บทที่ 592: พวกเขาหายไปในอากาศ
“เด็กที่พวกเจ้ากำลังตามหานั้นอยู่กับหัวหน้าเผ่าของเรา…”
หยินซื่อบอกพวกเขาถึงที่อยู่ของหลงหลิงเอ๋อกับหยินชาง รวมถึงสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดให้กับอีกฝ่าย
แล้วสีหน้าของเด็กชายทั้ง 4 ก็เปลี่ยนไป
“ท่านพ่อกับท่านแม่ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
“ท่านแม่ยอมใช้ตัวเองเพื่อแลกตัวกับทั้ง 2 คนด้วย!”
หลงจงสะบัดหางจิ้งจอกลงพื้นด้วยความโกรธ “ให้ตายเถอะ งั้นเราต้องเป็นฝ่ายออกโรงกันเองแล้ว”
หลงอวี้รีบห้ามน้องชายไว้พร้อมทำหน้าเคร่งขรึม “ใจเย็น ๆ ถ้าเราทำอะไรบุ่มบ่าม มันจะกลายเป็นว่าเราไปสร้างปัญหาให้กับท่านพ่อท่านแม่เพิ่มเสียมากกว่า”
ถึงแม้ว่าหลงจงจะหงุดหงิด แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่ควรหุนหันพลันแล่นในเวลาแบบนี้
“นั่นอะไรน่ะ?” เสียงของหลงเหยาทำให้พวกเขากลับมามีสติอีกครั้ง
หลงจงหันหน้าไปมองและพบว่ามีชามอยู่ข้างศพของภูตเผ่าไป๋ผีเหล่านั้น
มันเป็นของที่พวกมันแย่งชิงมาจากหยินซื่อเมื่อกี้นี้
ต่อมา หลงจงเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นจนกระทั่งเขาเห็นสิ่งที่อยู่ในชาม
“เจ้าไปเอาน้ำแข็งพวกนี้มาจากไหน ข้าจำได้ว่าท่านตาหลินไม่ได้บอกวิธีทำเจ้าสิ่งนี้กับภูตเผ่าไป๋ผี” เด็กชายถามเสียงเข้ม
เขาพูดขณะที่กำลังจะหยิบน้ำแข็งที่อยู่ในนั้นขึ้นมา
เมื่อหยินซื่อเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปแล้วรีบตะโกนห้ามหลงจงเสียงดัง
“หยุดนะ! อย่าแตะต้องของในชาม! อยู่ให้ห่างจากมัน!”
เสียงนั้นทำให้เด็กชายหยุดเคลื่อนไหวก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียงอย่างสงสัย “ทำไมถึงแตะต้องไม่ได้?”
หลงอวี้ก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับของในชาม เขาจึงดึงน้องชายคนที่ 3 ออกมาให้ห่างจากมัน
ทางด้านหลงเซียวจ้องไปที่หยินซื่อและถามเสียงเย็นชาว่า “เกิดอะไรขึ้น ชามนั้นมีอะไร?”
ใบหน้าของฝ่ายที่ถูกถามซีดลง ในขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าเขากำลังกลัวอะไรกันแน่
จากนั้นเขาก็มองไปทางอื่นก่อนจะเค้นเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“เจ้าไม่สามารถแตะต้องชามนั้นได้ เพราะ...”
...
“หลิงเอ๋อ เจ้าไปหลบอยู่ข้างหลังพ่อสักพักหนึ่งนะ อย่าเข้ามาใกล้ที่นี่...”
หูเจียวเจียวอาศัยความมืดยามค่ำคืนเพื่อลูบไหล่ของหลงหลิงเอ๋อเป็นการปลอบประโลม
แม่จิ้งจอกกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของลูกสาวในระดับเสียงที่มีเพียงพวกเธอ 2 คนเท่านั้นที่ได้ยิน
หลงหลิงเอ๋อเป็นเด็กฉลาดมาก เมื่อนางได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว นางก็หันศีรษะไปมองผู้เป็นแม่อีกครั้งก่อนที่จะเดินตรงไปหาพ่อมังกรให้เร็วที่สุด
ปรากฏว่าทุกย่างก้าวที่ 2 แม่ลูกเดินผ่านกันกลับช้าลงประหนึ่งว่านาฬิกากำลังไหลช้าเรื่อย ๆ
ช่วงเวลาระหว่างนั้นมันดูนานชั่วกัปชั่วกัลป์
ทางด้านจิ้งจอกสาวจงใจก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ในขณะที่เธอคำนวณเวลาไว้ในใจเพื่อรอให้หลงหลิงเอ๋อไปหลบอยู่ข้างหลังหลงโม่ ก่อนที่เธอจะเดินไปข้างหน้าตามลำพัง
แน่นอนว่าหยินซางก็เอาแต่จดจ่อกับภาพตรงหน้า เขาเห็นว่าหูเจียวเจียวจงใจเดินเข้ามาแบบไม่เร่งรีบ
แต่พอชายหนุ่มคิดว่านางเป็นแม่ของหลงหลิงเอ๋อจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูก เขาจึงไม่ได้พูดเร่งเร้าอีกฝ่าย
ทันทีที่หญิงสาวเข้ามาใกล้ เขาก็สั่งให้ลูกน้องเข้าไปจับกุมนาง
ขณะนั้นหูเจียวเจียวไม่ได้แสดงท่าทางขัดขืน แล้วปล่อยให้ศัตรูคว้าจับแขนเธอเอาไว้
เมื่อเธอเห็นว่าหลงหลิงเอ๋อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังสามีหนุ่มแล้ว ดวงตาของเธอก็วาวโรจน์
ถัดมา เธอหันศีรษะไปมองหยินชางที่ถูกหัวหน้าเผ่าไป๋ผีแยกตัวออกไปอีกด้าน จากนั้นเธอก็ยกเท้าขึ้นหมายจะก้าวไปหาเด็กหนุ่ม แต่เธอกลับถูกภูตเผ่าไป๋ผีรั้งเอาไว้
“อย่าขยับ!” ภูตที่ควบคุมตัวเธอพูดเตือนเสียงเข้ม
หูเจียวเจียวเหลือบมองหยินซางด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะพูดว่า
“หยินชางเป็นเด็กที่ข้าเฝ้าเลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างยากลำบาก ทำไมกับอีแค่ข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ เขาถึงทำไม่ได้ล่ะ?”
ทางด้านหยินซางที่วาดฝันเอาไว้ว่าตัวเองจะมีลูกเป็นหมอผีกับหูเจียวเจียวเหยียดยิ้มออกมา
“ได้สิ” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจ้องมองไปที่ลูกน้องของตน “เจ้าอย่าไปขวางนางอีก”
จากนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาก็พาหญิงสาวไปยืนฝั่งเดียวกับเด็กหนุ่ม
หยินซางรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยินชางกับหูเจียวเจียวไม่ได้ตื้นเขินอย่างที่คนอื่นคิดกัน
หลังจากผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไตร่ตรองให้ดีว่าในอนาคตจิ้งจอกสาวจะมาเป็นคู่ของเขา หากพวกเขาทั้ง 2 สามารถรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้ได้ เด็กนั่นก็จะเชื่อฟังเขามากขึ้น
ไม่ว่าจะทางไหนมันก็เป็นประโยชน์สำหรับเขาทั้งนั้น
ตอนนี้เขาต้องปล่อยให้ทั้งคู่ได้ยืนด้วยกันไปก่อน
ขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวยังคงทำสีหน้าเย็นชาโดยที่เธอไม่ได้หันไปมองหยินซางเลยสักนิด
ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นตัวประกันของเขา การที่นางจะทำปฏิกิริยาดังกล่าวจึงเป็นเรื่องปกติ
ถ้านางยิ้มหน้าระรื่นให้เขาทันที นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องผิดปกติ
ในไม่ช้า หูเจียวเจียวก็ขยับไปยืนอยู่ข้างหยินชาง เนื่องจากภายนอกเธอเป็นเพียงผู้หญิงที่ดูเหมือนอ่อนแอ พวกภูตเผ่าไป๋ผีจึงไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอไว้ แต่ก็มีคนคอยจับตาดูเธอแบบใกล้ชิด
สำหรับหยินชาง เขาเคยทำร้ายอีกฝ่ายมาก่อน ดังนั้นมือและเท้าของเขาจึงถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
พอจิ้งจอกสาวต้องการอยู่ข้าง ๆ เขา เหล่าภูตเผ่าไป๋ผีก็ไม่ได้ขัดขวางเธอ แต่ก็ยังมีคนคอยจับจ้องพวกเขาทั้ง 2 จากด้านหลังอยู่ตลอดเวลา
ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงและเด็กคนนี้จะหายตัวไปเฉย ๆ ได้อยู่ดี
ต่อมา หูเจียวเจียวยืนเอียงไปทางด้านหลังลูกชายบุญธรรมโดยที่ร่างเธอซ้อนทับเขาครึ่งหนึ่ง
จากนั้นหญิงสาวก็ยกมือขึ้นกอดไหล่ของเขาเบา ๆ
ในขณะที่หยินชางกำลังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหูเจียวเจียว เธอก็ปิดตาอีกคนพร้อมกับเพ่งสมาธิ
วินาทีนั้นดวงตาของเด็กหนุ่มมืดบอด และเสียงรอบข้างก็หายไปอย่างกะทันหัน มันเงียบสงบประหนึ่งว่าพวกเขาได้เข้ามาอยู่ในหุบเขาลึก
นี่เขา... ประสาทหลอนไปเองใช่ไหม?
ทั้งที่เมื่อกี้เขายังอยู่ในเผ่าอยู่เลย อีกทั้งยังมีคนรอบตัวอยู่ตั้งมากมาย มันเป็นไปไม่ได้ที่บรรยากาศโดยรอบจะเงียบสงัดได้ขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น!
เขาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของภูตเผ่าไป๋ผีเลย!
ตามปกติเด็กหนุ่มจะรับรู้ได้ถึงคนที่มีสายเลือดเดียวกันทันทีที่เข้าไปใกล้คนพวกนั้น
เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่อยู่ในเผ่าแล้วจริง ๆ?
ถ้าไม่ได้อยู่ในเผ่า แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนล่ะ?
ความสงสัยและการคาดเดามากมายผุดขึ้นมาในหัวของหยินชางชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะหลุดออกจากห้วงความคิดในวินาทีถัดไป
นั่นเป็นเพราะเสียงอ่อนโยนของหูเจียวเจียวดังอยู่ข้างหูของเขา
“ไม่ต้องกลัว เจ้าหลับตาแล้วอยู่นิ่ง ๆ ก่อนนะ อีกไม่นานเราก็จะปลอดภัยแล้ว”
หยินชางที่ตัวเกร็งก่อนหน้านี้ผ่อนคลายตัวเองลงตามที่แม่จิ้งจอกบอก
พอหญิงสาวเห็นว่าเด็กหนุ่มเชื่อฟังคำพูดของตน เธอก็เอามือลง เม้มริมฝีปากแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อมองชั้นวางที่เรียงเป็นแถวที่คุ้นเคยตรงหน้า
อีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกัน
หยินซางยืนอยู่แถวหน้าขณะมองหลงโม่ด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ไอ้ภูตมังกรไร้ประโยชน์ พาลูกของเจ้าออกไปซะ ถ้าหลังจากนี้ข้ามีอะไร ข้าจะให้คนไปเรียกเจ้าเอง”
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันและรังสีอาฆาตที่กดลงมาบนบ่า
ขณะนั้นดวงตาสีทองคู่โตของมังกรหนุ่มเหมือนกำลังทิ่มแทงเขาราวกับดาบที่คมกริบ
ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผีรู้สึกตกใจจนขนทั่วร่างกายลุกชัน เขาเห็นท่าทางข่มขู่ของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาและตะโกนด้วยความไม่พอใจ
“รีบไสหัวไปเร็วเข้า! ตอนนี้คู่ของเจ้าอยู่ในมือข้าแล้ว หากเจ้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับนางก็จงเชื่อฟังที่ข้าพูดซะ!”
“ทะ-ท่านหัวหน้า...”
ก่อนที่หยินซางจะทันได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงสั่นเทาดังขึ้นมาจากด้านหลังเขา
“ไปแล้ว พวกเขา...หายไปแล้ว ท่านหัวหน้า…”
“ชิ! อะไรหายไป?” ชายหนุ่มหันไปถามลูกน้องอย่างฉุนเฉียวและกำลังจะอ้าปากด่าพวกเขาก่อนจะเห็นว่าตรงที่หูเจียวเจียวกับหยินชางเคยยืนอยู่มันว่างเปล่า
ภาพที่ปรากฏทำให้เขายืนตัวแข็งทื่ออยู่ชั่วครู่
“แล้ว 2 คนนั้นล่ะ!? พวกเขาหายไปไหน!?” หยินซางเบิกตากว้าง เขาหันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ แต่ยังคงไม่เห็นร่างของทั้ง 2
มันเหมือนกับว่าตรงนั้นไม่เคยมีใครยืนอยู่เลย
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเห็นว่าผู้หญิงกับเด็กยืนอยู่ข้างหลังของเขาด้วยตาตัวเองไม่ใช่หรือ!?
“เจ้าเอาคนของข้าไปไว้ที่ไหน ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน แล้วหยินชางล่ะ!?”
คนเป็นหัวหน้าเผ่าไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขารีบคว้าคอของลูกน้องคนหนึ่งมาตะคอกถามเสียงดัง
ลูกน้องคนนั้นก็ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก ในขณะที่เขารีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ท่านหัวหน้า พวกเราไม่รู้เหมือนกัน ทั้ง 2 คน... จู่ ๆ ก็หายไป...”
หากเหล่าภูตไม่ได้เห็นมันกับตา พวกเขาคงคิดว่าตัวเองถูกผีหลอก
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: โอ้วววว ไม่คิดเลยว่าแม่จะใช้วิธีนี้ งงเป็นไก่ตาแตกกันหมด