ตอนที่ 1320 เหตุการณ์ก่อนหน้านี้..
หลังจากเครื่องบินขึ้น หลินฟาน ที่นั่งถัดจาก เฉินหลง ก็ผล็อยหลับไป เขาได้นอนหลับสนิท แต่ เฉินหลง เขากลับเป็นกังวลใจ และเขาจะไปหลับตาลงได้ที่ไหน เขาเองตอนนี้กำลังคิดในใจอยู่ว่าจะทําอย่างไรต่อไป จะมานั่งแห้งๆ อยู่อย่างนี้ไม่ได้..
เฉินหลง สมควรแล้วที่เป็นตํารวจสากล เขาได้คิดหาวิธีที่เป็นไปได้ออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นเขาจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจาก แอร์โฮสเตส
เพราะระหว่างที่เครื่องบินบินอยู่นั้น เราไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร หรืออินเทอร์เน็ต ..ก็ใช้งานไม่ได้ คือไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เลย และถึงขั้นขอให้ปิดเครื่องตลอดการเดินทาง และถึงแม้จะได้รับอนุญาตให้เปิดโทรศัพท์มือถือได้ก็ตาม แต่ในระดับความสูงหมื่นเมตรนี้ ก็ไม่มีสัญญาณ และไม่สามารถโทรออก หรือรับสายได้เลย หากพูดตามตรงคือโดยพื้นฐานแล้วเท่ากับว่าคนบนเครื่องบินทั้งหมด ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ..ไปเป็นการชั่วคราวนั้นเอง
มีเพียงเฉพาะกัปตันในห้องนักบินเท่านั้นที่ยังคงสามารถติดต่อกับศูนย์ควบคุมการบินผ่านทางโทรศัพท์ดาวเทียมได้
ดังนั้นในสภาพแวดล้อมที่แยกออกจากโลกภายนอกเช่นนี้ เฉินหลง สามารถเลือกใช้ประโยชน์ได้ ตราบใดที่สิ่งต่างๆ มันยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และเขาก็สามารถมั่นใจได้ว่าขอกำหนดที่กลุ่มคนร้ายเสนอนั้น เขาได้ปฏิบัติตาม และไม่มีข่าว หลุดรั่วไหลออกไป…
ปัจจุบันเขาไม่ทราบว่าบุคคลที่เขากำลังตามหาอยู่นี้เป็นใคร ซึ่งบุคคลที่ว่านี้มันมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ชาย หรือหญิง หรือแม้แต่สีผิวก็ตาม ทั้งเขาก็อาจจะอยู่ในชั้นเฟิร์สคลาสที่เขาเข้าไปไม่ได้ด้วย
ดังนั้นเขาต้องคิดหาวิธี และต้องเป็นวิธีที่สามารถสังเกตทุกคนบนเครื่องบินลำนี้ ..ได้
เฉินหลง จึงแกล้งทำเป็นไปเข้าห้องน้ำ และพบ แอร์โฮสเตส คนนั้น จากนั้นเขาก็ได้แสดงบัตรประจำตัวของเขา
“ผมกําลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่ และผมต้องการขอพบกัปตัน” เฉินหลงได้พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกไป
เมื่อแอร์โฮสเตสเห็นว่าเขาเป็นตำรวจสากล ทั้งจากการยืนยันบัตรประจำตัวแล้ว เธอก็ไม่กล้านิ่งนอนใจ และรีบติดต่อหากัปตันทันที
“เจ้าหน้าที่เฉิน มีอะไรอยากให้ทางเราช่วยครับ?” กัปตัน ได้ถาม เฉินหลง
เฉินหลง กล่าวว่า : “ตอนนี้ อย่างแรก ผมต้องการข้อมูลของผู้โดยสารทุกคนในเที่ยวบินลำนี้ ยิ่งมีรายละเอียดได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี ผมรู้ว่าเที่ยวบินของพวกคุณมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องนี้ อย่างสอง ผมต้องการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ผมต้องการสังเกตพฤติกรรมของผู้โดยสารทุกคนแบบเรียลไทม์”
กัปตัน กล่าวว่า : “ได้ เจ้าหน้าที่เฉิน แต่ทางเราขอให้คุณเปิดเผยภารกิจที่คุณกำลังทำอยู่ ได้ไหม?”
เฉินหลง กล่าวว่า : “ขอโทษ อันนี้ผมคงไม่สะดวกที่จะพูดชั่วคราว ในตอนนี้ และขอบคุณกัปตันที่ให้ความร่วมมือ นอกจากนี้ เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ อย่าเปิดเผยต่อสาธารณะ ผมขอขอบคุณอีกครั้ง”
ต่อจากนั้น เฉินหลง ก็ได้มาถึงห้องควบคุมของเครื่องบิน จากภาพบนหน้าจอ เขาสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ของผู้โดยสารทั้งหมด รวมถึงชั้นประหยัด และชั้นเฟิร์สคลาส
เฉินหลง ได้จ้องมองภาพจากกล้องวงจรปิด และสังเกตเห็นแต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่กําลังนอนหลับอยู่ ในนั้นมี หลินฟาน ที่นั่งด้วยกันกับเขา มองเห็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
เฉินหลง มีเอกสารปึกหนึ่งอยู่ในมือ นี่คือรายชื่อของผู้โดยสารที่กัปตันนำมาให้เขา รายชื่อนี้สามารถตรวจสอบข้อมูลโดยพื้นฐานบางอย่างของผู้โดยสารได้
เฉินหลง ได้ไล่ตรวจสอบทีละคน โดยหวังว่าจะพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากมัน
ขณะที่ เฉินหลง กําลังยุ่งอยู่ แอร์โฮสเตสก็พาชายคนหนึ่งเข้ามา
“สวัสดี ผมเป็นตํารวจอากาศของเที่ยวบินลำนี้” ชายคนนั้นได้แสดงบัตรประจําตัวของเขาให้กับ เฉินหลง ได้ดู
ในเที่ยวบิน เพื่อความปลอดภัย และเพื่อป้องกันสถานการณ์พิเศษ จึงได้มีการวางตำรวจอากาศเอาไว้ประจำเครื่องบิน โดยทางตำรวจอากาศที่เข้ามาประจำเครื่องจะคงอยู่ในรูปเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ซ่อนตัวอยู่บนเครื่องบิน ทั้งโดยทั่วไปจะไม่ปรากฏตัวออกมา ดังนั้นแม้ว่าคุณจะนั่งไปตลอดการเดินทาง คุณเองก็อาจจะไม่ทราบถึงการมีอยู่ของ ตํารวจอากาศ
ตำรวจอากาศจะค่อยแอบสังเกตการณ์อย่างลับๆ หากพบความผิดปกติ จึงจะออกมาจัดการแก้ไขความผิดปกติ หากตรวจพบเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่า เฉินหลง ได้ดึงดูดความสนใจของ ตํารวจอากาศ
ตํารวจอากาศ เลือกที่จะปรากฏตัวโดยสมัครใจ เพื่อทําความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์กับ เฉินหลง
เฉินหลง และตํารวจอากาศ ได้จับมือกัน : “สหายตํารวจอากาศ สวัสดี ผมแซ่เฉิน เป็นตํารวจสากลที่กำลังปฏิบัติภารกิจพิเศษ”
ตํารวจอากาศ ได้ถามว่า : “เจ้าหน้าที่เฉิน มีอะไรที่ต้องการให้ผมช่วยไหม ถ้ามีอะไรก็สั่งมาได้เลย”
เฉินหลง กล่าวว่า : “ผมจําเป็นต้องหาใครบางคนบนเครื่องบิน ตามรายงานของผม คนนี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเครื่องบินลำนี้ และต้องหาให้พบโดยเร็วที่สุด”
เมื่อได้ยิน สีหน้าของ ตํารวจอากาศ ก็ได้เปลี่ยนไป : “เจ้าหน้าที่เฉิน คุณกำลังหมายความว่า เที่ยวบินของเรามีคนร้ายแฝงตัวเข้ามา และต้องการจี้เที่ยวบินนี้?”
เฉินหลง กล่าวว่า : “ในตอนนี้ยังไม่แน่ใจ แต่มันมีความเป็นไปได้ ..แบบนั้น”
ตํารวจอากาศ กล่าวว่า : “ตอนนี้ เจ้าหน้าที่เฉิน มีเบาะแสอะไรบ้าง?”
เฉินหลง กล่าวว่า : “ไม่มี ผมรู้แค่ว่ามีบุคคลหนึ่งอยู่ที่เป็นภัยคุกคาม แต่บุคคลนี้เป็นใครนั้นผมไม่รู้ และแม้แต่กระทั่งเพศของบุคคลนี้ ผมเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ”
พอตํารวจอากาศได้ยินเช่นนี้เขาก็ได้เหงื่อแตกพลั่ก แล้วพูดว่า : “ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่มีเบาะแส หรือเงื่อนงําใดๆ ให้ตาม ได้แต่สุ่มเดาจากผู้คนนับร้อยบนเครื่องบิน แล้วเช่นนี้จะหาตัวอีกฝ่ายเจอ ..ได้อย่างไร?”
เฉินหลง กล่าวว่า : “นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้พวกคุณช่วย ตอนนี้มันมีคนมากเกินไป ผมจ้องมองคนเดียวไม่ได้ อยากขอให้พวกคุณสองคนช่วยผมจ้องมองภาพจากกล้องวงจรปิด ถ้าเกิดเห็นคนที่มีพฤติกรรมผิดปกติ เราจะดำเนินการสอบสวนอย่างเจาะจงเป็นรายบุคคล”
ตํารวจอากาศ กล่าวว่า : “คุณหมายถึง ความผิดปกติอะไร พอยกตัวอย่างได้ไหม?”
เฉินหลง กล่าวว่า : “ช่วงเวลานี้ ผู้โดยสารโดยส่วนใหญ่กําลังนอนหลับอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมปกติ ดังนั้นอันดับแรก.. เราต้องมองสังเกตหาคนที่ยังไม่ได้นอนในเวลานี้ เพื่อตรวจสอบพวกเขาก่อน รวมถึงพฤติกรรมของพวกเขา โดยเฉพาะสีหน้า เพราะบุคคลนี้ต้องมีความพิเศษแตกต่างออกไป ถ้าหากเขาต้องการก่อปัญหาสภาพจิตใจของเขาเองนั้นอาจจะตึงเครียดกว่าคนปกติ เช่น มีอาการวิตกกังวล กระสับกระส่าย รวมถึงอารมณ์อื่นๆ”
เฉินหลง เป็นตํารวจสากลที่มีประสบการณ์จริงๆ และเขามีความเข้าใจในจิตวิทยาของผู้คนเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดความจริง แต่บุคคลที่เขากำลังตามหาอยู่ ไม่ได้พยายามจี้ปล้นเครื่องบิน แต่ตามเบาะแสที่คนร้ายให้มา บุคคลนี้อาจจะไปอังกฤษ เพื่อจุดประสงค์พิเศษ และบุคคลนี้ที่ถูกคนร้ายจับจ้อง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นสภาพจิตใจของบุคคลนี้ ในตอนนี้ก็ต้องมีความตึงเครียดอย่างมาก
ด้วยคําบอกกล่าวของ เฉินหลง แอร์โฮสเตส และตํารวจอากาศก็เริ่มช่วยกันจับตามองภาพจากในกล้องวงจรปิด
วิธีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่ออาศัยช่วงเวลานี้ในการคัดกรองผู้คนที่ยังไม่ได้นอน
ทั้งบุคคลเป้าหมายนี้ก็จะต้องตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดทางจิตใจ และเขาจะนอนไม่หลับ ดังนั้นการใช้วิธีการตรวจสอบจากบุคคลที่ยังไม่ได้นอนจึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุด ในตอนนี้
“พวกคุณช่วยมาดูคนๆ นี้หน่อยคะ!”
หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ จู่ๆ แอร์โฮสเตสก็ได้พูดขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือไปชี้ชายคนหนึ่งจากในภาพวงจรปิด
เฉินหลง และตํารวจอากาศ ต่างก็มองดู
“เขาเป็นอะไร?” ตํารวจอากาศ ถาม
แอร์โฮสเตส พูดว่า : “คนๆ นี้ฉันดูแล้วแปลกๆ ทุกๆ สองสามนาที เขาจะมองไปมารอบๆ ดูสิ เขาเริ่มอีกแล้ว”
ตามที่กล่าว ผู้ชายคนนี้จากภาพในกล้องวงจรปิด เขากําลังชะโงกหน้าออกมาในเวลานี้ ดูเหมือนกำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างไปมารอบๆ ทั้งยังดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย
“เจ้าหน้าที่เฉิน คุณคิดอย่างไร?” ตํารวจอากาศ ถาม
เฉินหลง ขมวดคิ้ว และมองลงไปเพื่อหาดูข้อมูล : “ชายคนนี้ ชื่อ จาง จื้อหลง เขาได้ซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านทางเว็บไซต์เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องบินจะออก ดูเหมือนเขาจะดูเร่งรีบมาก ผมคิดว่าเรื่องนี้ ..เราสามารถไปถามเขาได้”
ตำรวจอากาศ กล่าวว่า : “คือ พาเขามาที่นี่?”
เฉินหลง กล่าวว่า : “ไม่ ผมจะหาสถานที่เงียบๆ เพื่อพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว บนเครื่องบินพอมีสถานที่แบบนี้ไหม?”
แอร์โฮสเตส ตอบว่า : “มีห้องรับรองอยู่ค่ะ”
เฉินหลง กล่าวว่า : “โอเค คุณพาผมไปก่อน สหายตํารวจอากาศ คุณช่วยไปนำพาคนๆ นี้มา อย่างเงียบๆ”
ไม่กี่นาทีต่อมา
ตํารวจอากาศ ได้มาถึงด้านข้างของชายคนนั้น และทําเป็นนั่งยองๆ ลงผูกเชือกรองเท้า จากนั้นเขาก็ได้แสดงบัตรตํารวจของเขาให้กับชายคนนั้นได้เห็น แล้วพูดว่า : “คุณช่วยมากับผมหน่อย”