นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 217 - กลับ
“ถ้าต้องการกำจัดเขาในอนาคต ก็คงจะต้องเป็นนอกเขตพื้นที่ของสถาบันเท่านั้น!” เหมือนโบรแกนเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าศัตรูที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นนั้นอันตรายขนาดไหน ข้อเสนอแนะที่จริงใจหลุดออกมาจากปากหลังจากที่ใคร่ครวญอยู่สักพัก โบรแกนยอมรับออกมาอย่างกลาย ๆ แล้วว่า ฟิลลิดานั้นเหมาะสมกว่าเขาในตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์ของตระกูล
แววตาของฟิลลิดาเป็นประกาย “หืม? หลังจากที่จบจากกิจกรรมในครั้งนี้ ทางสถาบันน่าจะอนุญาตให้นักเรียนใหม่รับภารกิจภายนอกแล้ว อืม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ได้อยู่ในเขตรับผิดชอบของสถาบัน ตระกูลของเราสามารถจัดการกับเจ้าหมอนั่นได้แน่ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือของเฟสเซอร์ระดับ 4-5 ยีนได้แน่” แล้วเธอก็หันไปมองที่โบรแกนด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เลว” พร้อมกับยิ้มออกมา
“หึ!” โบรแกนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวกลับออกจากห้องไป
.............................
เดวิดกับอัลวีใช้เวลามากกว่า 10 นาทีเล็กน้อยเพื่อเดินทางไปถึงจุดหมาย มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ เดวิดเคยผ่านมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 2 วันก่อน แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะมันเป็นแค่พื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีที่หลบซ่อน ไม่มีกล่องอุปกรณ์ไฮเทค และไม่มีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ให้ล่า เขาแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
หลังจากมาถึงที่นี่ เดวิดก็แยกกับอัลวีทันที ปล่อยให้เธอไปทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ส่วนเขาเลือกจุดที่ค่อนข้างจะเงียบสงบนั่งลงพักผ่อน แม้ว่าร่างกายจะยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน แต่จิตใจของเดวิดนั้นอ่อนล้าเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมการแข่งขันนี้มา มันต้องใช้พลังใจและสมาธิอยู่ตลอดเวลา เขาเริ่มรู้สึกอยากจะนอนพักผ่อนให้เต็มอิ่มจริง ๆ สักตื่นแล้ว
ที่จุดรวมพลในตอนนี้เริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีทั้งนักเรียนที่มาถึงที่นี่ก่อนเดวิด และกำลังเริ่มทยอยกันตามมาเรื่อย ๆ คนที่รู้จักกันเริ่มจับกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมถึงมีอีกจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะหามุมพักผ่อนเงียบ ๆ เฝ้ารอเรือเหาะที่จะมารับพวกเขากลับไปที่สถาบัน
เดวิดนั่งอยู่อย่างเงียบสงบ แม้ว่าตั้งใจจะพักผ่อน แต่สายตาก็ยังสอดส่ายมองกวาดเข้าไปในกลุ่มคนอยู่เรื่อย ๆ มันเกิดขึ้นเองโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ สายตามันพยายามมองหาร่าง ๆ หนึ่งที่คุ้นเคยอยู่ อาจจะเป็นเพราะมีผู้คนอยู่มากเกินไป เดวิดมองไม่เห็นเธอเลย
เสียงสัญญานว่ามีข้อความฉุกเฉินดังออกมาจากป้ายประจำตัว เดวิดรีบเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองเพื่อตรวจสอบทันที ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับข้อความในตอนนี้ ดูเหมือนว่านักเรียนทุกคนจะได้รับพร้อมกันทั้งหมด
เพราะมันเป็นแค่การระบุที่นั่งบนเรือเหาะเท่านั้น “หมายเลขที่นั่ง D-46 ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ”
และมันสมกับเป็นข้อความฉุกเฉินจริง ๆ หลังจากที่เขาอ่านข้อความจบแล้ว เสียงหึ่งของเครื่องยนต์ก็เริ่มดังให้ได้ยินมาจากระยะไกล เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบว่าเป็นเรือเหาะจำนวนหนึ่งกำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันลงจอดในพื้นที่โล่งกว้างแห่งนี้ด้วยเวลาไม่ถึงนาทีหลังจากปรากฏตัวออกมาเท่านั้น
ดูเหมือนว่าการเตรียมพร้อมและกำหนดเวลาของสถาบันจะเที่ยงตรงอย่างน่าทึ่ง แต่เดวิดไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาตื่นเต้นอะไร ลุกขึ้นยืนพร้อมกับอ้าปากหาว สายตากวาดหาเรือเหาะที่มีตัวอักษร D ระบุอยู่ที่ลำตัว ก่อนจะมุ่งหน้าเดินขึ้นไปอย่างไม่รอช้า
เขาใช้เวลาไม่นานนักในการหาเก้าอี้หมายเลข 46 พบ เมื่อทิ้งตัวนั่งลงรัดเข็มขัดได้ เดวิดก็หลับตาลงอย่างไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เรือเหาะก็เริ่มสั่นอีกครั้ง เสียงของเครื่องยนต์ขับเคลื่อนคำรามออกมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่มันจะพาเรือเหาะทะยานขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
.............................
ประมาณ 3 ชั่วโมงให้หลัง เสียงเรือเหาะลงจอดดังสนั่นขึ้น พร้อมกับห้องโดยสารที่โยกไปมาเล็กน้อย มันปลุกให้เดวิดรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าการเดินทางกลับครั้งนี้จะไม่มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นตกใจอะไร เขาหลับอย่างสบายตั้งแต่เรือเหาะยังไม่ขึ้นจากพื้นเสียด้วยซ้ำ หลังจากเช็ดน้ำลายออกจากมุมปาก เดวิดมองผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ออกไปด้านนอก ก็พบว่าตัวเองกลับมาถึงสถาบันเรียบร้อยแล้ว
หลังจากลงมาจากเรือเหาะได้แล้ว เดวิดเช็คกล่องข้อความของตัวเองอีกครั้ง เมื่อพบว่ามันไม่มีคำแนะนำอะไรถูกส่งเข้ามาเพิ่มเติม เขาก็ตีความหมายว่าน่าจะกลับไปพักผ่อนได้เลย แต่ก่อนที่เขาจะบอกให้เฮเซลทำการเรียกเรือเหาะสาธารณะให้มารับ สายตาก็ดันกวาดไปเห็นไนฮุนเสียก่อน
“เฮ้! เจ้าคนทรยศ!” เดวิดตะโกนเรียกเสียงดังก้อง
ในตอนแรก ไนฮุนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับเสียงเรียกนี้ ไม่สิ! ที่เขาหันกลับมาไม่ใช่เพราะเสียงเรียกเลย แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่ว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอย่างประสงค์ร้ายมากกว่า และไนฮุนก็หันมาเจอกับสายตาที่ดุร้ายของเดวิดเข้าอย่างจัง
“โอ้! เดวิด! ที่แท้ก็นายนี่เอง” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที พร้อมกับกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาอย่างไม่ลังเล
เดวิดขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเล็กน้อย เมื่อไนฮุนเข้ามาใกล้พอ เขาก็รีบเอ่ยทันที “นายช่วยหุบไอ้รอยยิ้มน่ารังเกียจนี่ลงได้มั้ย?”
“หือ? ทำไมล่ะ?” ไนฮุนขมวดคิ้วบ้างแล้ว
“ไม่ทำไม มันแค่ทำให้นายดูเหมือนคนบ้าโรคจิตเท่านั้นเอง” เสียงของเดวิดนั้นราบเรียบ ก่อนที่เขาจะเริ่มก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อนนัก
ไนฮุนก็เริ่มขยับตามเขาออกมา “จริงเหรอ? ไม่มั้ง! ฉันว่ามันทำให้ฉันดูใสซื่อน่ารักดีออก”
“เฮ้อ! นายเคยเจอคนที่ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่น่ารักเหมือนเด็ก ๆ แต่ทั้งตัวมีแต่กลิ่นเลือด แถมยังปล่อยจิตสังหารออกมาทั่วตัวบ้างมั้ย?” น้ำเสียงของเดวิดกลายเป็นเหยียดหยามแล้ว
“หือ?” ไนฮุนอึ้งไปสักพัก ก่อนที่เขาจะหุบยิ้มลง ใบหน้ากลายเป็นเรียบเฉยเย็นชาคล้ายกับใบหน้าของเดวิดในที่สุด
“ฉันไม่คิดเลยนะว่าจะได้เจอนายอีก นึกว่าตัวเองจะหมดคู่แข่งไปอีกคนแล้วเสียอีก” ไนฮุนเปิดประเด็น
“แล้วที่เห็นฉันยังไม่ตายนี่ นายมีความสุขหรือว่าเสียใจล่ะ?” เดวิดหยุดเท้าลง หันหน้าไปหรี่ตาจ้องมองไนฮุนเขม็ง
“อืม.....? อันที่จริงก็ทั้ง 2 อย่างเลยนะ แต่รู้สึกว่าจะมีความสุขมากกว่านิดนึง” ไนฮุนตอบกลับมาตามตรง
“ถ้านายไม่รอด ฉันจะหาคนคุยเรื่อยเปื่อยอย่างนี้ได้ที่ไหนอีก?” เขายักไหล่เบา ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทั้งคู่เดินต่อกันไปเงียบอีกสักพัก ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ถ้าให้พูดตามตรง นายก็โรคจิตจริง ๆ นั่นแหละ” เดวิดพึมพำ
“มั้ง! ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อ้อ! แล้วนายรอดมาจากเจ้าไก่ระดับสีน้ำตาลนั่นได้ยังไงกัน?” สีหน้าของไนฮุนเต็มไปด้วยความสงสัย
“ก็แค่ฆ่ามัน จะให้ทำยังไงได้อีกล่ะ?” น้ำเสียงของเดวิดนั้นเรียบเฉย ไม่มีแววของการอวดโอ่ภาคภูมิใจใด ๆ ทั้งสิ้น
ตะลึง! ไนฮุนตะลึงจนชะงักเท้าของตัวเองลงไปชั่วครู่ ก่อนจะสาวเท้าตามมาอีกครั้ง
“ฉันว่าแล้ว ผู้สืบทอดสายเลือดระดับสูงอย่างนายต้องมีของดีติดตัวแน่ ๆ แต่ก็คิดแค่ว่ามันน่าจะใช้สำหรับช่วยชีวิตเท่านั้น ใครจะไปคิดว่านายจะมีของระดับสุดยอดติดตัว นี่มันช่วยให้ฆ่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับเฟสเซอร์ได้เลยเหรอ? น่าทึ่งจริง ๆ” ไนฮุนร่ายข้อสรุปของตัวเองออกมายาวเหยียด พร้อมกับส่ายหัวไปมาแบบไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไร
เดวิดแค่เพียงหัวเราะ ไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ เขายังเติมเชื้อเพิ่มเข้าไปอีก “มันก็แค่อุปกรณ์ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว แถมฉันยังไม่สามารถใช้มันได้แล้วอีกด้วย”
“เดี๋ยวนะ! ถ้านายฆ่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ระดับสีน้ำตาลได้ คะแนนการล่าของนาย? นี่แสดงว่าอย่างน้อย ๆ นายต้องอยู่ใน 50 อันดับแรกใช่มั้ย” ไนฮุนกล่าวอย่างสงสัย และเขาไม่ยอมเก็บมันเอาไว้ด้วย
“นายได้อันดับไหนกันแน่?” หลังจากที่เอ่ยถามออกมาตรง ๆ เขาก็เริ่มเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองทันที
“อันดับที่ 1!”
ไนฮุนที่เริ่มขยับมือขึ้นลงเลื่อนรายชื่อในหน้าต่างโฮโลแกรมไปเรื่อย ๆ ตอบรับกลับมาอย่างอัตโนมัติ “อืม! อันดับ 1 ใช่มั้ย...หือ? เดี๋ยว! นายว่าไงนะ?”