บทที่ 125 - ความแตกต่างระหว่างสองจักรวาลและความลึกลับของชาวไซย่า
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 125 - ความแตกต่างระหว่างสองจักรวาลและความลึกลับของชาวไซย่า
เรนโซ่เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่เขาเห็นผ่านในเอกสาร “ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้ว ยามที่ชาวไซย่าทุกคนยังคงมีหางอยู่ จู่ๆ ก็ได้มีปีศาจตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา มันทำลายความสงบสุขบนดาวเคราะห์ซาดาลา…”
"ปีศาจหรือ?" หลินเฉินขมวดคิ้ว
“ใช่ ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ในเอกสารที่เก่าแก่ที่สุดของซาดาลา เขาถูกเรียกว่าชาวไซย่าปีศาจ!”
เรนโซ่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ในตอนแรก ชาวไซย่าปีศาจคนนี้ก็ดูเหมือนคนอื่นๆ และไม่มีใครรู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดปกติ”
“แต่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ชาวไซย่าผู้รักความสงบก็จะเริ่มมีความรุนแรง กระหายเลือดและก้าวร้าว!”
“เมื่อวิชาของเขาได้แพร่หลายออกไป เหล่าชาวไซย่าจำนวนหนึ่งก็ได้เปลี่ยนไป”
“วิชาของเขาจะเป็นเพียงการจ้องมอง มันเหมือนกับบอลพลังงานแค่ลูกหนึ่ง แต่ถ้าลูกบอลพลังงานนี้ถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าและมันถูกผสมกับออกซิเจน ลูกบอลพลังงานจะกลายเป็นลูกบอลแสงที่สว่างไสว ซึ่งเมื่อชาวไซย่าทุกคนที่เห็นลูกบอลแสงนี้ก็จะกลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว…”
“เจ้าหมายถึงกอริลลาหรือ?” ฮานาเซียขัดจังหวะ
เรนโซ่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว มันคือกอริลลา ดูเหมือนว่าพวกเจ้าก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน”
ฮานาเซียรู้สึกสับสนมาก “แต่การกลายร่างเป็นกอริลลานั่นไม่ใช่ทักษะเฉพาะตัวของชาวไซย่าหรอกหรือ? ตราบใดที่ชาวไซย่าเห็นดวงจันทร์เต็มดวง พวกเขาก็จะ…”
“ดาวเคราะห์ซาดาลาไม่มีดวงจันทร์!” จู่ๆ ไทต์ก็พูดขึ้นมา
"หา?" ฮานาเซียชะงักไปชั่วขณะ
เรนโซ่พยักหน้าและกล่าวเสริมว่า “ใช่แล้ว ดาวเคราะห์ซาดาลาไม่มีดวงจันทร์ ในยามนั้น ชาวไซย่ายังไม่ได้ออกนอกอวกาศ ดังนั้นเราจึงไม่เคยรู้ว่าชาวไซย่ามีความสามารถเช่นนี้ด้วย”
“เมื่อวิชานี้เริ่มแพร่หลายไปทั่ว ชาวไซย่าทุกหนทุกแห่งก็ได้เปลี่ยนร่างเป็นกอริลลา ตามบันทึก หลังจากที่ชาวไซย่าแปลงร่างเป็นกอริลลา พวกเขาจะโหดร้ายมากขึ้นและในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จะรู้สึกมีความสุขมากผิดปกติ เมื่อหลายคนเสพติดวิชานี้ ดาวเคราะห์ซาดาลาที่เดิมสงบสุขก็กลายเป็นนรก”
“เมืองถูกทำลาย โลกของชาวไซย่าเริ่มตกอยู่ในความโกลาหล แต่ในยามนั้นเอง ท่านผู้กอบกู้ก็ปรากฏตัวขึ้น!”
“ท่านผู้กอบกู้พบว่าพลังการเปลี่ยนร่างของชาวไซย่ามาจากหางของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะดึงหางของตัวเองออกมา จากนั้นเขาก็บอกความลับให้ผู้อื่นได้รู้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวไซย่าที่ไม่ต้องการยึดติดกับความชั่วร้ายก็ตัดหางของพวกเขา ทำให้ความโกลาหลสามารถถูกควบคุมได้”
“ทว่ายังมีชาวไซย่าจำนวนมากที่ถูกล่อลวงโดยชาวไซย่าปีศาจ กลายเป็นคนเลวทรามและชั่วร้าย พวกเขาปฏิเสธที่จะตัดหาง อีกทั้งยังกลับมารวมตัวกับชาวไซย่าปีศาจเพื่อที่จะก่อสงครามกับชาวไซย่าที่ต้องการความสงบสุข!”
“หลังจากสงครามที่รุนแรงได้เกิดขึ้น ในที่สุดท่านผู้กอบกู้ของเราก็รวบรวมชาวไซย่าที่รักสันติทั้งหมดขจัดชาวไซย่าปีศาจและลูกน้องของเขา ฟื้นฟูความสงบสุขของดาวเคราะห์ซาดาลากลับคืนมา”
“หลังสงคราม เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาของชาวไซย่าปีศาจ ท่านผู้กอบกู้ของเราจึงใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อผนึกหางของชาวไซย่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงไม่มีชาวไซย่าคนใดที่สามารถมีหางได้และในทำนองเดียวกัน ดาวเคราะห์ซาดาลาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากมันอีก ทุกอย่างจึงได้หวนคืนกลับมาสงบ”
“นี่คือเรื่องที่ข้าได้อ่านในเอกสารโบราณ…”
หลังจากพูดจบไป เรนโซ่ก็หยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบและถอนหายใจยาวออกมา “ฮ่า! สิ่งนี้อร่อยมาก ดูเหมือนจะให้ความรู้สึกสดชื่นด้วย ข้าขออีกถ้วยได้ไหม?”
"ได้อยู่แล้ว!" ไทต์ยิ้มและหยิบถ้วยของเขามา ก่อนที่จะเทถ้วยอีกใบให้เขา
ในยามนี้ หลินเฉินได้เงียบไป
เพราะเรื่องที่เรนโซ่เล่า เขาจึงจำตำนานได้
ตำนานเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชาวไซย่า
ในความเป็นจริง บนจักรวาลที่ 7 ของดาวเคราะห์เบจิต้าก็มีเรื่องสงครามในหมู่ชาวไซย่าอยู่
ทว่ามันแตกต่างจากจักรวาลที่ 6 ที่พวกเขาสามารถยับยั้งสงครามได้ ส่วนจักรวาลที่ 7 ไม่สามารถทำได้จนสูญเสียดาวบ้านเกิดของพวกเขาไป ทำให้ต้องอพยพมายังดาวเคราะห์เบจิต้าในปัจจุบัน
นี่เป็นเรื่องราวที่รู้จักกันดีของชาวไซย่า ฮานาเซียเองก็รู้
ทว่ามันมีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่มีเพียงหลินเฉินเท่านั้นที่รู้
ในการปะทะกันของจักรวาลที่ 7 ฝ่ายหนึ่งคือชาวไซย่าที่ถูกนำโดยชาวไซย่าโบราณที่ชื่อ ยาโมชิ
ยาโมชิเป็นชาวไซย่าที่จิตใจดีและชอบธรรม ในระหว่างการต่อสู้ เขาและสหายชาวไซย่าอีกห้าคนได้ต่อสู้กับชาวไซย่าที่โหดร้ายมากมาย ในท้ายที่สุด ยาโมชิก็ได้ใช้พลังของอีกห้าคนเพื่อแปลงร่างเป็นเทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่า
ทว่าเนื่องจากอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า และร่างกายของเขาก็ไม่สามารถแบกรับพลังเทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่าได้ ท้ายที่สุดยาโมชิและสหายของเขาก็ถูกฆ่าโดยชาวไซย่าที่โหดร้าย
พอรวมกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินจากเรนโซ่ หลินเฉินก็เดาว่านี้แหละคือต้นกำเนิดของชาวไซย่าจักรวาลที่ 7
เป็นไปได้มากว่าชาวไซย่าแห่งจักรวาลที่ 6 และจักรวาลที่ 7 เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
ทว่าในสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างชาวไซย่า มันจึงมี 2 จุดจบที่แตกต่างกัน
ในจักรวาลที่ 6 ชาวไซย่าผู้ชอบธรรมชนะ นำชาวไซย่าไปสู่แสงสว่าง
ในขณะที่ทางจักรวาลที่ 7 เห็นได้ชัดว่าฝ่ายชอบธรรมที่นำโดยยาโมชิแพ้สงคราม ชาวไซย่าที่ชั่วร้ายที่นำโดยชาวไซย่าปีศาจชนะสงคราม นำไปสู่การทำลายดาวเคราะห์ซาดาลาที่เป็นบ้านเกิดของชาวไซย่า
เข้าใจแล้ว นั่นสินะเป็นเหตุผลที่ข้าคิดว่ามันดูแปลกๆ...
หลินเฉินครุ่นคิดในใจ
อันที่จริง หลังจากที่หลินเฉินกลายเป็นราชาแห่งชาวไซย่า เขาก็มีคำถามมากมายในหัว
ในการแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า มันจำเป็นต้องพึ่งพาเซลล์ S และเซลล์ S ก็ต้องถูกสร้างขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข
แล้วทำไมชาวไซย่าบนดาวเคราะห์เบจิต้าถึงชอบสงครามและความชั่วร้ายกัน?
มันไร้เหตุผลสิ้นดีที่การจะแปลงร่างเป็นร่างที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพันธุ์จำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขัดกับธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ของพวกเขา
ทว่าพอรับรู้เรื่องนี้ หลินเฉินก็พอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
ที่จริงการกลายร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
เพราะชาวไซย่าโดยธรรมชาติเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบ เหมือนกับชาวไซย่าบนจักรวาลที่ 6
แต่ในสงครามระหว่างชาวไซย่าในจักรวาลที่ 7 นั้น กองกำลังไซย่าที่เป็นตัวแทนของความชั่วร้ายได้รับชัยชนะไป ทำให้เผ่าพันธุ์ของพวกเขาถดถอยลง ธรรมชาติของชาวไซย่าที่จิตใจดีจึงบิดเบี้ยวกลายเป็นความชั่วร้าย
ซูเปอร์ไซย่าที่มักจะโผล่มาในตำนานบ่อยครั้งถึงได้กลายเป็นตำนานเพราะเหตุผลนี้
เผ่าพันธุ์ไซย่าที่ทรงพลังได้เสื่อมถอยลง จนกลายเป็นเพียงขี้ข้าของผู้อื่น
.
สาเหตุทั้งหมดนี้เกิดจากชาวไซย่าปีศาจ ผู้ทำให้ชาวไซย่าต้องอ่อนแอลง!
แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้หลินเฉินรู้สึกสับสน
ในจักรวาลที่ 6 ชาวไซย่าปีศาจได้ถูกฝ่ายคุณธรรมกำจัดไป
ส่วนจักรวาลที่ 7 ชาวไซย่าปีศาจเป็นผู้ชนะ
เช่นนั้นไซย่าปีศาจของจักรวาล 7 อยู่ที่ไหนกัน? เขาหายไปท่ามกลางหน้าประวัติศาสตร์ได้ยังไง? หรือพระเจ้าเป็นคนทำ? มันยังมีความลับอื่นอีกไหม?