ตอนที่ 557 สัญญาณอันตราย
ตอนที่ 557 สัญญาณอันตราย
การค้นพบความสามารถของลิงหยกเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก จนทำให้เซี่ยเฟยต้องพิจารณาลิงหยกขาวตัวนี้อีกครั้ง
ลิงตัวนี้ถูกสลักในรูปของคนที่กำลังนั่งสมาธิ ขณะที่มือทำท่าเหมือนกำลังถือลูกท้ออยู่บนหน้าตักของตัวเอง
“อย่าบอกนะว่าเจ้าลิงตัวนี้สามารถกลั่นพลังงานออกมาได้?” อันธถามอย่างสงสัย
เซี่ยเฟยส่ายหัวอย่างสับสนเช่นเดียวกัน แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามือของลิงหยกตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับฐานของคริสตัลต้นกำเนิด
ชายหนุ่มรีบหยิบคริสตัลต้นกำเนิดออกมาจากแหวนมิติและเอาไปวางที่มือของลิงตัวนี้เบา ๆ แล้วมันก็สามารถถูกนำไปวางเอาไว้บนมือของลิงได้อย่างพอดิบพอดี
คริสตัลต้นกำเนิดในดินแดนของผู้ใช้กฎมีขนาดเป็นมาตรฐาน และช่องว่างบนหน้าตักของลิงตัวนี้ก็มีขนาดพอดีกับคริสตัลต้นกำเนิด!!
สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือพลังงานภายในคริสตัลต้นกำเนิดถูกดูดซับโดยลิงหยกขาวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลูกท้อภายในมือของมันจะเริ่มส่องแสงสว่างราวกับหลอดไฟ
เซี่ยเฟยกลั้นหายใจและค่อย ๆ ขยับปลายนิ้วออกไปแตะลูกท้อลูกนั้น ก่อนนี้มันจะมีพลังงานที่มีความบริสุทธิ์สูงมากแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างคล่องแคล่ว
ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน แล้วมันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังงานที่ไหลออกมาจากลูกท้อถูกกลั่นให้มีความบริสุทธิ์สูงกว่าเดิมมาก คล้ายกับว่าพวกมันคือแก่นแท้ของพลังงานต้นกำเนิด
เมื่อสัมผัสได้ถึงประสบการณ์อันแปลกใหม่ เซี่ยเฟยก็เริ่มนั่งสมาธิและใช้กระแสจิตถักทออักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานขึ้นมาในทันที
ทันใดนั้นเขาก็ได้พบว่าเส้นใยพลังงานที่เคยหลุดออกไปจากการควบคุมสามารถกลับมาควบคุมได้อีกครั้ง และถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมเส้นใยพลังงานเหล่านั้นได้ดั่งใจนึก แต่มันก็ยังดีกว่าการที่เขาไม่สามารถควบคุมเส้นใยพลังงานพวกนี้ได้เลย
ชายหนุ่มค่อย ๆ ตั้งสมาธิควบคุมเส้นใยพลังงานด้วยความละเอียดอ่อนมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหาความดื้อด้านของเส้นใยพลังงานได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
อักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานเริ่มถูกเติมเต็มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทันทีที่เขาถักทออักขระไปได้เพียงแค่ประมาณครึ่งเดียว คริสตัลต้นกำเนิดบนตักของลิงหยกขาวก็ไม่มีความแวววาวเหมือนเดิมอีกต่อไป
“10 นาทีเองงั้นเหรอ! เจ้าลิงนี่ทำให้นายสามารถดูดซับพลังงานจากคริสตัลขาวเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะช่วยกลั่นพลังงานให้มีความบริสุทธิ์ และทำให้นายสามารถฝึกฝนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหนักเช่นเดียวกัน เพราะแต่เดิมคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 สามารถที่จะให้พลังงานสำหรับการฝึกฝนได้เป็นเวลาถึง 1 ชั่วโมง แต่หลังจากที่พลังงานได้วิ่งผ่านร่างของลิงหยกขาวตัวนี้ อัตราการบริโภคพลังงานกลับหดสั้นลงเหลือเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งมันเป็นการใช้พลังงานในระดับที่สิ้นเปลืองมาก
อย่างไรก็ตามพลังงานที่ไหลผ่านร่างของลิงหยกขาวก็มีความบริสุทธิ์สูงมาก ชนิดที่เขาไม่เคยสัมผัสกับพลังงานที่บริสุทธิ์ขนาดนี้มาก่อน ซึ่งมันก็ช่วยชดเชยความสิ้นเปลืองของพลังงานที่หายไปได้ และถ้าหากว่ามันช่วยให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานได้จริง ๆ เรื่องเงินก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป
หลังจากใช้ความคิดอยู่สักพักเซี่ยเฟยก็กัดฟันหยิบคริสตัลเหลืองออกมาจากแหวนมิติ และถึงแม้ว่าเขาจะเหลือคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 อยู่อีกมาก แต่เขาก็เหลือคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 อยู่เพียงแค่ 100 กว่าชิ้นเท่านั้น เนื่องมาจากว่าเขาได้ใช้คริสตัลส่วนใหญ่ไปกับการซื้อชุดเกราะซิลเวอร์เดสเซิร์ดไปแล้ว
เมื่อชายหนุ่มได้ใส่คริสตัลต้นกำเนิดสีเหลืองเอาไว้บนตักของลิงหยกขาว เขาก็เริ่มดูดซับพลังงานเพื่อฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานอีกครั้ง
ก๊อก ๆ ๆ
“เจ้านาย มีแขกมาหา” กระป๋องพูดขึ้นมาจากหลังประตู
“ใคร?” เซี่ยเฟยอุทานกับตัวเองอย่างสับสน ก่อนที่เขาจะวางลิงหยกขาวเอาไว้และออกจากห้องฝึกเพื่อเดินทางไปยังห้องนั่งเล่น
ภาพที่เซี่ยเฟยเห็นคือมู่ฟู่ผิงกับหยูฮัวที่กำลังนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว โดยมีกระป๋องคอยยกอาหารและเครื่องดื่มมาให้บริการแขกทั้งสองคน
“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูมู่นี่เอง ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรถึงได้เดินทางมาที่นี่?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“ครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกันไม่ใช่ว่าคุณแนะนำให้ฉันศึกษาเรื่องวิถีชีวิตของนักรบงั้นเหรอ? ฉันจึงขอให้ผู้อาวุโสหยูฮัวพาฉันสำรวจวิถีชีวิตในตระกูลหยู เผื่อว่าฉันจะได้เข้าใจวิถีชีวิตของพวกเขามากขึ้น” มู่ฟู่ผิงกล่าว
“ในตระกูลวิทเทอร์ก็มีนักสู้อยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมคุณถึงจะต้องลำบากเดินทางมาที่ตระกูลหยูด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
หยูฮัวที่กำลังจิบน้ำชาเกือบที่จะสำลักน้ำชาออกมา เพราะเขาไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะพูดจาเหมือนขับไล่มู่ฟู่ผิงออกไปแบบนั้น
เธอคือใคร?
เธอคือคุณหนูจากตระกูลวิทเทอร์ที่เป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดเชียวนะ!
อย่างไรก็ตามมู่ฟู่ผิงก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะตำหนิเซี่ยเฟยเลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่เธอได้รับฟังคำชมมาตลอดทั้งชีวิตของเธอ เธอก็เริ่มที่จะชื่นชอบคนที่พูดจาตรง ๆ อย่างเซี่ยเฟยแล้ว
“คนในตระกูลไม่กล้าพูดอะไรตรง ๆ กับฉันหรอก ดังนั้นถ้าหากว่าฉันคอยศึกษานักรบในตระกูล มันก็คงจะทำให้พวกเขารู้สึกลำบากไปเปล่า ๆ” มู่ฟู่ผิงอธิบาย
“คุณก็แค่ต้องปลอมตัวแค่นั้นก็ไม่มีใครจำคุณได้แล้ว และเมื่อคนอื่น ๆ ไม่รู้จักคุณ คุณก็จะได้ยินความจริงจากปากของพวกเขาได้ง่ายขึ้น” เซี่ยเฟยกล่าว
ปัง!
ทันใดนั้นมันก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากหลังคา
“มีคนแอบฟัง!” หยูฮัวอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
พริบตาต่อมาทั้งเซี่ยเฟยและหยูฮัวก็รีบวิ่งออกไปในทันที และถึงแม้ว่าคนหนึ่งจะเป็นผู้ใช้พลังสายความเร็วและอีกคนจะเป็นราชากฎ แต่คนที่แอบฟังบนหลังคากลับมีความเร็วมากยิ่งกว่าพวกเขา
ในพริบตาคนคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เซี่ยเฟยรีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ก่อนที่เขาจะได้พบร่องรอยของคราบเศษฝุ่นที่คนคนนั้นได้ทิ้งเอาไว้
“เขาเป็นคนรูปร่างผอม มีความสูงประมาณ 170 เซนติเมตร พื้นหลังคาค่อนข้างอุ่นหมายความว่าเขาน่าจะซ่อนตัวอยู่ตรงนี้มาระยะหนึ่งแล้ว”
เหตุการณ์นี้ทำให้หยูฮัวรู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะในฐานะที่เขาเป็นถึงราชากฎการที่เขาถูกใครบางคนสะกดรอยตามจึงถือว่าเป็นความอัปยศสำหรับเขา
เซี่ยเฟยกระโดดลงมาจากหลังคารีบวิ่งกลับเข้าไปภายในบ้านแล้วจับขนอุยขึ้นมาวางเอาไว้บนตัก ก่อนที่จะจมลงไปในห้วงความคิด
ตระกูลวิทเทอร์เป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอด ซึ่งถ้าหากว่ามันได้มีสมาชิกของตระกูลนี้เสียชีวิตในเขตพื้นที่ของตระกูลหยูจริง ๆ พวกเขาก็คงจะต้องถูกบีบบังคับให้รับผิดชอบอย่างไม่ต้องสงสัย
วิธีการนี้ถือได้ว่าเป็นวิธีการที่โหดร้ายจริง ๆ แล้วถ้าหากว่าบุคคลปริศนาคนนั้นต้องการที่จะใส่ร้ายตระกูลหยู มันก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะออกมาป้องกัน
“คุณหนูมู่ คุณพอจะมีศัตรูอยู่บ้างหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างจริงจัง
“ฉันไม่เคยมีศัตรู” มู่ฟู่ผิงกล่าวตอบอย่างลังเล
“แล้วมันจะเป็นไปได้ไหมที่ศัตรูของตระกูลวิทเทอร์จะกำหนดเป้าหมายมาที่คุณ?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลไหนที่ไม่มีศัตรู หากว่าเขาคนนั้นเป็นศัตรูของตระกูลจริง ๆ มันก็ยากที่ฉันจะตอบคำถามนี้ได้”
เซี่ยเฟยรับฟังคำตอบก่อนที่เขาจะจมลงไปในห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง
ระหว่างนั้นมู่ฟู่ผิงก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน และมันก็ทำให้เธอรู้สึกลังเลอยู่นาน แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกมา
หลังจากนั้นไม่นานหยูฮัวก็กลับเข้ามาภายในบ้าน และเมื่อพิจารณาจากสีหน้าของชายคนนี้แล้วเซี่ยเฟยก็รู้ทันทีว่าหยูฮัวไม่สามารถจับตัวชายคนนั้นเอาไว้ได้
คนคนนั้นสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของราชากฎได้งั้นเหรอ?
ระดับพลังของเขาจะต้องสูงมากแน่ ๆ!
“คุณหนูมู่ พอดีผมมีเรื่องสำคัญจะต้องรีบไปจัดการ ผมขอส่งคุณเพียงเท่านี้ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม
ไล่แขก!
ใจเด็ดมาก!!
มู่ฟู่ผิงถึงกับรู้สึกเวียนหัวไปชั่วขณะ และเธอก็ไม่รู้ว่าเธอพลาดอะไรไปถึงทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกขุ่นเคืองใจแบบนี้
อย่างไรก็ตามในคราวนี้หยูฮัวกลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับการตัดสินใจของชายหนุ่ม เพราะท้ายที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้เติบโตขึ้นมาในคฤหาสน์อันใหญ่โตของตระกูลชั้นยอด พวกเขาจึงรู้ดีว่าภายในดินแดนแห่งนี้ได้เก็บซ่อนความดำมืดเอาไว้มากมายขนาดไหน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ทำให้เซี่ยเฟยกับหยูฮัวเริ่มมีความระแวงมากขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าหากว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับมู่ฟู่ผิงในระหว่างนี้จริง ๆ ความโกรธทั้งหมดของตระกูลวิทเทอร์ย่อมตกกระทบลงมาที่ตระกูลหยูอย่างแน่นอน
“คุณหนูมู่ ผมจะรีบส่งตัวคุณกลับเดี๋ยวนี้เลย แล้วพวกเราค่อยมาคุยเรื่องการดูนักรบกันอีกครั้ง” หยูฮัวกล่าวอย่างหนักแน่น
เหตุการณ์นี้ทำให้มู่ฟู่ผิงรู้สึกตกตะลึง เพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าหยูฮัวที่พยายามเอาอกเอาใจเธอมาโดยตลอดจะเริ่มขับไล่เธอกลับไปด้วยเช่นกัน
“โอเค ฉันกลับก็ได้” มู่ฟู่ผิงกล่าวอย่างเย็นชา ก่อนที่เธอจะรีบเดินออกไปโดยไม่คิดที่จะร่ำลาเซี่ยเฟยเลยด้วยซ้ำ
“นายตามเธอไป เดี๋ยวฉันจะคอยระวังรอบ ๆ ให้เอง” หยูฮัวกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและด้วยประสบการณ์ที่พวกเขาได้ร่วมมือกันในครั้งก่อน มันจึงทำให้พวกเขาเริ่มทำงานกันเป็นทีมได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้มันไม่มีใครให้ความสนใจความโกรธของมู่ฟู่ผิงอีกแล้ว โดยการเผชิญหน้ากับความโกรธของเธอเพียงลำพังย่อมดีกว่าการเผชิญหน้ากับความโกรธของตระกูลวิทเทอร์ทั้งตระกูล
เซี่ยเฟยไล่ตามร่างของมู่ฟู่ผิงไปโดยวางขนอุยเอาไว้บนไหล่และมองไปยังพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง
ในตอนแรกมู่ฟู่ผิงรู้สึกโกรธมากที่เธอโดนไล่ออกมาแบบนั้น แต่หลังจากที่เธอได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังของเซี่ยเฟยแล้ว เธอก็เริ่มนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังจากการปรากฏตัวของผู้ที่ซ่อนอยู่บนหลังคา
แต่ในระหว่างที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดอยู่นั่นเอง เซี่ยเฟยก็บังเอิญได้พบกับหยูชิชิระหว่างทาง
“นี่นายไปล่อลวงผู้หญิงที่ไหนมาเนี่ย!” หยูชิชิเท้าสะเอวจ้องไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขี้เล่น
หญิงสาวคนนี้ชอบที่จะกลั่นแกล้งผู้อื่นอยู่เสมอ และถ้าหากว่ามู่ฟู่ผิงเป็นแฟนของเซี่ยเฟยจริง ๆ เธอก็จะต้องหน้าแดงจากคำพูดเมื่อสักครู่นี้อย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่หยูชิชิได้รับกลับไปไม่ใช่ความเขินอายของมู่ฟู่ผิง แต่เป็นเสียงร้องคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“หลบไป!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนพร้อมกับผลักหญิงสาวออกไปในทันที และก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ร่างของเซี่ยเฟยกับมู่ฟู่ผิงก็เดินผ่านเธอไปแล้ว
ในความเป็นจริงหากหยูชิชิได้มาเจอกับเซี่ยเฟยในวันปกติ ชายหนุ่มก็คงจะหยอกล้อกับเธอโดยไม่มีอะไร แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์ในวันนี้ค่อนข้างที่จะตึงเครียดมาก ทำให้หยูชิชิถูกผลักออกไปไม่ให้ขวางทางแบบนั้น
“ที่แท้เซี่ยเฟยก็กำลังร้อนใจมาก แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะสุภาพกับฉันมาก ๆ แล้ว” ปฏิกิริยาของเซี่ยเฟยทำให้มู่ฟู่ผิงเข้าใจได้ในที่สุดว่าเธอกำลังเข้าใจชายหนุ่มคนนี้ผิดไป
ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาจนถึงประตูมิติ และเมื่อมู่ฟู่ผิงได้เดินทางกลับไปยังเมืองสตีลบาร์ ทั้งเซี่ยเฟยและหยูฮัวต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“อันตรายมาก! ดูเหมือนว่ามันมีคนกำลังติดตามมู่ฟู่ผิงอยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นศัตรูของพวกเราหรือเปล่า?” หยูฮัวกล่าว
“โชคดีแล้วที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ทำไมจู่ ๆ ฉันถึงรู้สึกว่านายกับฉันเข้าใจความคิดกันและกันได้โดยไม่ต้องพูดอะไรนะ” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าถ้าหากมันมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับมู่ฟู่ผิงในอาณาเขตของตระกูล มันก็คงจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาอย่างมากมาย ดังนั้นถึงเราจะเข้าใจกันและกันแต่มันก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอะไร”
“น่าเสียดายที่มู่ฟู่ผิงคิดว่าเรากำลังพยายามไล่เธอกลับ ฉันคิดว่าในอนาคตเธอก็คงจะไม่มาเยี่ยม ตระกูลหยูอีกแล้ว” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“นี่คุณอยากให้เธอมาที่ตระกูลของเราบ่อย ๆ งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ล่ะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้” หยูฮัวกล่าวตอบ
ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างเดินทางกลับไปยังบ้านของเซี่ยเฟย ซึ่งในระหว่างทางพวกเขาก็ได้พบกับหยูชิชิที่กำลังมุ่งหน้ามาหาชายหนุ่มด้วยความโกรธ
“คุณลุง! เซี่ยเฟยรังแกหนู!!” หยูชิชิเริ่มฟ้องเรื่องพี่เซี่ยเฟยผลักเธอออกไปจากทาง
“อืม ฉันเห็นทุกอย่างหมดแล้ว” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“แล้วคุณลุงจะลงโทษเขายังไง?” หยูชิชิกล่าวอย่างมีความสุข
“ไม่ล่ะ คราวนี้เธอสมควรโดนแล้ว” หยูฮัวกล่าวก่อนที่เขาจะเดินไปพร้อมกับเซี่ยเฟยโดยไม่สนใจหยูชิชิที่กำลังยืนงงอยู่ตรงนั้นเลย
***************