บทที่ 27 คำนวนคะแนนการช่วยเหลือ
บทที่ 27 คำนวนคะแนนการช่วยเหลือ
เจียงเฉิงซวนไม่ทราบคำตอบเป็นธรรมดา
เห็นได้ชัดว่าซงหวันเถาก็ไม่ได้คาดหวังให้เขารู้คำตอบเช่นกัน
ซงหวันเถาตอบว่า “เท่าที่ข้ารู้ คลื่นของสัตว์อสูรจะเกิดขึ้นทุก ๆ 200 ปีในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมา มันอาจจะนานกว่านั้นก็ได้
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกครั้งในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูร จริงๆ แล้วมนุษย์เราเสียเปรียบอย่างมาก
แม้ข้าไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่นอน แต่เท่าที่ข้ารู้ ตอนนี้อาณาเขตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรานั้นลดลงเหลือเกือบหนึ่งในสี่น้อยของเมื่อหลายพันปีก่อน
ลองคิดดูสิ เนื่องจากคลื่นของสัตว์อสูรเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นิกายระดับแก่นทองคำเช่นนิกายเจียงหยางจะสามารถสะสมทรัพยากรได้มากเพียงใด
หากสำนักเจียงหยางยังเป็นเช่นนี้ นิกายระดับแก่งทองคำอื่นๆ ย่อมไม่ได้ดีไปกว่านี้มากนัก
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่ว่านิกายระดับสูงเช่นนิกายเจียงหยาง และแม้แต่นิกายระดับวิญญาณแรกกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่เต็มใจที่จะจัดหาเสบียงบรรเทาทุกข์ให้กับเรา แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้จริงๆ”
คำพูดของซงหวันเถาทำให้ใจของเจียงเฉิงซวนตกลงไปที่ตาตุ่ม
เขาไม่คาดคิดว่าสถานการณ์ในโลกการบ่มเพาะของมนุษย์จะเต็มไปด้วยความอันตรายอย่างนี้
หากสิ่งนี้เป็นจริง ในอนาคตเขาจะบ่มเพาะอย่างสงบสุขได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น จากสิ่งที่เขารู้ ศัตรูของพวกเขาดูเหมือนจะไม่ใช่แค่การคลื่นของสัตว์อสูรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ฝึกตนปีศาจที่มีอยู่ทุกที่ด้วยการที่
คนเหล่านี้ฝึกฝนผ่านการปล้นและการฆ่าเป็นหลัก
ทำให้พวกเขามักจะฝึกฝนเทคนิคที่ชั่วร้าย แม้กระทั่งสังเวยมนุษย์หลายแสนคนเพื่อทำพิธีกรรมบางอย่าง
อาจกล่าวได้ว่าไม่ว่าพวกเขาจะไปปรากฏตัวที่ไหน พวกมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมะเช่นพวกเขาประจำการอยู่ในเมืองมนุษย์ตลอดทั้งปี มนุษย์ธรรมดาจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกนี้อย่างแน่นอน
ในขณะนี้ เจียงเฉิงซวนรู้สึกถึงความเร่งด่วนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในโลกนี้ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
หากเจ้าไม่มีกำลัง เจ้าก็จะกลายเป็นเครื่องสังเวยและเป็นทัพหน้าที่ส่งไปตายก่อน
เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะอยู่ในที่แห่งเดียวและไม่ยุ่งย่ามกับโลกภายนอก
เพราะแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ยั่วยุผู้อื่น คนอื่นก็จะยั่วยุเจ้า
ดังสุภาษิตที่ว่าเมื่อรังพลิกกลับด้านก็จะไม่มีไข่ที่สมบูรณ์
หากผู้ฝึกตนที่เป็นมนุษย์พ่ายแพ้ต่อคลื่นสัตว์อสูรในอนาคตหรือผู้ฝึกตนปีศาจเข้ายึดครองโลกแห่งการบ่มเพาะทั้งหมดได้ แม้ว่าเจ้าจะโชคดีพอที่จะมีชีวิตรอดได้ เจ้าก็จะไม่มีช่วงเวลาที่ดีอย่างแน่นอน
เจียงเฉิงซวนได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อเขากลับไปในครั้งนี้ เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองในทุกวิถีทาง
ยิ่งเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
ด้วยวิธีนี้ เมื่อคลื่นของสัตว์อสูรปะทุขึ้นในอีกหลายทศวรรษต่อมา เขาจะมีความหวังในการมีชีวิตรอดมากขึ้น
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็หยุดพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่จริงจังนี้และเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอื่น
และเวลาห้าวันก็ผ่านไปในพริบตา
เช้าวันที่หก
ทันใดนั้นแสงสามเส้นก็แวบมาจากท้องฟ้าอันห่างไกล
เมื่อแสงเข้ามาใกล้ ผู้คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเจียงเฉิงซวนและซงหวันเถา ได้แก่เฉินหรู่หยาน ซูเฉียนเหอ และเฉินเต้าเฟิง
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายทักทายกัน
เฉินหรู่หยานกล่าวว่า “ผู้อาวุโสซง ต่อไปผู้อาวุโสซูจะติดตั้งค่ายกลป้องกันระดับ 2 ขั้นกลางที่นี่ จากนี้ไปพี่ชายของข้าจะประจำการอยู่ที่นี่
ในระหว่างนี้ ข้าจะต้องรบกวนท่านและพี่ชายของข้าในการร่วมมือกับผู้อาวุโสซธ
หลังจากติดตั้งค่ายกลแล้ว ท่านสามารถกลับไปได้ด้วยตัวเอง
สำหรับผู้อาวุโสเจียง ข้าต้องพาเขากลับมา เขาจะไม่อยู่ที่นี่ในขณะนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินหรู่หยาน ซงหวันเถาก็ยิ้มออกมาและพยักหน้าทันที
"ไม่มีปัญหา พาพี่เจียงกลับไปก่อนเถอะ ข้าและเต้าเฟิงอยู่ที่นี่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
เฉินหรู่หยานมองไปที่เจียงเฉิงซวนแล้วพูดว่า
"ผู้อาวุโสเจียงถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ"
"ตกลง!"
เจียงเฉิงซวนพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปหาซงหวันเถา ซูเฉียนเหอ และกำหมัดไปทางพวกเขา
“พี่ซง ผู้อาวุโสซู และผู้อาวุโสเต้าเฟิง ดูแลตัวเองด้วย”
ด้วยเหตุนี้เจียงเฉิงซวนจึงออกจากเส้นชีพจรวิญญาณระดับ 2 ไว้กับเฉินหรู่หยาน
ระหว่างทางกลับเฉินหรู่หยานยิ้มให้เจียงเฉิงซวน
“ผู้อาวุโสเจียง ดูเหมือนท่านจะเข้ากันได้ดีกับผู้อาวุโสซงในช่วงเวลานี้นะ”
"อืม ก็เริ่มคุ้นเคยกันดี"
เจียงเฉิงซวนยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อ
“ยังไงก็ตาม ผลลัพธ์จากการประชุมของเหล่าผู้อาวุโสเป็นอย่างไรบ้าง?”
ในฐานะผู้อาวุโสรับเชิญเจียงเฉิงซวนก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในการประชุมผู้อาวุโสในตระกูลเฉิน
ดังนั้นเฉินหรู่หยานจึงไม่ลังเลที่จะบอกเขา
“มีผลออกมาแล้ว หลังจากที่ผู้อาวุโสซูติดตั้งค่ายกลป้องกันระดับ 2 ขั้นกลางแล้ว เราจะพยายามเชื่อมต่อสถานที่นี้กับเมืองหุบเขาลึก
ในเวลานั้น เราจะสร้างเมืองการบ่มเพาะระดับ 2 ด้วยวิธีนี้เราจึงสามารถปกป้องทั้งมนุษย์และเส้นชีพจรวิญญาณได้ทั้งสอง”
นี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะค้นพบเส้นชีพจรวิญญาณระดับ 2 และต้นรากจิตวิญญาณระดับ 2 ขั้นต่ำ แต่เมืองหุบเขาลึกซึ่งมีมนุษย์นับหมื่นคนก็ไม่ถูกละเลยได้อย่างแน่นอน
มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ทั้งสองพื้นที่ที่อยู่ใกล้กันจะต้องรวมเข้าด้วยกัน เพื่อง่ายต่อการดูแลและบริหารงาน
มิฉะนั้นหากผู้ฝึกตนปีศาจโจมตีเมืองหุบเขาลึก ผู้คนที่อยู่ในเส้นชีพจรวิญญาณระดับ 2 ควรออกไปช่วยหรือไม่?
หากพวกเขาออกไป ใครจะปกป้องเส้นชีพจรวิญญาณ?
ดังนั้น
วิธีที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดคือการเชื่อมต่อสถานที่ทั้งสองแห่งเข้าด้วยกันและติดตั้งค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ระดับ 2
หากเจียงเฉิงซวนเป็นผู้ตัดสินใจ เขาก็จะเตรียมการแบบเดียวกันนี้อย่างแน่นอน
ณ ตอนนี้
ทั้งสองกำลังจะกลับไปที่ตระกูลเฉินหลัก
ทันใดนั้นเฉินหรู่หยานก็พูดกับเจียงเฉิงซวนว่า “ผู้อาวุโสเจียง คะแนนการช่วยเหลือของเราถูกคำนวนแล้ว
รวมไปถึงรางวัลของภารกิจนี้ด้วย สัตว์อสูรระดับ 2 และระดับ 1 ที่เราฆ่าข้างนอกได้เพิ่มคะแนนการช่วยเหลือตระกูลถึงประมาณ 8,000 คะแนน
ภารกิจนี้มีมูลค่า 1,400 คะแนน เนื่องจากวัสดุส่วนใหญ่ที่ได้รับจากสัตว์อสูรระดับ 1 เหล่านั้นได้รับความเสียหายเสียส่วนใหญ่ คะแนนการช่วยเหลือที่พวกเราได้จากพวกมันจึงอยู่ที่ประมาณ 1,200 คะแนน
และซากศพของแมงป่องอสรพิษเพลิงสีชาดอีกสามตัวมีมูลค่าประมาณ 3,000 คะแนน สำหรับซากศพของงูหลามทมิฬระดับ 2 ขั้นสูงนั้นมีมูลค่า 2,400 คะแนนการช่วยเหลือ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจียงเฉิงซวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
คะแนนการช่วยเหลือตระกูลทั้งหมด 8,000 คะแนนถือเป็นจำนวนมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย
ตามแผนการแจกจ่ายที่เขาและเฉินหรู่หยานได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้า เขาจะได้รับคะแนนการช่วยเหลือตระกูล 4,000 คะแนน
หากแลกเป็นหินวิญญาณก็จะเป็น 4,000 ก้อน
หลังจากฝึกฝนมาเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว เจียงเฉิงซวนไม่เคยได้รับความมั่งคั่งจำนวนมากขนาดนี้ในคราวเดียวมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น
นี่เป็นเพียงรางวัลสำหรับการฆ่าสัตว์อสูรเหล่านั้นเท่านั้น ไม่รวมรางวัลสำหรับการค้นพบรากจิตวิญญาณระดับ 2 และเส้นชีพจรวิญญาณระดับ 2