ตอนที่ 560 โลงศพน้ำแข็ง
ตอนที่ 560 โลงศพน้ำแข็ง
“ไปลงนรกพร้อมกับฉันซะเถอะ!!” มู่ฉิวโป๋ตะโกนเสียงดังขณะที่เขาคว้าข้อเท้าของเซี่ยเฟยและลากร่างของชายหนุ่มเข้าไปในประตูมิติที่ปั่นป่วนพร้อมกับเขาด้วย
เซี่ยเฟยพยายามเก็บคองอเข่าประคองตัวเองเอาไว้ภายใต้การป้องกันของชุดเกราะโลหะเหลว ก่อนที่ร่างของเขาจะปะทะเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเมื่อเขาได้ผ่านไปอีกด้านของประตูมิติ
ชุดเกราะโลหะเหลวมีพลังป้องกันที่สูงมาก มันจึงทำให้ร่างของชายหนุ่มเจาะเข้าไปภายในภูเขาน้ำแข็งราวกับลูกกระสุน แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกมึน ๆ เพียงแค่เล็กน้อย
ภูเขาน้ำแข็งแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากและบนยอดเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวหนาเป็นชั้น ๆ และแรงสั่นสะเทือนจากการที่ร่างของเขาได้ชนเข้ากับภูเขาในครั้งนี้ มันก็ทำให้มีหิมะถล่มไปในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตร
ดวงตาของมู่ฉิวโป๋เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อตระหนักว่าตัวเองได้มาปรากฏตัวในสถานที่แปลก ๆ แบบนี้ โดยในปัจจุบันทั่วทุกมุมในสายตาต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยหิมะขาว ส่วนบริเวณปลายขอบฟ้าก็มีสายรุ้งพัดผ่านเป็นทางยาว
ตูม!
ภูเขาหิมะที่อยู่ด้านหลังมู่ฉิวโป๋เริ่มพังทลายลงมาอย่างรุนแรง และมันก็มีหิมะปริมาณมหาศาลถล่มลงไปเข้าใส่ประตูมิติ
“แย่แล้ว!”
มู่ฉิวโป๋รีบกระโดดออกไปด้วยความเร็วสูงขณะที่หิมะถล่มได้ไล่ตามหลังเขามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หิมะปริมาณมหาศาลจะบดขยี้ประตูมิติลงในพริบตา
ชั้นหิมะที่ถล่มลงมามีน้ำหนักมากกว่า 10,000 ตัน ดังนั้นไม่ว่าประตูมิติจะแข็งแรงสักแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถหยุดการพังทลายภายใต้น้ำหนักปริมาณมหาศาลเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตามมู่ฉิวโป๋ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเรื่องนี้มากนัก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเดินทางผ่านประตูมิติได้ แต่เขาก็ยังเหลือเข็มทิศมิติเอาไว้ใช้เดินทางออกไปจากดินแดนอันแปลกประหลาดแห่งนี้
เหตุการณ์หิมะถล่มอันรุนแรงกินเวลายาวนานกว่าครึ่งชั่วโมง และเมื่อภัยพิบัติได้จบลงทั่วทุกที่ก็เต็มไปด้วยชั้นหิมะหนา ๆ
มู่ฉิวโป๋สำรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะมันไม่มีร่องรอยของมู่ฟู่ผิงอยู่ในบริเวณนี้เลย ท้ายที่สุดหลานสาวของเขาก็ไม่ได้มีวิชาการต่อสู้ที่โดดเด่นมากนัก มันจึงไม่มีทางที่เธอจะวิ่งหนีไปในระยะเวลาอันสั้นได้
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ และเขาก็สามารถตระหนักได้ในทันทีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นฝีมือของเซี่ยเฟย
ในระหว่างที่มู่ฉิวโป๋กำลังสำรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบอยู่นั้น ร่างของเซี่ยเฟยก็ถูกฝังอยู่ใต้หิมะลึกลงไปกว่า 100 เมตร แต่ในปัจจุบันมู่ฉิวโป๋เริ่มเคลียร์หิมะทางด้านบนแล้ว ซึ่งถ้าหากว่าเขายังไม่ทำอะไรเขาก็คงจะถูกอีกฝ่ายค้นพบในไม่ช้าก็เร็ว
“เขาเริ่มหาตัวนายแล้ว พวกเราจะทำยังไงกันดี?” อันธถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นหิมะหนา แต่ประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเขาก็กำลังบอกเอาไว้ว่ามู่ฉิวโป๋น่าจะสามารถค้นหาตัวเขาพบได้ภายในเวลาประมาณ 5 นาที
ยิ่งไปกว่านั้นชายชราคนนี้ยังมีพลังอยู่ในระดับราชากฎ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหลบหนีไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับมู่ฉิวโป๋โดยตรง
รูปร่างของชุดเกราะโลหะเหลวเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง กลายเป็นใบมีดแหลมคมคล้ายกรงเล็บห่อหุ้มแขนทั้งสองข้างของเซี่ยเฟยเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มขุดชั้นน้ำแข็งลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหนีมู่ฉิวโป๋ที่กำลังพยายามตามหาเขาจากทางด้านบน
หากทั้งสองฝ่ายต้องพบเจอกันมันย่อมเกิดการต่อสู้ขึ้นมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งการต่อสู้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่ามู่ฉิวโป๋จะเคลียร์หิมะด้านบนออกไปได้ หรือเซี่ยเฟยจะสามารถขุดหิมะด้านล่างจนหลบหนีออกไปได้ก่อนกัน
หลังจากใช้พลังงานไปสักพักชายชราก็ได้หยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ออกมาจากแหวนมิติจำนวน 2 อัน เพราะท้ายที่สุดการพยายามเคลียร์หิมะหลาย ๆ ตันออกไปพร้อม ๆ กันก็จำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล เขาจึงจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลเหล่านี้ในการเติมพลังงานให้กับตัวเอง
ขณะเดียวกันผู้ที่มีพลังสายความเร็วไม่เพียงแต่จะสามารถใช้เท้าได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่มือของพวกเขาก็สามารถที่จะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย การเหวี่ยงแขนขุดหิมะของเซี่ยเฟยจึงเกิดขึ้นหลายร้อยครั้งในเวลา 1 วินาที ซึ่งมันก็เป็นความเร็วที่คนธรรมดาไม่สามารถจะติดตามการเคลื่อนไหวของแขนทั้งสองข้างของเขาได้
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเซี่ยเฟยก็เคลื่อนที่ผ่านใต้ภูเขา และทิ้งระยะห่างจากมู่ฉิวโป๋ไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจขุดขึ้นไปบนพื้นดิน เพราะการใช้กำลังวิ่งย่อมดีกว่าใช้กำลังแขนทั้งสองข้าง
“คิดจะหนีฉันงั้นเหรอ?!”
น่าเสียดายที่จู่ ๆ ร่างของมู่ฉิวโป๋ก็มาปรากฏขึ้นด้านหลังของเขาอย่างกะทันหัน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบเซี่ยเฟยก็ทิ้งระยะห่างเขาออกไปหลายสิบกิโลเมตรแล้ว
ชุดเกราะโลหะเหลวได้สร้างหนามแหลมขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าของเขา ซึ่งมันก็ช่วยให้เซี่ยเฟยสามารถเคลื่อนไหวบนพื้นน้ำแข็งได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนกับการเคลื่อนไหวบนพื้นดินปกติ และไม่ว่าพื้นที่ไหนที่เขาวิ่งผ่านไปมันก็จะมีเศษหิมะกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับว่ามันได้เกิดหิมะตกเทียม
มู่ฉิวโป๋ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
ในคราวนี้ร่างของเขาได้หายตัวไปปรากฏตัวใกล้ ๆ กับเซี่ยเฟยอีกครั้ง โดยเขาได้คำนวณเส้นทางการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยเอาไว้แล้ว ร่างของเขาจึงได้มาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเพื่อขัดขวางเส้นทางการหลบหนีของชายหนุ่มเอาไว้
คลื่นสมุทร!
มู่ฉิวโป๋เหยียดแขนออกไปด้านหน้า ก่อนที่คลื่นพลังมิติปริมาณมหาศาลจะถาโถมออกไปราวกับเกลียวคลื่น ซึ่งคลื่นมิติเหล่านี้ก็ได้พัดพาหิมะระหว่างทางถาโถมเข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว
เล่ห์กายา!
เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวร่างกายราวกับนักสเก็ตมืออาชีพ หักเลี้ยวทำมุม 90 องศาเพื่อหลบการโจมตีของมู่ฉิวโป๋ออกไปทางด้านข้าง
เมื่อเวลาผ่านไปมู่ฉิวโป๋ก็ยังคงพยายามจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยไปเรื่อย ๆ ขณะที่ชายหนุ่มก็พยายามใช้ความเร็วและวิชาเล่ห์กายาในการหลบหลีกไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็พยายามค้นหาวิธีที่จะหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
วิชามิติขั้นสูง คลื่นพฤกษาปิดล้อม!
มู่ฉิวโป๋กัดฟันรวมพลังเกือบทั้งหมดเพื่อใช้วิชาปิดล้อมที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาได้เรียนรู้มาในชีวิต
ทันใดนั้นกำแพงมิติทรงกลมขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาล้อมรอบเซี่ยเฟยเอาไว้ โดยมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ถึง 100 กิโลเมตร
เกือบจะในเวลาเดียวกันคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ภายในมือของชายชราก็ถูกดูดพลังทั้งหมดออกไป จนกลายเป็นเพียงแค่คริสตัลใส ๆ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าการใช้วิชาปิดล้อมขนาดใหญ่เช่นนี้จำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล
เมื่อมู่ฉิวโป๋ได้เห็นว่าคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 สูญเสียพลังงานทั้งหมดไปแล้ว เขาก็ตัดสินใจนำคริสตัลสีเขียวมรกตออกมาถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และคริสตัลนี้ก็ไม่ใช่คริสตัลอื่นใดเลยนอกเสียจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ที่มีพลังงานถูกอัดแน่นอยู่ภายในราวกับห้วงมหาสมุทร
มิติหดตัว!
ชายชราเริ่มบีบขอบเขตของมิติปิดล้อมเข้ามาอย่างแรง ซึ่งถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ เขาก็จะถูกกำแพงมิติบดขยี้จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แววตาของมู่ฉิวโป๋เต็มไปด้วยความดุร้าย ขณะที่คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ภายในมือของเขาก็สูญเสียความแวววาวไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็คงจะไม่มีใครได้รู้ว่าพลังงานที่เขาได้ใช้ออกไปในขณะนี้มีปริมาณมหาศาลมากแค่ไหน
กฎแห่งความโกลาหล!
เมื่อเผชิญหน้ากับสภาวะวิกฤต เซี่ยเฟยก็ได้รวมพลังของกฎแห่งความโกลาหลไปไว้ในแขนขวาของเขา
“แหลกไปซะ!!”
ชายหนุ่มส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เขาจะใช้กำปั้นที่เต็มไปด้วยพลังของกฎแห่งความโกลาหลชกเข้าใส่กำแพงมิติ
กำแพงมิติอันแข็งแกร่งเริ่มเกิดรอยร้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กำแพงมิติอันทรงพลังนี้จะถูกเจาะทำลายลงไปในที่สุด
ตูม!
เมื่อร่างของเซี่ยเฟยหลุดออกมาจากกำแพงมิติได้สำเร็จ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นของเลือดที่คละคลุ้งอยู่ภายในปากของเขา
ใบหน้าของมู่ฉิวโป๋ก็กำลังเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียดเช่นเดียวกัน เพราะพลังงานภายในร่างกายของเขากำลังจะหมดลงแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อเขาได้พยายามฝืนใช้วิชาขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง
เซี่ยเฟยหยิบคริสตัลระดับ 4 ออกมาเพื่อพยายามฟื้นฟูพลังงานอย่างรวดเร็ว จากนั้นเท้าทั้งสองข้างของเขาก็เริ่มขยับอีกครั้งโดยพยายามไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย
เหตุการณ์นี้เริ่มทำให้มู่ฉิวโป๋ทำอะไรไม่ถูก เพราะพลังงานภายในร่างของเขายังไม่ฟื้นตัว มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามใช้วิชาต่อสู้ เพราะในขณะนี้แม้แต่วิชาเทเลพอร์ตง่าย ๆ เขาก็ไม่สามารถที่จะใช้การได้
ในที่สุดเมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางเข้ามาใกล้สายรุ้ง เขาก็ได้พบว่าแท้ที่จริงสายรุ้งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการหักเหของแสงที่กระทบกับละอองน้ำ แต่มันเป็นแท่งน้ำแข็งสูงตระหง่าน ซึ่งแท่งน้ำแข็งแต่ละแท่งมีความสูงหลายสิบกิโลเมตร และพวกมันก็มีสีสันที่แตกต่างกันจนทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่ามันคือสายรุ้ง
‘นี่มันอะไรกันเนี่ย?’ เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัยภายในใจ
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายกับว่าร่างกายของเขากำลังจมเข้าไปในก้อนแป้งนุ่ม ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้เคลื่อนที่เข้าไปในกำแพงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงดีดกลับที่รุนแรงเช่นเดียวกัน คล้ายกับว่าร่างกายของเขากำลังกดสปริงเข้าไปอย่างรุนแรง และกำแพงนี้ก็พร้อมที่จะดีดร่างของเขาออกไปจากตำแหน่งเดิม
กฎแห่งความโกลาหล!
เซี่ยเฟยกระจายพลังของกฎแห่งความโกลาหลไปทั่วทั้งร่างกาย จนทำให้แรงดีดพวกนั้นเริ่มเคลื่อนที่ผ่านร่างของเขาไป แล้วทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ผ่านกำแพงล่องหนเข้ามายังด้านในได้อย่างราบรื่น
ในที่สุดชายหนุ่มก็เดินผ่านกำแพงล่องหนมาได้สำเร็จ และภาพที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขานั้นก็เป็นภาพอันแปลกประหลาดที่มีสีสันแปลกตา
ไม่กี่วินาทีต่อมามู่ฉิวโป๋ก็รีบตามเซี่ยเฟยมาจากทางด้านหลัง แต่เขาก็ถูกกำแพงล่องหนขวางทางเอาไว้ จนทำให้ชายชราไม่สามารถกระโดดตัวมาคว้าจับร่างของเซี่ยเฟยเอาไว้ได้
เมื่อเซี่ยเฟยหันหน้ากลับไปเขาก็ได้พบว่ามู่ฉิวโป๋อยู่ห่างจากร่างของเขาไปเพียงแค่ประมาณ 10 เมตร แต่เนื่องมาจากชายชราคนนี้ไม่ได้มีพลังของกฎแห่งความโกลาหล ในที่สุดร่างของมู่ฉิวโป๋จึงได้ถูกกำแพงล่องหนดีดร่างของเขากลับออกไป
พื้นที่ภายในกับภายนอกของกำแพงเหมือนกับถูกขวางด้วยฉนวนกันเสียง เซี่ยเฟยจึงไม่ได้ยินเสียงตะโกนสาปแช่งของชายชรา และเขาก็เห็นเพียงแค่ใบหน้าอันหงุดหงิดของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
มู่ฉิวโป๋พยายามรวบรวมพลังจู่โจมเข้าใส่กำแพงล่องหนอย่างบ้าคลั่ง แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะพยายามโจมตีอย่างไร แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเจาะทะลุกำแพงนี้เข้ามาได้
เมื่อเซี่ยเฟยยืนยันว่าเขาได้เข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็พยายามปรับลมหายใจและพยายามรักษาอาการเจ็บปวดภายในร่างกายของเขา
เมื่อชายชราตระหนักว่าเขาไม่สามารถทำลายกำแพงล่องหนตรงหน้าได้ เขาก็นั่งลงตรงนั้นอย่างหมดหนทาง โดยแสดงท่าทางราวกับว่าสักวันหนึ่งเซี่ยเฟยก็จะต้องออกไปให้เขาจัดการอยู่ดี
นอกจากนี้เมื่อมู่ฉิวโป๋ได้หยิบเข็มทิศมิติออกมาเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเข็มทิศมิติไม่สามารถใช้งานได้และมันก็ทำให้เขาถูกขังเอาไว้ที่นี่โดยสมบูรณ์
เมื่อเซี่ยเฟยเริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกลับมาได้บ้างแล้ว เขาก็เดินเข้าไปภายในแสงสีหลากสีสันก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากวิสัยทัศน์ของมู่ฉิวโป๋ในที่สุด
เซี่ยเฟยรู้สึกราวกับว่าเขากำลังเดินเข้ามาภายในห้องที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง และถึงแม้ว่าเขาจะได้ใช้แว่นตาที่ติดมากับชุดเกราะโลหะเหลวแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถมองทะลุผ่านแสงสีเหล่านี้ออกไปได้
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นชายหนุ่มก็จำเป็นจะต้องหลับตาเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งสิ่งที่เขาต้องรีบทำที่สุดในตอนนี้คือการหาพื้นที่ปลอดภัยเพื่อพักผ่อน
“แสงพวกนี้แปลกมากเลย ทำไมฉันถึงไม่สามารถสัมผัสถึงพลังงานของพวกมันได้ ปกติแสงมันต้องเกิดขึ้นมาจากพลังงานไม่ใช่เหรอ? มันมีแสงที่ไม่มีพลังงานอยู่ด้วยแบบนี้ได้ยังไง?” อันธอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซี่ยเฟยเลือกที่จะไม่สนใจอันธไปก่อน เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นปรากฏการณ์อันแปลกประหลาด แต่ตราบใดก็ตามที่มันไม่ได้ทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย เขาก็ไม่อยากจะเก็บเรื่องนี้กลับมาคิดก่อนที่เขาจะได้ฟื้นฟูร่างกายของตัวเอง
ทันใดนั้นแสงหลากสีก็หายไปก่อนที่ชายหนุ่มจะได้พบว่าร่างของเขาได้มาปรากฏตัวในทุ่งน้ำแข็งโปร่งใส ซึ่งก้อนน้ำแข็งในบริเวณนี้ให้ความรู้สึกที่บริสุทธิ์มาก และไม่ไกลจากเขาก็มีธารน้ำแข็งที่มีโลงศพตั้งอยู่ด้านบน
ตัวโลงศพสร้างขึ้นมาจากน้ำแข็งที่สวยงามเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีแสงสีอันแปลกประหลาดเปล่งประกายออกมาจากโลงศพโลงนั้นด้วย
***************
สมบัติ!! ไหมนะ?