1095 - การต่อสู้ของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
1095 - การต่อสู้ของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
เย่ฟ่านเหยียบจื่อเทียนตูจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ ฉากนี้ทำให้ทุกคนตะลึง ไม่มีใครรู้ว่ามีผู้นำนิกายกี่คนที่มองเห็นเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือรุ่นเยาว์แห่งหนานหลิงที่เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น
ท่าทางที่เปื้อนเลือดและฉากที่น่าหวาดวันนี้จะตราตึงไปในใจของทุกคนตราบนานเท่านาน
เย่ฟ่านไม่ได้ใช้กลอุบายใดๆ เขาไม่ได้โจมตีอีกฝ่ายด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบดขยี้ลงด้วยกำปั้นที่แข็งแกร่งของเขาเพียงอย่างเดียว
อยู่ยงคงกระพันในโลก! คำนี้ดังก้องอยู่ในใจของทุกคน
คำพูดและการกระทำที่เด็ดขาดของเย่ฟ่านทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความดุร้าย ทำลายอุปสรรคทั้งหมดและทำลายทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เฉินหยวน หลิวอวิ๋นเจี๋ย และเซี่ยจื่อหยวน ต่างมีใบหน้าซีดเซียว พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองจากระยะไกลด้วยความหวาดกลัวโดยไม่กล้าขยับตัวด้วยซ้ำ
อู๋เฟยหนึ่งในสี่เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ แม้จะยังมีสีหน้าเรียบเฉยแต่ไข่มุกแห่งหนานหลิงคนอื่นๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น พวกนางหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้านไม่อาจทำใจให้สงบได้
การต่อสู้ครั้งนี้น่ากลัวเหลือเกิน โลกใบเล็กที่ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตอมตะพังทลายลงอย่างราบคาบ เย่ฟ่านเหยียบย่ำองค์ชายผู้สูงศักดิ์แห่งหุบเขาเทพอยู่ใต้ฝ่าเท้าท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คนมากมาย
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจื่อเทียนตูกรีดร้องด้วยความโศกเศร้าร่างกายของเขาแหลกละเอียดไปแล้ว ในขณะนี้ทุกคนพอจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่อาจรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน
“เจ้าคิดว่าชื่อของหุบเขาเทพของข้านั้นไร้สาระจริงๆ หรือ?” จื่อเทียนตูเผาผลาญวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองอย่างรุนแรง
ปัง!
จากนั้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ทะลวงฝ่ามือของเย่ฟ่านขึ้นสู่ท้องฟ้า ในกระบวนการนี้ร่างกายของเย่ฟ่านไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และทำได้เพียงมองจื่อเทียนตูหลบหนีไปต่อหน้า
“พวกเราคือเผ่าพันธุ์วิญญาณที่ไม่มีร่างกายตั้งแต่แรก ร่างกายที่ข้าสวมใส่ในตอนนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่หยิบยืมมาจากคนอื่นเท่านั้น!”
จื่อเทียนตูตะโกนพร้อมทั้งปลดปล่อยปราณสีม่วงให้ผู้เข้าหาเย่ฟ่านอย่างรุนแรง การกระทำนี้คือการทำลายฐานการบ่มเพาะของตัวเองไปพร้อมกับคู่ต่อสู้
เมื่อสิ้นสุดการกระทำนี้พลังของเขาจะตกลงจากขอบเขตผู้สูงสุดกลายเป็นผู้บ่มเพาะอาณาจักรแปลงมังกรเท่านั้น
จื่อเทียนตูขัดเกลาวิญญาณของตัวเองจนอยู่ในสถานะสูงสุดแล้ว ขอเพียงก้าวหน้าไปอีกขั้นวิญญาณของเขาจะกลายเป็นวิญญาณอมตะที่ไม่มีวันแตกดับ!
อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำลายฐานการบ่มเพาะทั้งหมดของตัวเองไปพร้อมเย่ฟ่าน เพราะไม่เช่นนั้นเขาก็จะตายด้วยความคับแค้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“บูม”
เปลือกเนื้อของเย่ฟ่านให้ความรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า มีรอยแตกปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา และมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย แต่ร่างกายของเขายังคงยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง
“ร่างกายที่ทรงพลังเช่นนี้ น่าเสียดายหากทำลายมันทิ้ง หลังจากที่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้าคืนชีพกลับมาข้าจะยึดครองร่างกายนี้เอง” จื่อเทียนตูหัวเราะอย่างโหดร้าย
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาปลดปล่อยแสงสีม่วงเจิดจ้าโดยต้องการจะทำลายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่าน
“ทำลายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ยึดร่างกายของเจ้ามาเป็นของข้า!” เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่งและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็เลื่อนต่ำลงมาด้านล่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ในระยะไกล ทุกคนต่างหวาดกลัว ไม่มีใครคิดว่าจื่อเทียนตูจะมีวิธีการชั่วร้ายแบบนี้ สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์โบราณล้วนแปลกประหลาดอย่างยิ่ง พวกเขาแตกต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง
“ไปตายซะและมอบร่างกายอันทรงพลังนี้ให้ข้า”
จื่อเทียนตูตะโกนด้วยใบหน้าที่ดุร้าย ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นแสงที่ลุกโชนเพื่อทำให้หน้าผากของเย่ฟ่านเปิดออก
“ปัง”
แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านได้ทะลวงออกจากหน้าผาก ชายร่างเล็กกระแทกกำปั้นสีทองขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
“หากเจ้าต้องการสู้ด้วยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง!”
“เจ้าหลบหนีจากพันธนาการแห่งวิญญาณของข้าได้อย่างไร?”
จื่อเทียนตูตะโกน เมื่อถึงตอนนี้เขาก็เกิดความหวาดกลัวอย่างไม่สิ้นสุดแล้ว
“ข้าจะบอกความลับบางอย่างให้เจ้าฟัง ในความเป็นจริงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้ายังแข็งแกร่งมากกว่าร่างกายด้วยซ้ำ”
ด้วยเก้าญาณวิเศษลึกลับที่เพิ่มพลังให้กับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ถึงสิบเท่า แสงสีทองสาดส่องออกมาจากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่าน
พันธนาการ การคุมขัง และแรงกดดันทั้งหมดถูกทำลายลงอย่างเด็ดขาด
ปัง!
กำปั้นสีทองสดใสพุ่งกระแทกเข้าหาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจื่อเทียนตูโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามต่อต้านแม้แต่น้อย
“อา…”
จื่อเทียนตูกรีดร้องอย่างสิ้นหวัง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งของเขาถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
“ไม่!”
จื่อเทียนตูเสียใจอย่างสุดซึ้ง ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าเย่ฟ่านปรากฏตัวขึ้นที่หนานหลิงเขาจึงมุ่งหน้ามาที่นี่โดยหวังว่าจะเป็นคนแรกที่ตัดศีรษะของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณได้
การสังหารร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนั้นมีจะส่งผลให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไม่แพ้หยวนกู่อย่างแน่นอน เพราะร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนั้นได้ชื่อว่าเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์
อย่างไรก็ตามร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนั้นแข็งแกร่งเกินไป ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งไม่แตกต่างจากอาวุธวิเศษ แม้แต่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขายังไม่มีผู้ใดเทียบได้
“ข้าไม่อยากตาย บรรพชนผู้ยิ่งใหญ่โปรดมอบพลังให้ข้าสังหารศัตรูคนนี้!” จื่อเทียนคำรามอย่างไม่เต็มใจ
ในขณะนั้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็มีอักขระโบราณมากมายนับไม่ถ้วนไหลเวียนไปทั่ว อักขระเหล่านี้ปลดปล่อยแสงแห่งความเป็นอมตะออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
“กลิ่นอายของราชาโบราณ!”
เย่ฟ่านสัมผัสถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว จื่อเทียนตูเป็นผู้สืบทอดหุบเขาเทพ บางทีเขาอาจมีวิธีการหยิบยืมพลังจากบรรพชนโบราณได้จริงๆ
“บูม”
เย่ฟ่านไม่รอช้าเขาใช้หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดทุบทำลายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจื่อเทียนตูแหลกละเอียดเป็นผุยผงโดยไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามกระตุ้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวให้ปรากฏออกมาได้
“ใครกันที่ฆ่าลูกหลานของข้า!”
ทันใดนั้นอักขระโบราณนับร้อยนับพันตัวที่หลุดกระเด็นออกจากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจื่อเทียนตูก็ก่อตัวเป็นใบหน้าของมนุษย์สีม่วงขนาดใหญ่บนท้องฟ้า
“ข้าเอง!”
เย่ฟ่านมีท่าทีเฉยเมยโดยไม่ได้มีความหวาดกลัวต่อบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาเทพแม้แต่น้อย
“โอม”
เสียงศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธะของเขาดังก้องไปทั่วสวรรค์พิภพ คลื่นเสียงอันน่าสะพรึงกลัวท่วมท้นฟ้าและดิน เผาไหม้ทุกอย่างให้กลายเป็นจุลภายใต้แรงสั่นสะเทือนที่กวาดออกไปรอบทิศทาง
เย่ฟ่านดำเนินการอย่างเด็ดขาด เขาไม่เปิดโอกาสให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งมีชีวิตอมตะตัวนี้มีโอกาสแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้
หลังจากตะโกนออกมาด้วยเสียงศักดิ์สิทธิ์แล้วมือของเขาก็ประสานอินอย่างรวดเร็วพร้อมกับเรียกอักขระโบราณทั้งสิบแปดตัวให้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
อักขระเหล่านี้เก้าตัวคืออักขระโบราณที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เต๋า และอีกเก้าตัวก็คืออักขระโบราณของคัมภีร์สุริยัน พวกมันหมุนวนอยู่รอบตัวเขาและพร้อมที่จะปะทะกับใบหน้าสีม่วงโดยไม่มีความหวั่นเกรงแต่อย่างใด
ในเวลาเดียวกันหลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซีก็เริ่มกระตุ้นหม้อหลอมเซียนของพวกเขาโดยไม่มีความลังเล แท่นบูชาโบราณปรากฏออกมาข้างนอกพร้อมกับเสียงสวดมนต์ลึกลับที่ดังก้องไปทั่วเมืองจูเชวี่ย
บูม!
บูม!
อักขระโบราณและแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกยิงออกมาจากแท่นบูชาของเตาหลอมเซียนปะทะกับเสียงคำรามของราชาโบราณที่อยู่บนท้องฟ้าทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เย่ฟ่าน หลี่เทียน เอี๋ยนอี้ซี แข็งแกร่ง เด็ดขาด และกล้าหาญ พวกเขากระตุ้นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองพร้อมทั้งอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วให้ทำลายใบหน้าสีม่วงขนาดใหญ่บนท้องฟ้าอย่างเด็ดขาด
ไม่ว่าบรรพชนโบราณแห่งหุบเขาเทพจะโกรธเกรี้ยวมากเพียงใดแต่ใบหน้าที่ไม่ใช่ร่างจริงของเขาย่อมไม่อาจต้านทานการโจมตีของทั้งสามคนได้
สุดท้ายเขาได้แต่จ้องมองเย่ฟ่านด้วยความโกรธแค้นก่อนที่ใบหน้าของเขาจะจางหายไปในความว่างเปล่า
…