บทที่ 589: ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์ ข้าก็จะตัดมันทิ้งให้เจ้าเอง! (มีคำเตือน)
**คำเตือน มีเนื้อหาในส่วนของการถูกทำร้ายถึงขั้นอวัยวะฉีกขาด หากผู้อ่านรับไม่ไหว สามารถข้ามเนื้อหาส่วนที่ดอกจันไว้ได้เลยนะคะ**
“หุบปาก!”
หยินชางโกรธมาก เขาเขม็งมองหัวหน้าเผ่าไป๋ผีด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
หยินซางยิ้มเยาะ เขาไม่สนใจท่าทางโกรธของอีกฝ่ายเลยแล้วพูดว่า
“แต่ข้าฉลาด พวกเขาแค่ดูดเลือดของแม่เจ้าไป ไม่มีใครรู้สักคนว่าร่างของนางต่างหากที่เป็นสมบัติที่แท้จริง”
“หลังจากที่พวกเขาเอาเลือดในตัวนางไปจนหมด ร่างของนางก็ถูกทิ้งเอาไว้ในป่า ข้าจึงแอบเอานางไปซ่อนไว้แล้วค่อย ๆ หั่นเนื้อนางออกมาทีละชิ้น บอกได้เลยว่าเนื้อพวกนั้นมันไม่ต่างจากยาชูกำลังเลยแม้แต่น้อย...”
ระหว่างที่ชายหนุ่มพูด สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“แม้แต่กระดูกข้าก็ยังบดเป็นผงผสมน้ำไว้ดื่ม”
“พวกเจ้าดูสิ ข้าใช้ทุกส่วนของร่างภูตอสูรให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือไม่ การทำแบบที่ข้าทำมันดูมีประโยชน์กว่าการทิ้งร่างนั้นให้สัตว์ป่ากินเสียอีก”
ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจและหัวเราะร่า
ถ้าไม่ใช่เพราะศพของภูตอสูรคนนั้น เขาคงไม่มีทางแข็งแกร่งขึ้นในชั่วข้ามคืน แล้วเอาชนะหัวหน้าเผ่าไป๋ผีที่ดำรงตำแหน่งตอนนั้นเพื่อขึ้นไปเป็นคนที่มีอำนาจสูงที่สุดในเผ่าได้
ยิ่งหยินชางได้ฟังว่าแม่ของเขาถูกกระทำแบบไหนแม้ว่าจะตายไปแล้ว เขาก็ผุดลุกขึ้นตะโกนด้วยความโกรธว่า “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ไม่สิ เจ้ามันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานด้วยซ้ำ ไอ้สัตว์นรก!”
แม้นหยินเสวี่ยจะเป็นคนที่บอกให้ภูตในเผ่าไป๋ผีมาฆ่าพ่อแม่ของเขา แต่การกระทำของหยินซางก็น่ารังเกียจพอ ๆ กับภูตคนอื่น!
คนพวกนี้มันน่าสาปแช่งให้ตกนรกชั่วกัปชั่วกัลป์ยิ่งกว่าหยินเสวี่ยเสียอีก
เขาจะต้องฆ่าพวกมันทุกคนเพื่อล้างแค้นให้พ่อแม่ของเขา!
ทางด้านภูตเผ่าไป๋ผีที่อยู่ด้านข้างหยินชางก็รู้สึกมีความสุขไม่ต่างจากผู้เป็นนายของตัวเอง ยามที่พวกเขาเห็นเด็กหนุ่มดิ้นทุรนทุรายเมื่อได้ยินเรื่องแม่ของตน ใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
“ท่านหัวหน้า ท่านพูดถูก มันโชคดีมากที่ท่านได้กินเนื้อภูตอสูร!”
ในขณะนี้ผู้อาวุโสของเผ่าไป๋ผีฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง พอเขานึกถึงความเมตตาที่หยินซางจับหมอผีมารักษาอาการป่วยของตน เขาก็รีบพูดประจบประแจงอย่างรวดเร็ว
“ตั้งแต่ที่นางกล้ามาเหยียบเผ่าไป๋ผีของเรา มันก็ถือว่านางได้ทำผิดกฎของเผ่าเราเรียบร้อยแล้ว นางสมควรตาย— อ๊ากกกกกกกกก!!!”
ชายชราพูดในสิ่งที่ตนเชื่อมั่นว่ามันถูกต้องออกมา แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องร้องลั่น
ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็น หลงหลิงเอ๋อได้หยิบมีดเล่มเล็กออกมาจากย่าม
**********************************************
พอเหล่าภูตหันมามองตามเสียงร้อง พวกเขาก็เห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยกำลังดึงมีดเล่มเล็กออกมาจากตาซ้ายของท่านผู้อาวุโส จากนั้นมีดเล่มสวยก็แทงเข้าไปในตาขวาของเขาต่อ
ฉึก!
คนที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนตกตะลึงอ้าปากค้าง
หมอผีตัวน้อยโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ? นางกล้าแทงผู้อาวุโสเผ่าไป๋ผีจนตาบอด!
แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น…
หลงหลิงเอ๋อดึงมีดออกมาอีกครั้ง แล้วก็ส่งมันเข้าไปในปากชายแก่ ก่อนจะกวนมันอยู่พักนึงจนมีชิ้นเนื้อสีแดงหลุดออกมา
ตามด้วยเส้นเอ็น...
การเคลื่อนไหวทั้งหมดของคนตัวเล็กนั้นพลิ้วไหวดั่งสายน้ำ แม้แต่ตัวหยินซางเองก็ยังตอบสนองไม่ทันด้วยซ้ำ ไม่กี่อึดใจต่อมา คนเป็นผู้อาวุโสก็กลิ้งตัวอยู่กับพื้นพลางร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เสียงร้องของเขาแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์
“เฮอะ! ปากของเจ้าพูดเป็นแต่เรื่องไร้สาระเท่านั้นสินะ ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์ ข้าก็จะตัดมันทิ้งให้เจ้าเอง!!”
หลงหลิงเอ๋อพูดเสียงเย็นก่อนจะถอนต้นหญ้าออกมากำหนึ่ง แล้วเอามันมาเช็ดมีดอันเป็นที่รักของตนด้วยสีหน้ารังเกียจเป็นการตบท้าย
**********************************************
“!!!”
หมอผีคนเมื่อกี้อยู่ที่ไหน? นี่มันปีศาจที่หมายจะคร่าชีวิตผู้คนชัด ๆ!
กลุ่มภูตที่เห็นเหตุการณ์สยดสยองตรงหน้ารีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพราะกลัวว่าพวกเขาจะเป็นคนที่ถูกตัดลิ้นคนต่อไป
โหดฉิบหาย! หมอผีคนนี้น่ากลัวมาก!
นางจะต้องเป็นปีศาจแปลงกายมาแน่ ๆ!
แม้แต่ตัวหยินชางเองก็ยังตกใจ ทว่าไม่นานความรู้สึกโล่งใจก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว
เยี่ยมมาก... อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่าหลิงเอ๋อสามารถปกป้องตัวเองได้
หลังจากที่เด็กหญิงเช็ดมีดให้สะอาดแล้วเก็บกลับไปที่เดิม หยินซางและคนของเขาก็กลับมามีสติ
“เจ้าช่างกล้ามากจริง ๆ! ข้าสั่งให้เจ้าช่วยรักษาเขา แต่เจ้าบังอาจมาทำร้ายผู้อาวุโสของเผ่าเราแบบนี้… พวกเจ้าไปจับตัวนางมาให้ข้า!” เขาคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ข้าจะสั่งสอนนางเอง!”
ในเวลาเดียวกัน ไม่มีร่องรอยความกลัวอยู่บนใบหน้าของหลงหลิงเอ๋อเลยสักนิด
เมื่อนางได้ยินคำพูดของหยินซาง นางก็พูดเยาะเย้ยว่า
“นั่นสินะ เขาเป็นถึงผู้อาวุโสของเผ่าไป๋ผีแท้ ๆ แสดงว่าภูตในเผ่าของเจ้าอ่อนแอมากเลยน่ะสิ!”
“...”
ฝ่ายที่โดนดูถูกกำลังโกรธมาก! เขาโมโหจนอยากจะสับหมอผีจอมอวดดีให้เป็นชิ้น ๆ!
ต่อมา ชายหนุ่มพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดเสียงดังว่า “ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนนังเด็กนี่ให้รู้สำนึก ใครหน้าไหนก็อย่ามาเรียกข้าว่าหยินซาง!!”
ในไม่ช้า คนที่เป็นลูกน้องของหัวหน้าเผ่าไป๋ผีก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าจับตัวเด็กหญิงไว้แน่น
หลงหลิงเอ๋อเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แน่นอนว่านางไม่สามารถสู้แรงของผู้ชายได้ นางต่อสู้ดิ้นรนอยู่ 2-3 ครั้ง พอเห็นว่าตนไม่มีทางหลุดจากมือแข็ง ๆ นี้ไปได้ นางจึงเงยหน้าขึ้นจ้องหยินซางอย่างดื้อรั้น
“แน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าให้ตายสิ ถ้าฆ่าไม่ตาย ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
บัดนี้คนเป็นหัวหน้าเผ่าโกรธจนหน้าแดง เขาเงื้อมือขึ้นเหนือหัวหมายจะเหวี่ยงมันลงบนหน้าของอีกฝ่าย
พอหยินชางเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะถูกทำร้าย เขาก็ยกเท้าขึ้นกระทืบเท้าของคนที่จับตัวเขาเอาไว้
ภูตคนนั้นส่งเสียงร้องแล้วยืนเขย่งกุมเท้าตัวเอง เด็กหนุ่มจึงอาศัยโอกาสนี้วิ่งเอาหัวกระแทกเข้าใส่หยินซางเต็มแรง
ปั้ก!!
หัวหน้าเผ่าที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกหัวแข็ง ๆ ชนเข้าที่ซี่โครงจนกระเด็นออกไปหลายเมตร
“ท่านหัวหน้า!” ภูตที่จับหลงหลิงเอ๋อตกใจจนปล่อยมือจากนางแล้วรีบวิ่งเข้าไปช่วยผู้เป็นนาย
“ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย! เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าแตะต้องเจ้าใช่ไหม…”
หยินซางจับซี่โครงที่ถูกกระแทกเอาไว้พลางมองหยินชางด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
หัวของไอ้เด็กนี่มันทำจากหินหรือไง?
ให้ตายเถอะ! กระดูกของข้าแทบจะหัก 2 ท่อน
ทางด้านหยินชางไม่ได้สนใจที่จะหันไปมองอีกฝ่าย เขาเอาแต่มองสำรวจหลงหลิงเอ๋ออย่างกังวล “หลิงเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรไหม?”
แม้ว่ามือและเท้าของเขาจะถูกมัดเอาไว้ แต่เขาก็ยังพยายามปกป้องคนตัวเล็กไว้ข้างหลังตน
“หยินชาง ข้าไม่เป็นไร” เด็กหญิงส่ายหัว นางรู้สึกเป็นกังวลว่าเขาจะรู้สึกสะเทือนใจหลังจากได้ยินสิ่งที่หัวหน้าเผ่าไป๋ผีพูดเมื่อกี้มากกว่า
เมื่อหยินซางเห็นว่าเด็กทั้ง 2 คนเมินตัวเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีก
“พวกเจ้าคิดว่าภูตมังกรจะมีพลังทำได้ทุกอย่างงั้นรึ? ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ แม้ว่าครั้งนี้เทพอสูรจะมาที่นี่เอง แต่ท่านก็ไม่สามารถช่วยพวกเจ้าได้หรอก!”
“แล้วอีกอย่าง ไม่ใช่แค่พวกเจ้าเท่านั้น แม้แต่คนในเผ่าเยว่หูก็จะตายตามพวกเจ้าไปทั้งหมด!”
หลังจากชายหนุ่มได้เห็นเด็ก 2 คนนี้ตอบโต้ เขาก็ไม่กล้าดูถูกพวกมันอีก
ต่อมา เขาเรียกลูกน้องของตัวเองให้เข้าไปจับอีกฝ่ายไว้ให้แน่น
พอหยินชางกับหลงหลิงเอ๋อถูกศัตรูจับเอาไว้อย่างแน่นหนา ทั้งคู่ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
“เอาชามมา!”
หยินซางออกคำสั่งเสียงดัง และภูตคนหนึ่งก็ยื่นชามหินกับมีดกระดูกคม ๆ ให้เขาทันที
ขณะนั้นชายหนุ่มสูดลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองพลางเดินไปหาหยินชาง
“ข้าจะไม่มีวันโดนหลอกอีก พวกเจ้ากำลังพยายามถ่วงเวลาไว้ใช่ไหม? แม้ว่าตอนนี้บาดแผลของเจ้าจะหายดีแล้ว แต่ข้าจะกรีดเลือดของเจ้าออกมาอีกครั้งเอง”
หัวหน้าเผ่าไป๋ผีพูดจบแล้วก็ยกมีดกระดูกขึ้นมา ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องตรึงแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้ จากนั้นก็แทงมีดลงไปเต็มแรง
“ท่านหัวหน้า! ท่านหัวหน้า!”
ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ เสียงร้อนรนของลูกน้องคนหนึ่งนามว่าหยินซื่อก็ดังมาจากภายนอก
มีดที่กำลังจะแทงหยินชางจึงชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ในขณะที่เขาหันกลับไปมองคนที่ร้องเรียกตนอย่างไม่พอใจ
“มีอะไร เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ายุ่งอยู่?!”
หยินซื่อก้มศีรษะลงต่ำพลางเหลือบมองหลงหลิงเอ๋อกับหยินชางที่ถูกจับกุม แล้วตอบด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ผู้หญิงที่ชื่อหูเจียวเจียวและคู่ของนางมาที่นี่!”
เมื่อหยินซางได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“พวกมันรู้แล้วงั้นหรือว่าเราจับตัวไอ้เด็ก 2 คนนี้มาที่นี่? ทำไมถึงรู้เร็วขนาดนี้วะ”
ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
คนพวกนี้ยังเป็นภูตอยู่หรือเปล่า ทำไมพวกมันถึงหาตัวเด็กได้เร็วมาก?
แถมเผ่าเยว่หูก็ไม่ใช่เผ่าเล็ก ๆ มันกว้างใหญ่ไพศาลมาก แม้ว่าพวกมันจะต้องค้นไปทั่วเผ่าแบบไม่หลับไม่นอนเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน แต่อีกฝ่ายก็ไม่น่าจะเจอตัวเด็กเร็วนัก!
“มีใครเห็นว่าเราจับเด็กพวกนี้มาหรือเปล่า? ข้าสั่งให้พวกเจ้าแอบทำแบบลับ ๆ ไม่ให้ใครสงสัยแล้วไม่ใช่เรอะ?” เขาหันไปถามลูกน้องทั้งหลายเสียงเข้ม
ทางด้านลิ่วล้อคนอื่นของหยินซางเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
“ทะ-ท่านหัวหน้า เราไม่รู้ แต่ตอนที่เราลงมือไม่มีใครเห็นเลยแม้แต่คนเดียว พวกมันไม่น่าหาตัวเด็กเจอเร็วแบบนี้…”