นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 219 - แผนของอาเลฮันโดร
“อย่างแรก! คงต้องขอแสดงความยินดีกับพวกคุณทุกคนที่สามารถรอดชีวิตกลับมาจากกิจกรรมการล่าและเอาตัวรอดได้ ยินดีกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของทุกคน” เสียงนั้นดังกังวานมาจากปากของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งอยู่ในวัย 30 กว่าปีเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นศาสตราจารย์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาไม่นานนัก เขายืนอยู่บนเวทีสูง กำลังกวาดตามองนักเรียนจำนวนหลายร้อยคนที่ยืนอยู่ในหอประชุมแห่งนี้ ทำหน้าที่กล่าวดำเนินการปิดกิจกรรมที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไป
ตอนนี้คือช่วงบ่ายของวันที่ 2 หลังจากที่นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมเดินทางกลับมาถึง ผู้มีอำนาจของทางสถาบันได้ตัดสินใจให้นักเรียนทุกคนมีเวลาพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจแบบเต็มที่ก่อน มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หากจะให้นักเรียนที่อยู่ในสภาพหน้าตามอมแมมอ่อนโรย รวมถึงเครื่องแต่งกายที่ขาดวิ่นราวกับเป็นขอทานจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียว มันต้องไม่ใช่บรรยากาศที่น่าพิสมัย ไม่เหมาะสมกับการเฉลิมฉลองแสดงความยินดีแน่
ที่บนเวทียังมีศาสตราจารย์ที่มีอายุมากกว่ายืนเรียงแถวอยู่ที่ด้านหลังอีกหลายคน แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ศาสตราจารย์คนใหม่ทำหน้าที่ดำเนินการ มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทางสถาบัน ตอนที่พวกเขาเพิ่งได้รับการแต่ตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ ก็เคยผ่านการทำหน้าที่แบบนี้กันมาทุกคนแล้ว
“เป้าหมายหลักของกิจกรรมในครั้งนี้ คือการกำจัดวัชพืชที่ไร้ประโยชน์ออกไปจากแปลงดอกไม้ที่สวยงามและมีคุณค่า นักเรียนที่ทางสถาบันต้องการ คือนักเรียนที่มีพรสวรรค์ นักเรียนที่มีความรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ของตัวเอง มีการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา และสามารถเอาตัวรอดมาจากสถานการณ์ที่แล้วร้ายได้ ในฐานะตัวแทนของสถาบัน พวกเราได้แต่หวังว่าพวกคุณคงจะไม่โกรธแค้นมากนัก ที่ถูกส่งตัวไปอยู่ในสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่โหดร้ายแบบนั้น ท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างก็เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกคุณทุกคน” จากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์คนนี้จะยังจำสภาพของกิจกรรมที่ตัวเองเคยเผชิญได้ ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
“ต่อไป! ผมจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายใหม่ในการฝึกฝนของทุกคนให้ฟัง หลังจากนั้น จะมีการประกาศรายชื่อและมอบรางวัลให้แก่คนที่ชนะเลิศ 10 อันดับแรกของกิจกรรมในครั้งนี้
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด พวกคุณทุกคนน่าจะผ่านหมุดหมายแรกของการฝึกฝนมาแล้ว และเกือบทุกคนน่าจะพัฒนาตัวเองมาจนถึงขีดจำกัดสูงสุด นั่นหมายถึงว่าควรจะเริ่มมองถึงการยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้นได้แล้ว นั่นคือระดับเฟสเซอร์ ถ้าไม่สามารถเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเลือดให้เพิ่มขึ้นได้อีกแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยังคงระดับตัวเองเป็นสไปรเยอร์ต่อไป” เขาหยุดเพื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ ครู่หนึ่ง
“สไปรเยอร์เป็นเพียงระดับการฝึกฝนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการยกระดับตัวเองเป็นเฟสเซอร์เท่านั้น คำแนะนำที่ผมมีให้อย่างจริงใจก็คือ ถ้ารู้ตัวว่าไม่สามารถเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการหมุนเวียนเลือดได้แล้ว ให้รีบการยกระดับตัวเองทันที! มิเช่นนั้นมันจะเป็นการฉุดรั้งความก้าวหน้าเอาไว้อย่างเปล่าประโยชน์ เวลานั้นเป็นสิ่งที่มีค่า และพวกคุณไม่ได้มีเวลาเหลืออยู่มากนักแล้ว”
“ส่วนอีกเรื่องสำคัญที่จะประกาศ ทางสถาบันจะปลดล็อคระบบภารกิจของพวกคุณออก พวกเราคิดว่าความแข็งแกร่งของทุกคนในตอนนี้เพียงพอสำหรับการป้องกันตัวเองจากอันตรายของโลกภายนอกได้แล้ว เอ้อ! อย่างน้อย ๆ ก็ในกรณีที่ไม่มีใครหาเรื่องใส่ตัว สร้างศัตรูที่เกินความสามารถของตัวเองมากนัก ดังนั้นการออกไปทำภารกิจนอกเขตพื้นที่ของสถาบันของพวกคุณน่าจะมีความเสี่ยงต่ำ และมันจะช่วยให้พวกคุณเพิ่มประสบการณ์ รวมถึงความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี” ศาสตราจารย์หนุ่มหยุดพูดอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อในที่สุด
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาประกาศรายชื่อและมอบรางวัลแล้ว ผมจะเริ่มจากอันดับที่ 10 และไล่ขึ้นไปจนถึงผู้ที่ชนะเลิศได้อันดับที่ 1
ขอให้ทุกคนร่วมปรบมือแสดงความดีใจกับ ‘เบนนี่ ฮิลล์’ ผู้ที่มีคะแนนการล่าอยู่ในอันดับที่ 10 เบนนี่! ได้โปรดออกมารับรางวัลด้านหน้าด้วย นี่เป็นของรางวัลที่คุณควรจะได้รับมันไป” ศาสตราจารย์หนุ่มกล่าวจนจบ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปรับกล่องของรางวัลมากจากผู้ช่วย ไม่แน่ใจว่ามันทำมาจากวัสดุอะไร แต่ถ้าดูจากสภาพของผู้ช่วยที่นำมันขึ้นมาบนเวทีแล้ว เจ้ากล่องนี่น่าจะมีน้ำหนักไม่น้อยเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มที่ดูแล้วอายุยังไม่เกิน 17 ปี เดินแหวกฝูงชนขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว และด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ศาสตราจารย์หนุ่มส่งมอบกล่องที่เป็นของรางวัลถึงมือเขาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเบนนี่นั้นยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น แต่หลังจากที่กล่องของรางวัลถูกปล่อยออกจากมือของศาสตราจารย์อย่างสมบูรณ์แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที และโชคดีที่เขาสามารถหมุนเวียนเลือดสร้างพลังออกมาได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงต้องอับอายเพราะปล่อยกล่องของรางวัลที่มีขนาดไม่ใหญ่มากตกลงพื้นแน่ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น เหล่านักเรียนที่อยู่ด้านหน้าก็เริ่มหันไปซุบซิบกันด้วยรอยยิ้มแล้ว ท่าทางของเบนนี่นั้นน่าขบขันอยู่ไม่น้อย และในใจของทุกคนต่างเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่น้อย กล่องที่มีขนาดเล็ก ๆ เพียงเท่านี้ ทำไมถึงได้หนักจนสร้างความลำบากให้กับสไปรเยอร์ได้กัน? หรือว่าของรางวัลจะเป็นโลหะมีค่าอะไร?
ศาสตราจารย์ผู้ประกาศรางวัลไม่ได้ให้ความสนใจกับความวุ่นวายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้น เขาทยอยประกาศรายชื่อและมอบรางวัลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อถึงอันดับที่ 5 ชื่อของฟิลลิดาก็ถูกประกาศออกมา นี่ทำให้เดวิดอึ้งไปสักพักทีเดียว ภายในระยะเวลาที่เหลืออยู่ไม่นานมาก เธอยังสามารถรวบรวมคะแนนจนไต่อันดับกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง นี่มันน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ
และรูปร่างหน้าตาอันสวยงามและยั่วยวนของฟิลลิดา ยังคงเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่านักเรียนชายที่อยู่ในห้องประชุมในอย่างกึกก้องเลยทีเดียว
“อันดับที่ 4 ‘อโลดา เกนฟอร์ด’”
“อันดับที่ 3 ‘อลัน กรีน’”
“อันดับที่ 2 ‘อาเลฮันโดร มาร์ติน’”
“และสุดท้าย! ผู้ที่ทุกคนกำลังตั้งตารอคอย ขอเสียงปรบมือแสดงความยินดีดัง ๆ ให้กับผู้ที่สามารถรวบรวมคะแนนการล่าได้เป็นอันดับที่ 1 จากผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 1,000 คน ‘เดวิด ซินเทค’”
เสียงปรบมือที่ดังอย่างกึกก้องดังขึ้นมา แม้ว่านักเรียนส่วนใหญ่จะไม่ได้ยกมือของตัวเองขึ้นด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าทางสถาบันจะเตรียมการให้เกียรติผู้ชนะเอาไว้เป็นอย่างดีทีเดียว เดวิดไม่ได้สนใจว่าเสียงปรบมือนั้นจะดังมาจากไหน เขาแค่เดินมุ่งไปยังเวทีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเท่านั้น
ตอนที่เขาเดินไปถึงบันได ผู้ที่ได้อันดับ 2 กำลังเดินสวนลงมาพอดี และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยินดีนักที่ได้เพียงอันดับที่ 2 หลังจากที่ได้ยินชื่อของเดวิด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดำมืดลงเล็กน้อย
อาเลฮันโดรไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะตกลงมาอยู่อันดับที่ 2 ตามแผนการที่เขาได้วางเอาไว้ มันไม่มีทางที่จะพลาดไปจากตำแหน่งผู้ชนะเลิศได้เลย ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี อาเลฮันโดรค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 1 หลังจากที่ทุ่มคะแนนจีโนจำนวนมหาศาลเพื่อแลกกับคะแนนการล่า เขาเป็นผู้ที่ให้ราคาสูงที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้แล้ว
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน จนกระทั่งถึงช่วงไม่กี่ชั่วโมงสุดท้าย!
และมันดันเป็นช่วงที่เขาแทบจะเลิกดูตารางคะแนน เลิกแลกเปลี่ยนคะแนนการล่าแล้วด้วยซ้ำ ช่องว่างระหว่างอันดับที่ 1 และ 2 ในตอนนั้นไม่มีทางไล่กันทันแล้ว ถ้าวัดจากอัตราการเพิ่มขึ้นแบบปกติ อาเลฮันโดรไม่คิดว่าจะมีใครสามารถแซงตัวเองขึ้นไปได้อีก และเมื่อมันเกิดขึ้น ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
ตอนที่เขารู้ว่าตัวเองตกมาอยู่ในอันดับ 2 อาเลฮันโดรตกตะลึงราวกับถูกชนด้วยรถไฟขบวนยาว ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทำให้เขาแทบจะเสียสติไปเลย
ตั้งแต่นั้นมา อาเลฮันโดรเฝ้ารอเวลานี้มาตลอด เฝ้ารอเวลาที่จะได้เห็นหน้าคนที่แย่งทุกอย่างจากตัวเองไป ความแค้นครั้งนี้ชำระได้ไม่ยากเลยในความคิดของเขา ในวินาทีที่ ‘เจ้าเดวิด’ คนนี้ก้าวเท้าออกนอกเขตพื้นที่ของสถาบัน ทันทีที่เขาออกไปทำภารกิจ ความแค้นของเขาจะได้รับการสะสางอย่างแน่นอน
เดวิดเดินสวนกับอาเลฮันโดรด้วยอาการเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเข้มข้นรุนแรงจากคนที่เพิ่งเดินสวนกันไป มันไม่ได้ผิดแปลกอะไร เพียงแค่เดวิดไม่คิดว่าจะมีคนกล้าปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้เท่านั้น
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก...ด้วยรอยยิ้มกว้างที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า เดวิดยื่นมือออกไปรับกล่องที่มีความยาวเพียง 3 นิ้วที่ศาสตราจารย์กำลังส่งให้ทันที