บทที่ 142 หยุนหยานหยู
บทที่ 142 หยุนหยานหยู
“ข้าไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก” หลินเป้ยพูดอย่างใจเย็น
เมื่อเผชิญหน้ากับเฟิงซินหยูที่อยู่ขอบเขตปรมาจารน์นักรบขั้น 7 เขาก็มีความมั่นใจอยู่เช่นกัน
ในตอนนี้ หลินเป้ยได้ฝึกฝนตำราจ้านเทียนเจ๋ (ตำรามหาศึกแห่งสวรรค์) ถึงระดับ 2 แล้ว
เมื่อหลินเป้ยเข้าสู่ขอบเขตนักรบแท้จริง เขาสามารถฝึกฝนนตำราจ้านเทียนเจ๋ระดับ 2 ได้ ทักษะนี้มี 10 ระดับ ซึ่งสอดคล้องกับ 10 ขอบเขตหลักในโลกนี้
นอกเหนือจากการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของปราณจิตวิญญาณ ตำราจ้านเทียนเจ๋ยังช่วยให้เขามีปราณในตันเถียนมากกว่าผู้ที่อยู่ขอบเขตเดียวกัน 20 เท่า
อาจกล่าวได้ว่า หลินเป้ยสามารถต่อสู้ได้เป็นเวลานานมาก ก่อนที่ลมปราณจะหมดลง
ในทำนองเดียวกัน ตำราจ้านเทียนเจ๋ก็มีทักษะลับ ซึ่งก็คือทักษะลับเพิ่มความรุนแรง
ระดับแรก เขาสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้ถึง 2 เท่า รวมถึงใช้ปราณจิตวิญญาณก็เป็น 2 เท่าด้วย
ระดับที่สอง พลังต่อสู้สามารถเพิ่มได้ถึง 4 เท่า ในทำนองเดียวกัน การใช้ปราณจิตวิญญาก็เพิ่มขึ้น เป็น 4 เท่าเช่นกัน
ในระดับที่สาม พลังต่อสู้สามารถเพิ่มได้ 6 เท่า ในแต่ละระดับที่เพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มไปอีก 2 เท่า จากระดับก่อนหน้าไปเรื่อยๆ นั่นเอง
แน่นอนว่าการใช้ทักษะลับเพิ่มความรุนแรงนั้น ต้องการกายเนื้อที่แข็งแกร่ง
มิฉะนั้น ถ้าเขาได้รับพลังที่เกินตัวอย่างกะทันหัน ภาระบนร่างกายก็จะมหาศาล หากร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอ ทักษะนี้อาจทำให้ร่างกายพังทลายลงได้
ทักษะลับเพิ่มความรุนแรงนั้น สามารถปรับได้ด้วยตัวเอง
เขาสามารถปรับเป็น 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่า หรือ 5 เท่า ของพลังการต่อสู้ได้
สำหรับทักษะระดับแรก ขีดจำกัดสูงสุดสามารถปรับได้คือ 2 เท่าของพลังต่อสู้เท่านั้น
ทักษะระดับที่สอง สามารถปรับได้ 4 เท่าของพลังต่อสู้เท่านั้น ซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุด
ในทักษะระดับที่สาม ขีดจำกัดสูงสุดสามารถปรับได้เพียง 6 เท่าของพลังต่อสู้ และอื่นๆ ไปเรื่อยๆ
“ทักษะลับเพิ่มความรุนแรง” หลินเป้ยใช้ทักษะลับ ในเวลานี้ พลังต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทันที
ทันใดนั้น ออร่าปราณของหลินเป้ยก็แข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าระดับพลังยุทธ์ในปัจจุบันของเขาจะยังอยู่ที่ขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 4 เหมือนเดิม
แต่ปราณจิตวิญญาณของหลินเป้ยก็ควบแน่นอย่างบ้าคลั่งในมือของเขา ด้วยการสนับสนุนของปราณจิตวิญญาณ เพลิงโอสถในมือของเขาก็ลุกโชนอย่างรุนแรง เหลวเพลิงสูงขึ้นมากกว่าหนึ่งเมตรในคราวเดียว
เมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของหลินเป้ย เฟิงซินหยูก็รู้สึกกดดันในจิตใจเล็กน้อย ด้วยเหตุผลบางอย่างที่นางเองก็ไม่ทราบ
หากนางรู้สึกกดดันเช่นนี้ นั่นหมายความว่า อีกฝ่ายสามารถคุกคามนางได้
ใบหน้าของเฟิงซินหยูเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม นักรบแท้จริงขั้น 4 จะคุกคามนางให้กดดันได้อย่างไร?
เฟิงซินหยูคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ หลินเป้ยไม่สามารถแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
เหตุที่นางพ่ายแพ้เพราะหลินเป้ยเอาเปรียบนาง ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายใช้แต่วรยุทธและทักษะวิชาเข้าสู้เท่านั้น เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอย่างแน่นอน
ด้วยปราณจิตวิญญาณที่พุ่งสูงขึ้น ทันใดนั้น เพลิงโอสถก็กลายเป็นเชือกเพลิงหลายๆ เส้น และหมุนวนไปรอบๆ ตัวเขา
ปราณจิตวิญญาณรอบๆ หลินเป้ยพุ่งออกมาอย่างดุเดือด สนับสนุนการดำรงอยู่ของเชือกเพลิง
ตอนนี้หลินเป้ยเหมือนเหมือนปรมาจารย์แห่งเปลงเพลิงจริงๆ
“รับไป!” หลินเป้ยแค่นเสียงอย่างเย็นชา และเชือกเพลิงที่อยู่รอบๆ ก็พุ่งตรงไปยังเฟิงซินหยู
เชือกเพลิงหลายเส้นฟาดโจมตีไปที่นาง
“อู๋เซียงตุน(โล่ไร้รูป)” เฟิงซินหยูก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาเช่นกัน
ทันใดนั้น โล่ขนาดยักษ์ที่ประกอบด้วยลมปราณก็ควบแน่นแล้วปรากฏขึ้นต่อหน้าเฟิงซินหยู
นางวางแผนที่จะป้องกันการโจมตีของหลินเป้ย โดยไม่หลบเลี่ยง
อู๋เซียงตุน(โล่ไร้รูป) คือทักษะป้องกันระดับ 3
ในตอนนี้ เชือกเพลิงกระทบกับโล่ยักษ์ที่เฟิงซินหยูควบแน่นอย่างรุนแรง
“ตูม ตูม ตูม ตูม” หลังจากโจมตีโล่ยักษ์แล้ว ลูกไฟก็ระเบิดออกมาทีละลูก
พลังทำลายล้างมหาศาลได้ทำลายโล่ขนาดยักษ์โดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงซินหยูยังรู้สึกสั่นไหวจากแรงกระแทกและถอยกลับไป 7 - 8 ก้าว และเสื้อผ้าของนางก็ถูกเผาไหม้เล็กน้อย
โชคดีที่นางตอบสนองอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นนางอาจได้รับบาดเจ็บได้
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” เฟิงซินหยูตกตะลึง นี่คือทักษะป้องกันระดับ 3 มันไม่สามารถป้องกันการโจมตีหลินเป้ยได้?
“หมัดเปลวเพลิง(เหยียนฮั่วฉวน)” หลินเป้ยรีบพุ่งเข้าไปหาทันที โดยรอบตัวของเขายังมีเชือกเพลิงคอยหมุนวนอยู่ตลอดเวลา เปลวเพลิงในหมัดของเขากำลังลุกไหม้และเต็มไปด้วยความความร้อนอย่างรุนแรง
หลินเป้ยใช้ท่าร่างเงาวิญญาณและมาถึงหน้าเฟิงซินหยูแทบจะในพริบตา
เฟิงซินหยูยังไม่ทันตั้งตัว หมัดเปลวเพลิงนี้ ก็พุ่งเข้ามาที่หน้าอกของนางแล้ว
แต่ปฏิกิริยาของนางก็สมกับเป็นปรามาจารย์นักรบขั้น 7 นางรีบใช้ “ฝ่ามือปิงฟง(ลมน้ำแข็ง)” ป้องกันการโจมตีของหลินเป้ยได้ทันท่วงที
“บูม” ทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง
ลมปราณอันทรงพลังบินออกไปทุกทิศทุกทาง ทำให้หลายคนที่ดูการต่อสู้ต่างตกตะลึง
สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจมากที่สุดคือ พลังการต่อสู้ของหลินเป้ย นี่คือพลังของนักรบแท้จริงขั้น 4 งั้นเหรอ?
“แปดฝ่ามือทรราช(ปาฮ่วงจาง)” หลินเป้ยใช้ทักษะฝ่ามือของเขาอีกครั้ง เพื่อโจมตีเฟิงซินหยู่
“ฝ่ามือจางซิน(ฟ้าร้อง)” เฟิงซินหยูก็ตอบโต้ด้สยฝ่ามือเช่นกัน
การโจมตีระหว่างทั้งสองทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
ในตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า แต่ยังไม่มีใครได้เปรียบใครเลย
ด้วยทักษะลับเพิ่มความรุนแรง ความแข็งแกร่งของหลินเป้ยก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตอนนี้ เขาสามารถต่อสู้กับปรมาจารย์นักรบขั้น 7 ได้อย่างสูสีจริงๆ
และด้วยทักษะบ่มเพาะตำราจ้านเทียนเจ๋(ตำรามหาศึกแห่งสวรรค์) ทำให้ปราณจิตวิญญาณของเขาเหมือนไม่มีวันหมดสิ้น หลินเป้ยออกกระบวนท่าไม่หยุดด้วยความบ้าคลั่งและความสะใจ
ส่วนเฟิงซินหยูก็ไม่ยอมเช่นกัน นางก็ออกกระบวนท่าตีโต้อย่างดุเดือด โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็โต้กันไปโต้กันมา
ทั้งสองต่อสู้กันในระยะประชิด โดยใช้วรยุทธทุกอย่างที่มี แถมทั้งคู่ยังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมาก ทำให้ผู้ชมจำนวนมากไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ปรมาจารย์นักรบบางคนก็กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว สองคนนี้ทรงพลังมาก ถ้าให้พวกเขาขึ้นไปต่อสู้แทน พวกเขาคงจบลงภายในไม่กี่กระบวนท่าแน่นอน
“พลังต่อสู่หลินเป้ยแข็งแกร่งเกินไปแล้ว นี่เขายังเป็นนักรบแท้จริงขั้น 4 อยุ่อีกหรือ?” โจวต้วนรู้สึกเหมือนเขากำลังฝัน เขาไม่เคยเห็นนักรบแท้จริงคนไหนที่ทรงพลังเท่านี้มาก่อน เขาสามารถยืดหยัดสู้กับปรมาจารย์นักรบขั้น 7 ได้อย่างสูสีจริงๆ
ที่สำคัญ เฟิงซินหยูไม่ใช่ปรมาจารย์นักรบธรรมดาๆ นางคืออัจฉริยะและนางย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนระดับเดียวกันอย่างมาก
ในเวลาเดียวกัน หัวใจของโจวต้วนก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร เพียงแค่นักรบแท้จริงเขาก็มีพลังขนาดนี้แล้ว ถ้าหลินเป้ยทะลวงขอบเขตปรมาจารย์นักรบ พวกเขาจะไม่แย่ไปกว่านี้หรอกหรือ?
เพราะงั้น หลินเป้ยถึงต้องตาย!
หากปล่อยให้เติบโต เขาจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่อย่างแน่นอน เราจะต้องกำจัดเขาให้เร็วที่สุด
แน่นอน ตู๋ไคผู้นำสมาคมเงามืดก็มีความคิดแบบเดียวกัน หลินเป้ยผู้นี้ทรงพลังมาก ต้องรีบกำจัดเขาให้เร็วที่สุด ต้องไม่ให้เวลาเขาได้เติบโต!
บูม!
หลินเป้ยและเฟิงซินหยู แลกเปลี่ยนการโจมตีกันอีกครั้ง และทั้งสองฝ่ายก็แยกตัวออกจากกัน
ในเวลานี้ เส้นผมเฟิงซินหยูค่อนข้างยุ่งเหยิง และผมส่วนเล็กๆ ของนางก็ถูกไฟของหลินเป้ยเผา
เฟิงซินหยูถูกโจมตีโดยหลินเป้ยหลายครั้ง เช่นเดียวกัน เขาก็ถูกนางโจมตีกลับด้วยเช่นกัน แต่หลังจากดูอย่างรอบคอบแล้ว เฟิงซินหยูก็มีความได้เปรียบนิดหน่อยจริงๆ
หลินเป้ยไม่ได้พูดอะไร เพลิงโอสถในมือของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็กระโดขึ้นสูงไปบนอากาศ
เนื่องจากการสนับสนุนของปราณจิตวิญญาณของหลินเป้ย เปลวเพลิงยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับลูกบอลไฟลูกใหญ่กลางอากาศ
ในตอนนี้ ปราณจิตวิญญาณจำนวนมากพุ่งออกมาจากร่างกายของหลินเป้ย และถูกส่งไปยังลูกบอลไฟ
“หยุนหยานหยู(ผนเพลิงดาวตก)” หลินเป้ยตะโกนอย่างเย็นชา
ทันทีที่หลินเป้ยพูดจบ ลูกไฟขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็แยกออกจากลูกไฟขนาดใหญ่ และโจมตีบริเวณโดยรอบที่เฟิงซินหยูอยู่โดยตรง
ในตอนนี้ หลินเป้ยได้ปรับทักษะลับเพิ่มความรุนแรงเป็น 3 เท่าของพลังต่อสู้ และความรุนแรงของทักษะต่อสู้ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
หลินเป้ยไม่สามารได้เปรียบเฟิงซินหยูเมื่อสักครู่ ดังนั้นเขาจึงเพิ่มความรุนแรงเป็น 3 เท่าไปเลย
ตอนนี้ หลินเป้ยรู้สึกเหมือนร่างกายเขากำลังจะระเบิด การเพิ่มพลังต่อสู้เป็น 3 เท่า ถือเป็นภาระต่อร่างกายของเขามากเกินไป
แต่เฟิงซินหยูคนนี้ทรงพลังมาก ถ้าเขาไม่ทำสิ่งนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะนาง
พวกเขาแลกเปลี่ยนการเคลื่อนไหวหลายสิบครั้ง แต่เขาไม่สามารถชิงความได้เปรียบจากนางได้เลย
ท้ายที่สุด หลินเป้ยไม่สามารถใช้สิ่งอื่นเพื่อจัดการกับเฟิงซินหยูได้ในตอนนี้ เขาต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น เพื่อเอาชนะนาง!