บทที่ 64 น้ำพุศักดิ์สิทธิ์วิวัฒนาการ
วันที่ 9 เดือนสิงหาคม
เมื่อวานนี้ ซืออวี๋ไม่ได้แตะต้องอาหารเสริมใหม่เลย แต่เขากลับใช้ถั่วเซียนและอาหารเสริมอื่นที่เหลืออยู่แทน เพิ่มทักษะการหลับลึกของอีเลฟเว่นให้เข้าสู่ขั้นช่ำชอง
นับตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็เหลือเพียงแค่รากทารกโสมหนึ่งเส้น
“หากข้าเลี้ยงทารกโสมเอง บ่มเพาะมัน และสอนทักษะฟื้นฟูแขนขาที่ขาดให้แก่มัน ข้าจะสามารถสร้างบัคและมีอาหารเสริมฟรีกินทุกวันเลยใช่ไหม?”
ซืออวี๋พึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นนอนในตอนเช้าเพราะความฝันที่เขาตกหลุมรักกับทารกโสม
ทำไมตัวเอกในหนังถึงฝันถึงเจ้าหญิงเงือก ในขณะที่เขาฝันถึงการไล่ตามอาหารเสริมล่ะ?
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามีศักยภาพที่จะเป็นตัวเอก… แม้ว่าเมื่อเทียบกับตัวเอกแล้ว เขาจะใช้ชีวิตเหมือนกับตัวโกงก็ตาม
“ลืมไปเถอะ”
ในไม่ช้า ซืออวี๋ก็ส่ายหัวของเขา ลืมทารกโสมป่าไปได้เลย การกินมันจะเป็นเรื่องแปลกมากหลังจากที่ทำให้มันเป็นสัตว์อสูรของเขา
หลังจากลุกจากเตียงและอาบน้ำ ซืออวี๋ก็วางแผนที่จะเพิ่มทักษะการทวีคูณของอีเลฟเว่นให้เข้าสู่ขั้นช่ำชองในวันนี้
ด้วยวิธีนี้ เขาอาจจะสามารถสัมผัสกับเตียงอสูรกินเหล็กในตอนกลางคืนได้
นี่คือการประสานงานที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
มันเป็นเพียงสัตว์อสูรตัวเดียวที่มีทักษะการทวีคูณในตอนนี้ ในอนาคต เมื่อเขามีสัตว์อสูรมากขึ้น เขาจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
ในลานบ้าน ภายใต้ต้นพลับ
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองกินอาหารเช้าอันแสนอบอุ่น ซืออวี๋ก็กำลังจะเพิ่มแต้ม แต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดจังหวะเขา
…
“ใครกัน?”
ในตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาจัดส่งของสำหรับศูนย์ฝึกศิลาไผ่ ซืออวี๋ยังคงสงสัยว่าใครมาหาเขากัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อบุคคลที่อยู่นอกบ้านตอบกลับ ซืออวี๋ก็ตกตะลึงในทันที
เขารีบวิ่งไปเปิดประตูและพบชายวัยกลางคนในชุดสีเทา
“ประธานเฟิง?”
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ข้าพักได้แค่สองวัน อย่าบอกข้านะว่าจะให้ข้าไปสำรวจซากปรักหักพัง?”
ซืออวี๋จี้จุดเขา
ประธานเฟิงยิ้มและกล่าวว่า “นี่จะเป็นไปได้ยังไงกัน?”
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าต้องมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับทรัพยากรบ่มเพาะ!” ซืออวี๋เข้าใจในทันที
เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงได้ตัดสินใจที่จะใช้ทรัพยากรจำนวนหนึ่งเพื่อเลี้ยงดูนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัด
เป็นไปได้ไหมว่าจำนวนทรัพยากรจะถูกตัดสินแล้ว?
“ใช่และไม่ มีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น”
…
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ในห้อง ซืออวี๋ได้รินชาให้แก่ประธานเฟิง
“ประธานเฟิง สิ่งสำคัญที่เจ้ากำลังจะกล่าวคือเรื่องอะไร?”
ประธานเฟิงหัวเราะเบาๆ “มันเกี่ยวกับซากปรักหักพังในครั้งนี้เช่นกัน”
เขาดื่มชาทีหนึ่งและชมเชยมัน
“รสชาติดีมาก”
ซืออวี๋ :“…”
แน่นอนสิ!
ซืออวี๋ค่อนข้างภูมิใจ
“ข้าขอเริ่มด้วยการบอกเกี่ยวกับกฎหมายของประเทศเรา”
“ตามกฎหมายมรดกของประเทศเรา หากซากปรักหักพังปรากฏขึ้นในเขตผิงเฉิง เราก็มีสิทธิ์ที่จะสำรวจมันก่อน”
หลังจากที่ประธานเฟิงกล่าวเสร็จ ซืออวี๋ก็พยักหน้า
“แต่ก็แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น หากเราไม่สามารถถอดรหัสซากปรักหักพังและได้รับสิทธิ์ในการควบคุมซากปรักหักพัง อำนาจในการสำรวจและพัฒนานี้จะค่อยๆ เปิดกว้างให้แก่เขตอื่นและแผ่ขยายไปเรื่อยๆ”
“ตัวอย่างเช่น หากเขตผิงเฉิงไม่สามารถถอดรหัสซากปรักหักพังได้ภายในหนึ่งเดือน เขตอื่นในเมืองทุ่งน้ำแข็งก็จะสามารถเข้ามาและสำรวจร่วมกันได้”
ประธานเฟิงถอนหายใจ
“เจ้าก็รู้ถึงความยากของซากปรักหักพังนี้ เพียงแค่ด่านที่ห้าก็อาจทำให้เราติดอยู่ที่นั้นเป็นเวลานานแล้ว นับประสาอะไรกับด่านที่หกซึ่งเราไม่มีข้อมูล”
“ด้วยความคืบหน้าในปัจจุบันของเรา สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรอื่นในเมืองทุ่งน้ำแข็งไม่คิดว่าเขตผิงเฉิงของเราจะสามารถถอดรหัสซากปรักหักพังอิสระนี้ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงได้เริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว”
“พวกเขาจะเตรียมตัวสำหรับการท้าทายซากปรักหักพังในเขตผิงเฉิงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า…”
แม้ว่าประธานเฟิงจะรำคาญมาก เขาก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
เขามั่นใจในตัวซืออวี๋มาก แต่ก็เห็นได้ชัดการที่ซืออวี๋จะถอดรหัสซากปรักหักพังได้ภายในหนึ่งเดือนนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป
การผ่านด่านที่ห้าในหนึ่งเดือนก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว!
ในขณะนั้นเอง หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของประธานเฟิง ซืออวี๋ก็ตกตะลึง
เจ้ากำลังดูแคลนใครกัน? ซืออวี๋พึมพำในใจของเขา เจ้าสามารถเลือที่จะไม่เชื่ออสูรกินเหล็ก แต่เจ้าต้องเชื่อในอาหารเสริมกล่องนั้น!
ในอีกหนึ่งเดือน ซากปรักหักพังจะหายไป!
แน่นอน นี่เป็นเรื่องหยิ่งผยองเกินไป ซืออวี๋กลัวว่าจะถูกประธานเฟิงทุบตี ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าต่อไป
“หลังจากที่เจ้าจากไปเมื่อวานนี้ ข้าได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับซากปรักหักพังด่านที่สี่และด่านที่ห้าแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานการณ์ในด่านที่สี่และด่านที่ห้าทำให้ประธานคนอื่นตกตะลึง”
“พวกเขาทุกคนคิดว่าการที่นักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดจะผ่านไปได้นั้นเป็นเรื่องยากเกินไป”
“อย่างไรก็ตาม แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องยาก แต่เราต้องพิชิตมันให้ได้ ดังนั้นเมืองทุ่งน้ำแข็งจึงได้ตัดสินใจที่จะเปิดใช้งานน้ำพุศักดิ์สิทธิ์”
“น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ นั่นคืออะไรเหรอ?”
ประธานเฟิงกล่าวว่า “นั่นคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับสัตว์อสูรระดับปลุกตื่นในเมืองทุ่งน้ำแข็งของเรา มันเป็นทรัพยากรประจำพื้นที่ สัตว์อสูรจะสามารถเกิดใหม่ได้หลังจากแช่ในพลังของน้ำพุศักดิ์สิทธิ์”
“ให้ข้ายกตัวอย่างให้เจ้าเข้าใจ สัตว์อสูรแบ่งออกเป็นระดับการเติบโตและระดับเผ่าพันธุ์ อย่างหลังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ”
“ยิ่งระดับเผ่าพันธุ์สูงมากเพียงใด ศักยภาพก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ? ทำไมมันถึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าภายใต้ระดับการเติบโตเดียวกันล่ะ?”
“เหตุผลก็คือทักษะเผ่าพันธุ์ นั่นเป็นเพราะระดับพลังชีวิตของสัตว์อสูรตัวนั้นสูงกว่า สิ่งที่แสดงชัดเจนที่สุดของระดับพลังชีวิตก็คือร่างกายที่แข็งแกร่งและพละกำลังที่มหาศาล”
“ระดับการเติบโตเท่ากันและทักษะเหมือนกัน… แต่สัตว์อสูรของเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติอาจเหนื่อยล้าหลังจากมันใช้ทักษะสิบครั้ง ในขณะที่สัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการสามารถใช้ทักษะได้ถึงสิบห้าครั้ง นี่คือข้อได้เปรียบ!”
“น้ำแร่ในน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จะไม่เพิ่มระดับการเติบโตของสัตว์อสูร แต่มันจะพัฒนาร่างกายของสัตว์อสูร กระตุ้นศักยภาพของสัตว์อสูร และแม้กระทั่งเพิ่มระดับพลังชีวิตของสัตว์อสูรได้”
“มันเป็นทรัพยากรหายากที่สามารถเพิ่มระดับเผ่าพันธุ์ของสัตว์อสูรได้ซึ่งเป็นศักยภาพในการวิวัฒนาการของสัตว์อสูรเช่นกัน ตัวอย่างเช่น อสูรกินเหล็กของเจ้าอาจเหนื่อยล้าหลังจากใช้ฝ่ามือวายฟ้ายสิบครั้ง แต่หลังจากแช่น้ำแร่ในครั้งนี้ ขีดจำกัดสูงสุดพละกำลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล การใช้ฝ่ามือสายฟ้ามากกว่าสิบครั้งไม่ใช่ปัญหาเลย”
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจถึงคุณค่าของมันแล้วใช่ไหม? กล่าวโดยย่อก็คือเจ้าสามาถรมองว่าโอกาสนี้เป็นสุดยอดการฝึกฝนเพื่อท้าทายด่านที่สี่และด่านที่ห้าของซากปรักหักพัง”
“แน่นอนว่าน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลดีที่สุดต่อสัตว์อสูรในระดับปลุกตื่นเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน ยิ่งระดับเผ่าพันธุ์ต่ำมากเพียงใด ผลก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น มีแม้กระทั่งสัตว์อสูรบางตัวที่วิวัฒนาการโดยตรงหลังจากแช่ในน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าน้ำพุศักดิ์สิทธิ์วิวัฒนาการ มันสามารถเพิ่มโอกาสวิวัฒนาการได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
หลังจากที่ประธานเฟิงกล่าวจบ ซืออวี๋ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
เขาขาดอะไร
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของอีเลฟเว่นก็คือมันมีทักษะที่ทรงพลังมากเกินไป และพละกำลังของมันไม่เพียงพอที่จะใช้พวกมัน
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน
การแช่ในน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นี้จะเพิ่มขีดจำกัดสูงสุดของอีเลฟเว่นใช่ไหม?
จากนั้นการสำรวจซากปรักหักพังก็จะเสถียรมากยิ่งขึ้น
สำหรับการวิวัฒนาการ… อีเลฟเว่นที่แช่ในน้ำแร่จะทำให้มันวิวัฒนาการได้… เขาไม่เชื่อเรื่องนี้เลย
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”
“เพื่อเตรียมตัวกับด่านที่สี่และด่านที่ห้าสำหรับนักฝึกสัตว์อสูรล่วงหน้า สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรสี่เขตในใจกลางเมืองและห้าเขตชานเมืองต่างก็มีหนึ่งโควต้าสำหรับการแนะนำนักฝึกสัตว์อสูร”
“สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงตั้งใจที่จะแนะนำเจ้า ท้ายที่สุด เจ้าสามารถกล่าวได้ว่าเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตผิงเฉิงในปัจจุบัน”
“ไม่ต้องกังวล นอกจากโควต้านี้แล้ว สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงจะไม่ลืมเกี่ยวกับทรัพยากรบ่มเพาะอื่น”
ซืออวี๋รู้สึกว่าสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงใจดีมาก พวกเขาไม่เพียงแค่ปล่อยให้เขายืมเงินเพื่อซื้อสัตว์อสูรในตอนแรกเท่านั้น แต่พวกเขายังให้ทรัพยากรมากมายแก่เขาด้วยเช่นกัน!
เขายิ้มออกมา แต่ในไม่ช้า รอยยิ้มของเขาก็หายไปเพราะคำกล่าวต่อมาของประธานเฟิง
“อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูของน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ในเมืองทุ่งน้ำแข็งนั้นช้ามาก และไม่สามารถใช้ได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงมีเพียงสัตว์อสูรตัวเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ในแต่ละครั้ง และผลจดีที่สุดหากไปสัตว์อสูรไปแช่น้ำแร่เป็นตัวแรก ดังนั้นจึงเกิดการแข่งขันขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าต้องเตรียมตัว”
อะไรกัน มีคู่แข่งแม้กระทั่งในการแช่น้ำพุร้อนเหรอ?
สายตาของซืออวี๋ค่อยๆ เฉียบคมมากขึ้น
หากพวกเขาทุกคนอยู่ในระดับฝึกหัด เขารู้สึกว่าเขาควรจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้ทุกคนใช่ไหม?
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน