ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 803 การมาของติงเยว่
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 803 การมาของติงเยว่
ความแตกต่างของกาลเวลายังคงถูกปรับปรุง ตอนนี้ หนึ่งปีในโลกตะวันสวรรค์เทียบเท่ากับหนึ่งพันปีในความโกลาหล
ความโกลาหลยังคงจมอยู่ใต้โลกตะวันสวรรค์
ต้นกำเนิดของโลกหยินและหยางได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีสังสารวัฏก็ตาม
ร่องรอยของกฎแห่งเต๋าสวรรค์ได้เริ่มขยายไปยังโลกตะวันสวรรค์ ซึ่งประกอบด้วยกฎแห่งสังสารวัฏของเต๋าสวรรค์
ในอาณาเขตแห่งความว่างเปล่า มีร่างชุดดำปรากฏขึ้นนอกความโกลาหล
เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมกลิ่นอายของตนและระวังสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทิศทางที่โลกตะวันสวรรค์อยู่
เขากลัวที่จะถูกค้นพบหรือถูกโจมตี
เมื่อมองดูความโกลาหลที่ผสานเข้ากับโลกตะวันสวรรค์และค่อย ๆ จมอยู่ใต้โลกตะวันสวรรค์ เขาก็ขมวดคิ้ว
ไม่มีอะไรอยู่ที่ชายขอบของความโกลาหล
เขาตรวจสอบอย่างระมัดระวังและไม่พบหัวยักษ์ที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้
เป็นไปได้หรือไม่ที่หัวยักษ์ถูกปกคลุมโดยความโกลาหล?
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็บินอย่างระมัดระวังไปที่ปลายขอบของความโกลาหล
ความโกลาหลแห่งใหม่คืออะไร?
เขาอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
ความโกลาหลอยู่ภายใต้การควบคุมของเซวียนฉิว ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตราย
ฮ่าวน่าจะควบคุมความโกลาหลได้น้อยลงใช่หรือไม่?
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเอง เขาควรจะสามารถเข้าสู่ความโกลาหลอย่างเงียบ ๆ และตรวจสอบได้ เลี่ยเทียนน่าจะอยู่ในความโกลาหล
เขาสามารถเข้ามาอย่างเงียบ ๆ และพาอีกฝ่ายกลับไปได้
ด้วยความคิดนั้น ร่างชุดดำก็ก้าวเข้าสู่ความโกลาหล
ในเต๋าสวรรค์ ติงเยว่นั่งสมาธิ กลิ่นอายแผ่วเบาจากเต๋าแห่งกระบี่ของเขาเล็ดลอดออกมาจากร่างกาย
ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น
กระบี่พุ่งเข้าที่ปลายขอบแห่งความโกลาหล
“ใครกล้าก้าวก่ายความโกลาหล!”
เฮยเยว่และคนอื่น ๆ ปรากฏตัวขึ้น
มีคนเข้าสู่ความโกลาหลหรือ?
ตู้ม!
กระบี่แทงออกมาจากความโกลาหล
ชายชุดดำตกใจมาก
มีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเหนือสูงสุดในความโกลาหลจริงหรือ?
เขาประเคนหมัดเพื่อตอบโต้การโจมตีจากกระบี่ แสงสีดำกระจายไปทั่วอากาศ
“เบี้ยของฮ่าวหรือ?”
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดเจ้าถึงบุกรุกเข้ามาในความโกลาหล นี่คืออาณาเขตของสำนักเร้นลับ!”
ร่างของติงเยว่ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบของความโกลาหล กลิ่นอายของเขาเฉียบคมและเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
ชายชุดดำตกใจมาก ช่างเป็นเต๋าแห่งกระบี่ที่ทรงพลังยิ่งนัก!
เขารู้สึกกดดันมาก!
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ความโกลาหลกลายเป็นอาณาเขตของสำนักเร้นลับตั้งแต่เมื่อใด?
นี่เป็นขุมอำนาจที่ฮ่าวเลี้ยงดูมาเพื่อควบคุมความโกลาหลหรือไม่?
“ข้ามาที่นี่เพื่อหาใครบางคน ข้าจะไปทันทีหลังจากที่พบเขา”
เจตนาดาบของติงเยว่เป็นเหมือนสายรุ้ง เจตนาสังหารของเขาก็พุ่งเข้ามาวนรอบตัวเขา
“เจ้ากำลังมองหาใคร?”
“เลี่ยเทียน!”
“ข้าไม่รู้จักเขา ไม่มีคนชื่อนี้อยู่ในความโกลาหล!”
ติงเยว่ขมวดคิ้ว
ชายชุดดำเงียบไป
“เขาเป็นหัวยักษ์ที่เคยอยู่นอกความโกลาหล เจ้าเคยเห็นเขามาก่อนหรือไม่?”
ชายชุดดำถาม
“เจ้าเป็นคนแรกที่เข้าสู่ความโกลาหล ต่อหน้าข้า แม้กระทั่งมดก็ไม่เคยมี ไม่ต้องพูดถึงหัวยักษ์นั้นเลย”
ติงเยว่ถือกระบี่ไว้ในมือแล้วก้าวออกจากความโกลาหล
“อย่าสร้างข้ออ้างที่จะรุกรานความโกลาหล เลิกใช้เล่ห์เหลี่ยมแล้วมาสู้กันเถอะ”
เต๋าสูงสุดแห่งกระบี่ของเขากวาดออกไปสู่อาณาเขตแห่งความว่างเปล่า
“ติงเยว่จากสำนักเร้นลับขอรับคำชี้แนะจากเจ้า!”
ชายชุดดำตกใจมาก
ช่างเป็นเต๋าแห่งกระบี่ที่ทรงพลังและบริสุทธิ์อย่างมากมีแนวโน้มว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะคนผู้นี้ได้
“ข้าขอลา!”
ชายชุดดำถอยกลับไป การต่อสู้ที่นี่จะเป็นการเตือนให้ฮ่าวรู้ว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น!
“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ เหตุใดเจ้าจึงรีบออกไป? เอ่ยนามของเจ้ามา!”
ลำแสงกระบี่พุ่งออกไปสู่อาณาเขตแห่งความว่างเปล่า กวาดไปทางชายชุดดำ
ชายชุดดำไม่สนใจที่จะต่อสู้และถอยกลับอย่างรวดเร็ว
ติงเยว่ไล่ตามเขาไปสักพักก่อนที่จะขมวดคิ้วและถอยกลับ
เขามองไปที่ความโกลาหลอันกว้างใหญ่และจากนั้นก็ไปที่โลกตะวันสวรรค์
เขาใช้ตราประทับเต๋าสวรรค์ส่งข้อความถึงเฮยเยว่และคนอื่น ๆ “ข้าจะไปพบท่านอาจารย์ ข้าจะไม่กลับมายังความโกลาหลระยะหนึ่ง”
“ตามที่ท่านต้องการ” เฮ่ยเยว่ตอบ
เนื่องจากติงเยว่ทะลวงคอขวดได้แล้ว นางจึงต้องพยายามทะลวงคอขวดให้เร็วที่สุดเช่นกัน
เต๋าสวรรค์ได้กลายเป็นกฎแห่งปฐมโกลาหล โลกศักดิ์สิทธิ์เป็นโลกอันดับหนึ่งในความโกลาหล และมีโชคชะตามากมาย ในช่วงพันปีที่ผ่านมา มีอัจฉริยะที่ร้ายกาจจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏตัวออกมาจากโลกศักดิ์สิทธิ์
…
ติงเยว่ก้าวเข้าสู่โลกตะวันสวรรค์
หลังจากเข้าสู่โลกตะวันสวรรค์ เขาก็สัมผัสได้ถึงขุมอำนาจลึกลับ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและปกปิดตนเองก่อนที่จะจากไป
ไม่นานหลังจากที่ติงเยว่จากไป ก็มีร่างสองร่างปรากฏขึ้น
“ยอดฝีมือขอบเขตเหนือสูงสุดจากภายนอกเข้ามา”
“พวกเขากลับมาแล้วหรือ?”
“บางทีอาจจะถึงเวลาแล้ว”
“เจ้าและข้ายังจะรอดชีวิตหรือไม่?”
ความเงียบปกคลุมบริเวณโดยรอบ
ยอดฝีมือขอบเขตเหนือสูงสุดสองคนรู้สึกขมขื่น
พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตะวันสวรรค์ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่สามารถควบคุมชีวิตและโชคชะตาของตนเองได้
พวกเขามองขึ้นไปบนฟ้าแล้วถอนหายใจก่อนจะหายไป
เมื่อติงเยว่ก้าวเข้าไปในลานบ้าน เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ราวกับว่าเขาได้กลับมาที่ลานบ้านภายในอาณาเขตของตระกูลฉู่
ตามปกติแล้วฉู่เซวียนมักจะนอนเอนกายบนเก้าอี้
“คารวะท่านอาจารย์!”
ติงเยว่โค้งคำนับอย่างตื่นเต้น
“อืม ไม่เลว!”
ฉู่เซวียนเหลือบมองติงเยว่ แม้ว่าติงเยว่จะเพิ่งบุกทะลวงขอบเขตเหนือสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็แซงหน้าเลี่ยเทียนและชุนหลาน
เต๋าแห่งกระบี่ของเขาบริสุทธิ์อย่างมาก ด้วยสิ่งนี้ที่เป็นรากฐานของเขา อีกไม่นานเขาจะบรรลุขอบเขตเหนือสูงสุดขั้นสูงสุด
ในที่สุดเขาก็สามารถปกป้องศิษย์น้องของตนเองได้ เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
“ติงเยว่ เจ้ามาแล้วหรือ?”
ซูเซียนเอ๋อร์ออกมาจากบ้านไม้ นางดีใจที่ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
“คารวะพี่สาวซู!”
ติงเยว่หัวเราะเบา ๆ
ซูเซียนเอ๋อร์ก็บรรลุขอบเขตเหนือสูงสุดแล้วเช่นกัน
หลังจากตรวจสอบฐานพลังยุทธ์ของนางแล้ว ติงเยว่ก็มีความสุข ความแข็งแกร่งของซูเซียนเอ๋อร์นั้นด้อยกว่าเขา!
ในที่สุดเขาก็เอาชนะทุกคนได้แล้ว
เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในสำนักเร้นลับ!
การมาถึงของติงเยว่ทำให้อี้หลิงหลิงและอีกสามคนตระหนักถึง
พวกเขาทั้งหมดออกมาจากการปิดด่าน
“คารวะศิษย์พี่ใหญ่!”
อี้หลิงหลิงและอีกสามคนรีบโค้งคำนับ
พวกเขาทุกคนเคยได้ยินเกี่ยวกับศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา ติงเยว่
ในแง่ของเต๋าแห่งกระบี่ เขาเป็นอันดับหนึ่ง!
“ไม่เลวเลย พวกเจ้าได้บรรลุขอบเขตเต๋าปฐมกาลแล้ว!”
ติงเยว่มองไปที่ศิษย์น้องและศิษย์น้องหญิงของเขาแล้วพยักหน้า
“เต๋าแห่งกระบี่ของเจ้านั้นไม่มีอะไรผิดผลาด แต่มันยังไม่บริสุทธิ์เพียงพอ” ติงเยว่มองไปที่อี้หลิงหลิงและพูด
“ว่ากันว่าเต๋าแห่งกระบี่ของศิษย์พี่ใหญ่นั้นบริสุทธิ์ที่สุด ศิษย์น้องอยากสัมผัสมัน”
อี้หลิงหลิงกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
“ได้อย่างแน่นอน!”
ติงเยว่พยักหน้า
ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องแสดงความแข็งแกร่งในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเร้นลับ
กลิ่นอายรอบตัวของเขาอ่อนลงทันทีในขณะที่เขาควบคุมฐานพลังยุทธ์จนถึงขอบเขตเต๋าปฐมกาลขั้นต้น
เขาพร้อมที่จะเอาชนะนางด้วยฐานพลังยุทธ์ที่ต่ำกว่า
เมื่อเห็นเช่นนี้ อี้หลิงหลิงก็รู้สึกขุ่นเคือง
ฉู่เซวียนยกมือขึ้นและปิดผนึกฐานพลังยุทธ์ของติงเยว่ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ทำรายอี้หลิงหลิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เอาล่ะ ตามปรารนาของพวกเจ้า”
ด้วยการโบกมือของเขา โลกดูเหมือนจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าติงเยว่และอี้หลิงหลิง มันตัวแยกจากหุบเขาเล็ก ๆ
“ศิษย์น้องเข้าได้มาเลย” ติงเยว่กล่าวอย่างมั่นใจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะลงมือแล้ว!”
อี้หลิงหลิงดูจริงจัง
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไร้ลักษณ์ปรากฏขึ้น และกระพริบไปทางติงเยว่อย่างไม่อาจคาดเดาได้
ติงเยว่ไม่ขยับ แต่ทันใดนั้นเขาก็ชักกระบี่ออกมาและตวัดมันไปข้างหน้า
มันเป็นการโจมตีธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของอี้หลิงหลิง มันเป็นกระบี่ที่ไร้เทียมทานซึ่งดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงการโจมตีที่คาดเดาไม่ได้ทั้งหมดของนาง
มันมุ่งเป้าไปที่จุดสำคัญจากวิชาของนาง!
หัวใจของนางสั่นเทา
แข็งแกร่งมาก!
ร่างกายของนางกลายเป็นภาพมายา
ติงเยว่ก้าวไปข้างหน้าและตวัดกระบี่อย่างธรรมดาอีกครา
เสวี่ยผิง ฉีเล่อร์ และฉู่หยู่เฝ้าดูโดยไม่กระพริบตา
กระบี่ของติงเยว่อยู่ห่างจากหัวใจของอี้หลิงหลิงเพียงไม่กี่ชุ่น
ผู้ชนะถูกตัดสินแล้ว
ฉู่เซวียนโบกมือและนำผนึกจากร่างติงเยว่ออก
“ในแง่ความบริสุทธิ์ของเต๋าแห่งกระบี่ ติงเยว่เป็นท่หนึ่งง” เขาพูดกับอี้หลิงหลิงซึ่งยังคงมึนงง
“แม้ว่าเจ้าจะมีฝีมือในเต๋าแห่งกระบี่ แต่เจ้าก็ยังอ่อนกว่าเขา”
“พรสวรรค์ของเจ้าไม่ใช่เพียงแค่เต๋าแห่งกระบี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกายาพิเศษของเจ้าอีกด้วย!”
“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะเจ้าค่ะท่านอาจารย์”
อี้หลิงหลิงโค้งคำนับ
“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะศิษย์พี่ใหญ่!”
นางคำนับให้ติงเยว่
ติงเยว่พยักหน้าและพูดว่า “หากเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับเต๋าแห่งกระบี่ เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
ในสำนักสำนักเร้นลับ นอกเหนือจากฉู่เซวียน ติงเยว่เป็นอันดับหนึ่งในแง่เต๋าแห่งกระบี่
เลี่ยเทียนและชุนหลานออกมาจากศาลาคัมภีร์เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ศิษย์คนโตของฉู่เซวียนมาถึงแล้ว และพวกเขาก็อยากรู้มากเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของศิษย์ผู้นี้
ติงเยว่ตกตะลึงเมื่อเห็นเลี่ยเทียน
นี่อาจเป็นบุคคลที่ชายชุดดำตามหาใช่หรือไม่?
สีหน้าของเลี่ยเทียนและชุนหลานเคร่งขรึม พวกเขาสามารถบอกได้ว่าติงเยว่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา!
ศิษย์คนโตของสำนักสำนักเร้นลับเป็นยอดฝีมือขอบเขตเหนือสูงสุด!
“ท่านคือเลี่ยเทียน?” ติงเยว่ถาม
“ข้าเอง” เลี่ยเทียนตอบด้วยความตกใจเล็กน้อย
ติงเยว่มองไปที่ฉู่เซวียนแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ มีชายชุดดำคนหนึ่ง...”