ตอนที่แล้วตอนที่ 137 โลกยุคโบราณ 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 139 ปืนโลหิตระดับ D

ตอนที่ 138 โลกยุคโบราณ 2(อ่านฟรี)


ตอนที่ 138 โลกยุคโบราณ 2

ทั้งสามเงยหน้ามองตามอัลเบิร์ตและรู้ว่าพืชในโลกนี้คงมีคุณค่ามากมายมหาศาล ถ้าค้นหาคุณค่าเจอละก็นะ พวกเขาจึงยกหน้าที่นี่ให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างอัลเบิร์ตไปแล้วกัน

ตอนนั้นอัลเบิร์ตก็ก้มหน้าลงหันมาสอบถาม

“แล้วพวกคุณจะไปไหนกัน”

พวกเขามองหน้าก่อนที่เซล่าจะเอ่ยปากบอกออกไปก่อนว่า “หอการค้าหีบสมบัติค่อนข้างสนใจพวกแร่และหินในโลกนี้ อาจจะค้นพบวัตถุที่ใช้ผลิตอุปกรณ์พิเศษได้ พวกเรามาหาก็เพื่อถามว่าจะขอออกไปสำรวจด้วยได้ไหม?”

“ได้ที่นี่กว้างขวางยิ่งมีคนมากยิ่งสำรวจได้ไว”

อัลเบิร์ตตอบรับอย่างไม่คิดมาก ยังไงซะภารกิจของทั้งสองก็เป็นคนละส่วนกับกลุ่มบริษัทพวกเขา

ส่วนลุคก็ได้แต่ตามไปเท่านั้น เพื่อดูสถานการณ์ เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อวิจัยพืชหรือค้นหาแร่มีค่าอะไร เนื่องจากถ้าว่ากันตามจริงแล้วลุคเป็นพวกกิลด์มากกว่า

กิลด์ทำอย่างเดียวคือการล่ามอนสเตอร์ ฮันเตอร์อย่างเขาเหมาะในการล่ามอนสเตอร์ ส่วนการตามไปตอนนี้เพื่อทำความคุ้นเคยกับโลกยุคโบราณนี้รวมทั้งการใช้แหวนเครือข่ายไกอาสแกนพื้นที่สร้างแผนที่ขึ้นมา เพื่อใช้ในการล่าของฮันเตอร์ในกิลด์เทพศาสตราวุธในอนาคต

กลุ่มบริษัทและพวกเขาเดินทางแยกออกมาจากหน้าประตูราว ๆ 500 เมตร ซึ่งค่อนข้างไกลกว่ากลุ่มอื่น ๆ มาก แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะระยะใกล้ ๆ นั้นถูกคนอื่นพากันแย่งตรวจสอบไปแล้ว

พลังจากเลือกสถานที่ได้พวกเขาก็ตั้งตรงนี้เป็นจุดศูนย์กลางการตรวจสอบ การทำแบบนี้จะช่วยในการกำหนดขอบเขตเป็นพื้นที่ได้ ช่วยให้ไม่พลาดสิ่งใดไป

ในกลุ่มบริษัททุกคนเป็นเหนือมนุษย์กันและนอกจากนั้นยังมีบางคนที่เป็นนักวิจัยด้วย คนพวกนี้คือแกนหลังสำคัญในการเข้ามาเก็บตัวอย่างพืชในโลกยุคโบราณนี้

นักวิจัยเปิดใช้งานช่องเก็บของมิติเอาเครื่องมือที่ราวกับอุปกรณ์บางอย่างออกมา

“มันคืออะไร?” ลุคถามด้วยความสนใจ นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“เครื่องอ่านค่าพลังงาน ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือสิ่งมีชีวิตมีพลังงานหลายชนิด พลังงานต่างมิติคือหนึ่งในนั้น เครื่องนี้สามารถแยกพลังงานเหล่านั้นและอ่านออกมาเป็นตัวเลขได้ ช่วยให้ค้นหาพืชที่มีค่าบางชนิดไปแบบคร่าว ๆ” อัลเบิร์ตอธิบายสั้น ๆ

“เครื่องนี่คงไม่ใช่อุปกรณ์ไฟฟ้าสินะ”

“ใช่ อุปกรณ์ไฟฟ้าใช้งานที่นี่ไม่ได้ มันเป็นเครื่องตรวจจับที่ใช้เทคโนโลยีโลกต่างมิติที่อาศัยพลังงานต่างมิติ คล้ายกับแหวนเครือข่ายไกอา จึงไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังงาน แต่ว่าก็มีเครื่องแบบนี้ไม่มาก” อัลเบิร์ตตอบอย่างไม่ปิดบัง

ลุคพยักหน้าเข้าใจ เครื่องแบบนี้น่าจะเป็นอุปกรณ์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่แปลกที่จะมีไม่มาก และจากท่าทีของพวกเขาแล้วระวังการใช้งานเครื่องนี้อยู่ไม่น้อย แสดงว่ามันต้องมีค่ามาก

อัลเบิร์ตสั่งให้คนเริ่มเดินเครื่อง หลังจากนั้นเครื่องก็เริ่มสแกนต้นไม้โดยรอบอย่างเชื่องช้า แต่นักวิจัยกลับยืนดูอย่างใจเย็น ขณะที่แววตาก็มองหน้าจอและเผยความตื่นตะลึงออกมาบ้างเป็นครั้งคราว

ส่วนคนอื่น ๆ ก็เริ่มเก็บตัวอย่างตามคำสั่งของอัลเบิร์ต ในระยะแค่ 50 เมตรพวกเขาก็ง่วนอยู่กับการก้มหน้าใช้คีมคีบชิ้นส่วนต้นไม้นั้นต้นหญ้านี้ไม่หยุด แต่ลุคก็ค่อนข้างสนใจพืชพวกนี้ เนื่องจากมันดูใหญ่โตและดูมีชีวิตชีวามาก

“เราจอของดีเข้าแล้ว” หนึ่งในนักวิจัยรีบเรียกอัลเบิร์ตให้ไปดูที่หน้าจอ ก่อนจะชี้ไปที่ใต้ดินตรงโคลนต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงราว ๆ 1 เมตร ใบหน้ามันราวกับสาหร่ายที่ลู่ไปกับพื้น

“เก็บตัวอย่างมันมา” อัลเบิร์ตสั่งการ

นักวิจัยสองคนเดินเข้าไป ก่อนที่จะนั่งลง แต่พริบตาที่แตะโดนต้นไม้อยู่ ๆ ใบของมันก็เคลื่อนไหวและโจมตีใส่ทั้งสองคน ใบที่เหลือสาหร่ายมัดพันทั้งตัวจนยากจะดิ้นหลุดได้

ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะตอบสนองแบบนี้ เหนือมนุษย์ระดับ C 5 คนเคลื่อนไหวในทันที พร้อมกับดาบยาวตัดใส่ต้นไม้นั้นจนใบพวกมันขาด

พืชต้นนั้นรีบใช้ใบอื่นโจมตีใส่เรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็โดนตัดใบจนหมด ก่อนที่อัลเบิร์ตจะสั่งให้คนขุดมันขึ้นมาเลยเห็นว่ารากของมันนั้นเป็นสีดำสนิทคล้ายกับผิวหนังมนุษย์ ส่วนโคลนใบที่โดนตัดก็เริ่มมีการใบออกมาใหม่

“เก็บตัวอย่างไปให้หมดนี่เป็นหนึ่งในพืชที่แตกตัวได้เร็วเซลล์ของมันคุ่มค่าในการนำกลับไปวิจัย” อัลเบิร์ตพูดกับของตัวเอง

ลุคในตอนนี้เบิกตากว้างมองดูต้นไม้นั้นด้วยความสนใจ เขาลองใช้สารานุกรมพืชสมุนไพรที่ปลดล็อกทุกระดับแล้วตรวจสอบดูก็ไม่พบว่านี่คือพืชสมุนไพรอะไร นั้นหมายความว่ามันคือพืชสมุนไพรชนิดใหม่

“ยังไม่ทันไรพวกเขาก็เก็บเกี่ยวกันได้แล้ว” ลุคกล่าวขึ้นมาพลางถอนหายใจและคิดว่าเขาจะเรียนปรุงยาดูไหมอาจจะมีความรู้และวิจัยเกี่ยวกับพวกพืชสมุนไพรได้บ้าง แบบนั้นคงทำเงินได้ไม่น้อย

แต่พอคิดดูเขาก็ส่ายหัว มันเสียเวลามากเกินไปและรู้ว่าเขาก็ไม่ได้หัวดีด้วย เลยไม่เหมาะในการเป็นนักปรุงยา

หลังจากดูพวกเขาสักพักลุคพบว่าเซล่าและริโอน่าหายไป ก่อนจะเห็นว่าทั้งสองอยู่ห่างไปราว ๆ 50 เมตรกำลังนั่งยอง ๆ และตรวจสอบหินขนาดใหญ่ประมาณ 2 เมตรก้อนหนึ่งอยู่ โดยในมือของทั้งสองมีแท่งทรงกระบอกยาวราว ๆ 1 ศอกได้จ่อไปที่ตัวก้อนหิน

เขากระโดดตามไปดูอย่างสน ก่อนจะเข้าไปถามทั้งสองคน

“กำลังทำอะไรกันอยู่”

“กำลังใช้เครื่องมืออ่านค่าส่วนประกอบของหินอยู่” ริโอน่าหันมากล่าวแทน

“ได้อะไรไหม?”

“ได้ หินพวกนี้ถูกหล่อเลี้ยงไปด้วยพลังงานทำให้ตัวมันเองก็เป็นวัตถุดิบระดับสูงเลย”

“สูงแค่ไหน?”

“ก็ถ้าเอามาไปทำโล่หรือดาบหินก็สามารถจัดเป็นอุปกรณ์พิเศษระดับ F คุณภาพ 3 ดาวได้เลย”

ลุคได้ยินก็อึ้งไปในทันที หินพวกนี้มีเกลื่อนทั้งพื้นที่แถวนี้ แต่มันกลับสามารถเอาสามารถเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์พิเศษระดับ F 3 ดาวได้เลย

ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าโลกมนุษย์ช่างขาดแคลนวัตถุดิบที่ทรงพลังมากนัก เพราะดูอย่างโลกใบนี้ ขนาดแค่หินพวกนี้ยังสามารถเอาไปสร้างของระดับ F ได้เลย

“แต่ว่ามันก็มีข้อเสียคือน้ำหนักที่มากเกินและเทอะทะมากไป คงมีไม่มีกี่คนที่สนใจอาวุธหนักแบบนี้” เซล่ากล่าวเสริม

‘ถ้าขนพวกมันไปทำพื้นหินที่ตึกกิลด์คงจะดีไม่น้อย’ ลุคคิดเล่น ๆ แต่พอคิดดูแล้วก็น่าสนใจ เขาเลยเสนอความคิดของตัวเองออกมา “ใช้มันทำพื้นห้องฝึกฝนได้ไหม ยิ่งมีปริมาณมากน่าจะเหมาะด้วย”

สองสาวหันมามองหน้าลุคพร้อม ๆ

“นี่...พวกเรายังไม่คิดถึงขนาดนั้น แต่ว่าก็น่าจะได้” เซล่ากล่าว แต่ยิ่งคิดถึงความเป็นได้แววตาเธอก็เป็นประกายมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่เหมาะเอามาสร้างอาวุธ แต่จะทิ้งไปเฉย ๆ ก็น่าเสียดายความทนทานของพวกมัน สามารถเอามาทำพื้นหินสำหรับพวกสนามประลองหรือห้องฝึกฝนให้กับพวกกิลด์ต่าง ๆ ก็ทำให้หินพวกนี้แสดงมูลค่าของมันออกมาได้อย่างเต็มที่

เพราะพวกมันไม่ต้องทำอะไร แต่รองรับพลังทำลายสูง ๆ ได้ก็พอแล้ว

“ที่จริงฉันว่ามันยังเหมาะกับอีกอย่างด้วย อย่างเช่นหัวกระสุนปืน แต่คงต้องไปปรับกันอีกหน่อย”

“ความคิดคุณสุดยอดมาก”

“คุณหนู เราหาพวกมันเพิ่มกันเถอะ”

“อืม”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยด้วย”

พวกเขาช่วยกันค้นหาจำนวนหินที่นี่ตลอดทั้งวันและพบว่าหินแบบนี้แทบจะหาพบได้ทั่วทั้งป่า ก่อนจะทำแผนที่ของป่าหินแห่งนี้ไว้ก่อน มูลค่าของหินพวกนี้มากมายมหาศาลนัก โดยเฉพาะถ้าเอาพวกมันมาทำแบบที่ลุคบอก

...

พวกเขาตรวจสอบช่วงเวลาของที่ ก่อนจะพบว่าโลกใบนี้มีเวลาใกล้เพียงกับโลกมนุษย์อยู่ที่ 24 ชั่วโมง 30 นาที ตอนที่เข้ามาในโลกนี้พวกเขาเข้ามาตอนเช้า แต่เวลาเริ่มจะถึงช่วงเย็นแล้ว

ไม่มีใครประมาททุกคนวางแผนจะกลับไปรวมกันคลื่นอื่น ๆ ก่อน

คนอื่น ๆ คิดแบบเดียวกันพวกเขาไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรตอนกลางคืนเลยกลับมาที่นี่ ทุกคนเริ่มหาที่ว่างที่กว้างพอให้กลางเต็นท์นอนพักกัน แต่ว่าในช่วงเย็นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะตกก็มีการโจมตีจากฝูงมอนสเตอร์

“ระวังมีมอนสเตอร์มาจากด้านบนต้นไม้” นายทหารที่ค้นพบรีบแจ้งเตือนทุกคน

ทุกคนต่างเงยหน้ามองไปยังด้านบนของต้นไม้ พวกเขาก็พบว่ามีมอนสเตอร์บางอย่างกำลังกระโดดไปตามกิ่งไม้

“เครื่องตรวจจับบอกว่ามันเป็นมอนสเตอร์ที่คล้ายกับมอนสเตอร์จำพวกทากดูดเลือดถึง 74% ขนาดตัวประมาณ 2-5 เมตรระดับพลังอยู่ที่ระดับ B – E” เจ้าหน้าที่ทหารรีบเปิดเครื่องสแกนพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เฝ้าระวังที่ติดตั้งไว้รอบ ๆ ที่นี่

“มีกันกี่ตัว” กุสตาฟถามขึ้น

“ประมาณ 3-400 ครับ”

“มากขนาดนี้เชียว” อีคอนขมวดคิ้วในทันที

“พวกเรา 5 คนรับมือพวกตัวระดับ B สั่นพวกที่เหลือสั่งให้ทุกคนฆ่าพวกมันให้หมด ใช้อาวุธหนักได้เลย” กุสตาฟกล่าวอย่างเด็ดขาด

สัญญาณเตือนเหนือมนุษย์ทุกคนที่กระจายกันอยู่รอบ ๆ ที่พัก

“สัญญาณเตือนมีมอนสเตอร์โจมตี” ลุครีบดีดตัวลุคขึ้นอย่างระวังสิ่งแรกที่ทำคือถอยไปหาพวกทหาร เพราะพวกนี้มีระดับ B อยู่และยังมีอาวุธหนักด้วย

เซล่าและริโอน่าตอบสนองตามลุคทันที ถึงพวกเขาเชื่อว่าจะจัดการได้ แต่ก็ไม่ควรประมาทและดูสถานการณ์ไปก่อน พร้อมทั้งเก็บพลังในร่างไว้ด้วย

“เป็นมอนสเตอร์อะไร” เซล่าถามอย่างระวัง

“คุณหนู พวกมันเหมือนตัวทากดูดเลือด ใช้การดีดตัวเพื่อเคลื่อนไหวไปบนต้นไม้ คุณหนูระวังไว้ด้วยในหมู่พวกมันมีตัวที่แข็งแกร่งมากอยู่ด้วย” ริโอน่ากล่าว

ลุคมองอย่างตื่นตัว ตอนนั้นพวกทหารก็สาดกระสุนปืนและอาวุธหนักไปยังทากดูดเลือดบนต้นไม้ พวกระดับ E พากันโดยยิ่งร่วงตกลงมาจากต้นไม้ แต่พวกมันก็ยังไม่ตายจึงไล่โจมตีคนอื่น ๆ

การโจมตีของทากดูดเลือดพวกนี้ค่อนข้างน่าตกอยู่ไม่น้อย มันใช้วิธีการตั้งตัวตรงและยิงกระสุนที่สร้างมาจากโลหิตซึ่งจับกันแข็งตัวจนทานไม่ต่างจากโลหะพิเศษ แถมตอนยิงกระสุนโลหิตที่ออกมาจากปากก็ยังมีเสียงดังไม่ต่างจากกระสุนปืนอีกด้วย

ปัง! ๆ ๆ

ทุกคนตื่นตกใจมากที่เจอกับมอนสเตอร์ที่มีความสามารถโจมตีระยะไกลที่คล้ายกับอาวุธปืนแบบนี้เป็นครั้งแรก

“หลบเร็ว!” ริโอน่าคว้าตัวของเซล่าไปหลบหลังก่อนหิน

ลุคเองก็ไม่ได้ช้าไปกว่ากัน เขาเห็นถึงการโจมตีและพวกเหนือมนุษย์ที่อยู่ด้านหน้าสุดโดนกระสุนโลหิตก็ไปหลบหลังต้นไม้แล้ว

ปัง! ๆ ๆ ๆ

กระสุนโลหิตยิ่งอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงจากแค่พวกตัวที่ตกลงมาเท่านั้น แต่มาจากตัวที่อยู่บนต้นไม้ด้วย ทำให้พวกทีมสำรวจนั้นเสียเปรียบในเรื่องของตำแหน่งในทันที เพราะมุมมองในการยิงของพวกมันนั้นกว้างกว่ามาก

ถึงอย่างนั้นฝ่ายของทีมสำรวจก็มีระดับ B 5 คนบินขึ้นไปบนฟ้าด้วยอุปกรณ์ที่ต่างกันออกไป เพื่อฆ่าพวกมัน

อีคอนขยายร่างขนาดใหญ่ ก่อนจะใช้ความแข็งแกร่งกระโดดไต่ไปตามต้นไม้ราวกับลิงยักษ์ ก่อนจะทุบพวกมันจนเลอะคาต้นไม้ แถมด้วยความร่างใหญ่ของพลังพรสวรรค์ไททัน ทำให้ความทนทานต่อกระสุนโลหิตได้

มีระดับ B อีกคนที่มีพลังพรสวรรค์เดินชมเมฆ เป็นพรสวรรค์ที่ทำให้เดินในอากาศได้ ลุคเคยได้ยินมันมาก่อน เพราะนี่เป็นพลังพรสวรรค์ของผู้อำนวยการสำนักงานเหนือมนุษย์เมืองใกล้ ๆ ของเมืองปลายฝนที่ชื่อว่า ฟินก้า ชายคนนี้วิ่งบนอากาศไม่ต่างจากพื้นดินและฆ่ามอนสเตอร์ทากดูดเลือดพวกนั้นด้วยดาบยาวสองมือได้อย่างง่ายดาย

ก่อนที่อีคอนและฟินก้าเป็นระดับ B สองคนที่เปิดใช้พลังพรสวรรค์และกำลังรบหลักในการจัดการกับทากดูดเลือดระดับ B

ส่วนอีกสามคนก็อาศัยพลังกายและชุดเกราะต้านแรงโน้มถ่วงรุ่นใหม่ ซึ่งทำงานหลักการเดียวกับยานเหาะ แค่ย่อส่วนทั้งขนาดและกำลังขับเคลื่อนลงมา พวกเขาอาศัยพลังกายผสานกับเครื่องบินไปฆ่าพวกมันตรง ๆ

ไม่รู้ว่าทั้งสามไม่มีพลังพรสวรรค์หรือเพราะมีแค่ไม่คิดจะใช้กันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไหนสะถานการณ์ก็กลับมาอยู่ในการควบคุมอย่างรวดเร็ว

“ต้องฆ่าพวกมัน” ลุคสนใจไอเทมที่มอนสเตอร์พวกนี้

“ฉันจะไปทางขวา” เซล่ากล่าว ก่อนจะกระโจนออกไป ตอนนี้ทุกคนกำลังรับมือกับมอนสเตอร์ทากดูดเลือดฝูงนี้อยู่ พวกเขาก็ไม่สามารถเอาแต่หลบได้

ริโอน่าไม่กล่าวมาก เธอรีบตามไปเซล่าไป เพราะเธอมีหน้าที่ในการปกป้องคุณหนู ส่วนลุคเขาเห็นแบบนั้นก็ไปทางขวา ซึ่งใกล้กับใจกลางค่อนข้างมาก และมีมอนสเตอร์ทากดูดเลือดตกลงมาเยอะมาก แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นแค่พวกระดับ D เท่านั้น จึงเหมาะในการที่จะให้เขาสู้ด้วย

“ถือเป็นการทดสอบพลังระดับ D ไปด้วยแล้วกัน” ลุคทะยานร่างใส่มอนสเตอร์ทากดูดเลือดตัวที่ใกล้ที่สุดในทันที

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด