั้งหมดตื่นขึ้นมาจะมีที่ว่างให้มนุษย์และอสูรอาศัยอยู่หรือไม่?” บางคนไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้
ในปัจจุบันการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์และอสูรก็แทบจะไม่แตกต่างจากน้ำกับไฟแล้ว
หากสอดแทรกเผ่าพันธุ์โบราณที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอมตะมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในโลกเล็กๆใบนี้มันจะไม่เพียงพอให้ทุกข์เผ่าพันธุ์อาศัยอยู่อย่างแน่นอน
แม้กระทั่งยุคอดีตที่เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อสูรมีสิ่งมีชีวิตอมตะอาศัยอยู่ก็ยังยากที่จะช่วงชิงความได้เปรียบในการทำสงครามกับสิ่งมีชีวิตโบราณได้
มีเพียงยุคที่จักรพรรดิสุริยันถือกำเนิดขึ้นมาเท่านั้นมนุษย์จึงมีที่ยืนในโลกใบนี้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนล้วนตายไปแล้ว ผู้นำของเผ่าพันธุ์มนุษย์และอสูรได้แต่ระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตและถอนหายใจด้วยความเศร้าโศกเท่านั้น
อู๋เฟยหนึ่งในสี่เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนานหลิงเล่นกู่ฉินอย่างช้าๆ ดนตรีของนางเศร้าสร้อยชวนให้นึกถึงเซียนโบราณผู้แข็งแกร่ง
สุราผ่านไปหลายรอบจนกระทั่งสุดท้ายเย่ฟ่านก็ยืนขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณทุกท่านที่มางานเลี้ยงในวันนี้ น่าเสียดายที่มีใครบางคนขัดอารมณ์ทำให้ข้าไม่สามารถดื่มต่อไปได้” เย่ฟ่านประสานมือแสดงความเคารพไปรอบทิศทางเพื่อขอโทษทุกคน
“ทำไมน้องเย่จึงกล่าวเช่นนั้น?” เหล่าผู้อาวุโสของมนุษย์และเผ่าพันธุ์อสูรที่มีอายุหลายพันปีกล่าวด้วยความสงสัย
“มีคนมาทำลายบรรยากาศ!”เย่ฟ่านกล่าว
“ใคร?” เอี๋ยนอี้ซีก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
“ด้วยความเร็วระดับนี้จะเป็นอะไรไปได้หากไม่ใช่ยอดฝีมือจากศาลสวรรค์”
เย่ฟ่านกล่าวเบาๆและบอกให้หลี่เทียนนำเตาหลอมเซียนออกมา
……