นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 220 - ของรางวัล
ทันทีที่กล่องนั้นเปลี่ยนมือ ทั้งสีหน้าของผู้มอบและผู้รับก็เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ทั้งคู่มีความประหลาดใจกันไปคนละอย่าง
‘ไอ้กล่องบ้านี้ทำไมถึงได้หนักจัง อันเล็กนิดเดียวแค่นี้ ฉันต้องใช้แรงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ถึงจะถือเอาไว้ได้ มันจะหนักไปถึงไหนกัน’ ในหัวของเดวิดแปลกใจกับน้ำหนักของกล่องที่อยู่ในมือ
ส่วนศาสตราจารย์หนุ่มนั้นต่างออกไป ‘ไม่ใช่ว่ากล่องนี่มันหนักมากหรอกหรือ ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้ถือง่ายจัง’ เขาตกใจในความแข็งแรงของเดวิด ตัวของเขาเองต้องกระตุ้นพลังพันธุกรรมออกมาเล็กน้อยด้วยซ้ำ ถึงจะพอถือมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ สายตาที่มองไปยังเดวิดแฝงไปด้วยความสงสัย แต่ใบหน้ายังยิ้มแย้ม กล่าวคำชื่นชมในความสำเร็จออกมาอย่างเลิศลอย ก่อนที่จะอนุญาตให้เดวิดกลับไปยืนประจำที่ได้อีกครั้ง
การประชุมจบลงหลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อการมอบรางวัลเสร็จสิ้น ที่เหลือก็เป็นแค่เพียงการสั่งสอนตักเตือนในเรื่องทั่ว ๆ ไปอีกเล็กน้อย ในที่สุดก็อนุญาตให้นักเรียนทั้งหมดกลับไปพักผ่อนต่อได้
เดวิดยืนถือกล่องใส่ของรางวัลรอเรือเหาะอยู่ที่ริมสนามนอกห้องประชุม เหงื่อเริ่มซึมออกมาจากหน้าผากให้เขายกมือขึ้นปาดเป็นระยะ น้ำหนักของเจ้าของที่อยู่ในมือนั้นไม่เบาจริง ๆ ด้วยความที่เดวิดไม่อยากจะกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดให้เอิกเกริก เขาก็ได้แต่ทนไปเท่านั้น
ไนฮุนไม่ได้อยู่กับเดวิด หรือเข้ามาแสดงความยินดีด้วยเลย หลังจากที่การประชุมจบสิ้นลง เขารีบมุ่งหน้าไปยังฝ่ายจัดกิจกรรมเพื่อรับของรางวัลของตัวเอง ไนฮุนติดอันดับอยู่ในผู้ที่จะได้รับรางวัลด้วย เพียงแต่ในการประชุมแห่งนี้จะแจกแค่อันดับ 1 ถึง 10 เท่านั้น อันดับอื่น ๆ ต้องไปรับด้วยตัวเอง
เดวิดไม่ได้เสียเวลาในการรอมากนัก เรือเหาะสาธารณะร่อนลงจอดตรงหน้าเข้าอย่างนุ่มนวล แต่เมื่อเขาก้าวขึ้นไปบนบันไดที่นำไปสู่ห้องโดยสาร เสียงเตือนก็ดังขึ้นมาทันที มันเป็นการแจ้งว่าเดวิดต้องจ่ายค่าโดยสารเป็น 3 เท่าของอัตราปกติ
นั่นทำให้เขาได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ ไม่ได้โต้เถียงอะไรออกมา ยื่นข้อมือซ้ายออกไปทำการแสกน แล้วเดินเข้าไปนั่งในห้องโดยสารอย่างจำยอม
............
หลังจากที่ปิดประตูห้องพักส่วนตัวลง แสงสว่างในห้องก็หรี่ลงโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนว่าคราวนี้เฮเซลจะเปิดโหมดความเป็นส่วนตัวให้โดยไม่ต้องสั่ง นี่ทำให้เดวิดถึงกับอุทานออกมา
“โอ้! ในที่สุดเธอก็คิดจะทำงานบ้างแล้วใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่ว่านายต้องการให้ฉันอยู่เงียบ ๆ หรือยังไง? จะให้ฉันปิดระบบตัวเองลงก่อนมั้ย ตอนที่นายจะใช้เวลาคุณภาพเป็นการส่วนตัวนี่?”
“นั่น! ทำตัวดีได้แป๊บเดียวจริง ๆ กลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว”
“หุบปากไปเลย ไม่อย่างนั้นจะยิ่งหนักกว่านี้อีก”
เดวิดส่ายหัวดิก แต่เขากำลังอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ถ้าไม่อย่างนั้น เดวิดก็ไม่ยอมเสียดายเวลาที่จะสั่งสอนสาวน้อย AI ให้รู้ว่าใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องแน่!
หลังจากที่วางกล่องของรางวัลลงไว้บนเตียงเรียบร้อย เดวิดก็รีบหาน้ำมาดื่มเพื่อชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไปทันที แต่สายตาของเขาแทบจะไม่คลาดออกจากกล่องเลยด้วยซ้ำ เดวิดอยากรู้จริง ๆ ว่าด้านในนั้นมีอะไรอยู่
เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วยื่นข้อมือซ้ายออกไปแตะที่หัวอ่านข้อมูลเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนกล่อง เสียง ‘คลิก’ ดังขึ้นเบา ๆ ฝ่ากล่องเผยอเปิดออกเล็กน้อย อากาศที่เย็นจัดพุ่งกระจายออกมาจากด้านใน มันก่อตัวกลายเป็นกลุ่มหมอกย่อม ๆ ปกคลุมตัวกล่องไปจนหมด
เดวิดสะบัดมือโบกไล่หมอกเย็น ๆ นั่นให้กระจายตัวออก ก่อนจะเปิดฝากล่องให้กว้างขึ้น ภายในมีของบรรจุอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เป็นขวดยาที่เต็มไปด้วยเซรั่มขวดหนึ่ง
ตัวของเซรั่มนั้นมีสีเขียวสด และเป็นของเหลวที่มีคุณสมบัติคล้ายกับปรอท มันกลิ้งตัวไปมาอยู่ในขวดโดยไม่เปียกติดกับผิวเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกตอนที่เดวิดยื่นมือเข้าไปเปิดกล่อง อุณหภูมิด้านในน่าจะต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสเสียอีก แต่เซรั่มขวดนี้ยังคงสภาพเป็นของเหลวอยู่ได้อย่างน่าประหลาดใจไม่น้อย
“เซรั่ม? เอาไว้ใช้ทำอะไร?” เดวิดขมวดคิ้วพึมพำออกมา ยื่นมือไปแตะปุ่มโฮโลแกรมที่ปรากฎอยู่ด้านข้างทันที หน้าต่างข้อมูลการใช้งานเด้งขึ้นมาปรากฏต่อสายตาของเขาทันที
“เซรั่มเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเลือด : สามารถกระตุ้นบังคับให้อัตราหมุนเวียนเลือดของผู้ใช้เพิ่มขึ้นได้อย่างฉับพลัน ผลตอบสนองของผู้ใช้แต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามศักยภาพของร่างกาย แต่ตามข้อมูลที่ได้บันทึกเอาไว้ ผลต่ำสุดคือสามารถเพิ่มอัตราหมุนเวียนเลือดได้ 1 รอบ และผลสูงสุดคือ 27 รอบ
ตลอดชีวิตสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น การใช้เซรุ่มชนิดนี้ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะก่อให้เกิดอาการหัวใจวาย และสามารถทำให้ผู้ใช้เสียชีวิตได้ในทันที
ข้อแนะนำเพิ่มเติม ควรใช้เซรั่มเมื่อมั่นใจแล้วว่าอัตราการหมุนเวียนเลือดถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว”
เมื่ออ่านจบ เดวิดนิ่งเงียบไม่กล่าวอะไรออกมา กลายเป็นว่าเขายังไม่สามารถที่จะใช้มันได้ในตอนนี้ อัตราหมุนเวียนเลือดของเดวิดยังไม่ถึงขีดจำกัด แล้วยิ่งในตอนที่เขายังมีความหวังที่จะฝึกฝนร่างแวมไพร์ หรือร่างมนุษย์หมาป่าด้วยแล้ว เดวิดยิ่งไม่ยอมใช้มันในตอนนี้อย่างเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าเดวิดจะไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงสุดในหมู่นักเรียนของทางสถาบัน แต่ด้วยความสามารถพิเศษของตัวเอง ด้วยการควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ เดวิดคิดว่าอัตราการหมุนเวียนเลือด 500 รอบต่อนาทีไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และเซรั่มนี้จะเป็นตัวช่วยอย่างดีในวินาทีที่เขาต้องการในอนาคต
อันที่จริงแล้ว เดวิดยังคิดว่าตัวเองมีตัวช่วยที่จะเพิ่มโอกาสให้เป้าหมายนี้สำเร็จได้อยู่อีก ทักษะการฝึกฝนพิเศษที่อยู่ในมือของศาสตราจารย์อาวุโสไวท์! ถ้าเขาได้มันมาฝึกฝน และถ้าระดับความยากของมันไม่เกินทักษะการต่อสู้ระดับสีแดง เดวิดคิดว่าขอเวลาเพียง 1 อาทิตย์เท่านั้น เขาต้องสามารถฝึกมันจนสำเร็จขั้นสมบูรณ์แบบ และมันจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า 500 รอบต่อนาทีจะเป็นแค่เพียงความฝันหรือไม่?
หลังจากที่แน่ใจว่าระบบทำความเย็นยังทำงานอยู่ เดวิดก็ปิดกล่องและนำมันไปเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี กลายเป็นว่าน้ำหนักอันมหาศาลของมันก็คือระบบทำความเย็นนั่นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันใช้สารอะไรเป็นตัวเหนี่ยวนำอุณหภูมิ และทำไมความหนาแน่นของมันถึงได้มากจนน่าเหลือเชื่อแบบนี้
และก่อนที่เดวิดจะได้ทิ้งตัวลงพักผ่อน เสียงเตือนว่ามีข้อความส่งถึงเขาก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะพอดี มันไม่ระบุชื่อของผู้ส่ง แต่หลังจากอ่านข้อความแล้ว ความคิดที่ปรากฏอยู่ในหัวของเดวิดคือ ‘ได้เวลาเสียที’
........
เดวิดก้าวเท้าออกมาจากเรือเหาะสาธารณะ ตรงหน้าของเขาคืออาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รูปทรงการออกแบบ สีสันของตัวอาคาร มันทำให้สีหน้าของเดวิดเปลี่ยนไปไม่น้อย นี่เป็นอีกหนึ่งอาคารที่สวยงามอลังการอย่างยิ่ง โลกใบนี้ยังมีสิ่งที่เขาอัศจรรย์ใจอยู่ได้ไม่หยุดหย่อนจริง ๆ
เดวิดยืนเด๋อดาเหมือนเด็กบ้านนอกที่เพิ่งเข้ามาในเมืองกรุงเป็นครั้งแรกอยู่สักพัก ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมและกระตุ้นระบบนำทางทันที ลูกศรโฮโลแกรมปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ในข้อความที่ส่งมาได้้ระบุตำแหน่งที่เดวิดจะต้องมุ่งหน้าไปมาอย่างพร้อมสรรพ ไม่ต้องกลัวว่าจะกลายเป็นเด็กหลงทางเลย
ภายในตัวอาคารนั้นเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ไม่มีผู้คนเดินไปมาแม้แต่คนเดียว พื้นที่ดูสะอาดสะอ้านไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่เม็ดเดียว ถ้าจะพูดให้ชัดเจน ช่องทางเดินที่เดวิดผ่านมาจนถึงตอนนี้ เป็นแค่ช่องทางเดินว่าง ๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตั้งอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
แล้วลูกศรโฮโลแกรมก็กระพริบแดงตอนที่มันนำทางมาถึงประตูไม้บานหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะทำหน้าที่ของมันได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว
เดวิดไม่รีรอที่จะยกมือขึ้นเคาะที่ประตู 3 ครั้ง เบา ๆ!
“เจ้าโง่!!!” เสียงที่เดวิดคุ้นเคยดังทะลุประตูออกมา มันเป็นเสียงตะโกนที่กราดเกรี้ยวมาก
“แกจะพังประตูของฉันหรือยังไง? ไม่รู้เหรอว่าสมัยนี้ไม้มันแพงแค่ไหน!?”
เดวิดคำรามออกมาด้วยเหมือนกัน เขาดึงประตูให้เปิดออกและก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
“ทำไมตาแก่! แค่ประตูไม้บานเดียว ทำไมถึงได้ใจแคบอย่างนี้? ผมยังไม่ได้เดินผ่านประตูเข้ามาเลยด้วยซ้ำ คุณก็ก่นด่าผมอย่างสาดเสียเทเสียแล้ว นี่มันรับไม่ได้! นี่ไม่ใช่วิธีที่อาจารย์จะปฏิบัติกับลูกศิษย์ตัวเองเลย! ผมจะร้องเรียน ผมจะร้องเรียนให้ถึงศาสตราจารย์ใหญ่เลย!!” และเมื่อเข้าไปได้ เดวิดก็ร่ายออกไปเป็นชุดอย่างไม่ยอมกัน
ภายในดูเหมือนว่าจะเป็นห้องทำงาน ชายผมขาวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หลังโต๊ะทำงานที่ทำขึ้นมาจากไม้เช่นกัน มันเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหรามีราคามากที่สุดในห้องนี้แล้ว ต่างกับเก้าอี้สำหรับแขกผู้มาพบ 2 ตัวที่ตั้งอยู่หน้าโต๊ะ มันเป็นเพียงเก้าอี้โลหะที่มีไม้ประดับอยู่บ้างเท่านั้น
เสียงคำรามดังตอบออกมาจากปากของชายผมขาวอย่างไม่ยี่หระ “หึ! ไปเลย! ลองไปร้องเรียนดู ถ้าแกคิดว่าคนระดับศาสตราจารย์ใหญ่จะเชื่อเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแกมากกว่าฉัน!”
เดวิดคำรามในคออย่างไม่ยินยอมนัก แต่มันเป็นเรื่องจริง
“เอาเถอะ! ผมไม่ร้องเรียนก็ได้! แต่ว่านะตาแก่! ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก แต่ตอนนี้ผมก็ยอมเป็นลูกศิษย์ของคุณแล้ว ไม่คิดจะมอบของขวัญอะไรให้ลูกศิษย์ตอนแรกพบหน่อยเหรอ? อย่างพวกอุปกรณ์ไฮเทคอะไรสัก 2-3 ชิ้นน่ะ?”