ตอนที่ 9 สั่งให้ถอย
มีทรัพยากรมากมายในโต๊ะทรายจักรวรรดิ
มีทั้งทุ่งธัญพืช เหมืองถ่าน เหมืองหินปูน เหมืองเงินและเหมืองเกลือ…(เหมืองเกลือจริงๆน้า ไม่ใช่นาเกลือ)
ทรัพยากรเหล่านี้เดิมเป็นของอาณาจักรโม่ และส่วนใหญ่ก็โดนฝังในดิแดน ไม่มีใครรู้ แต่ เมื่อรวมเข้ากับอาณาจักรเซี่ย มันจึงแสดงในโต๊ะทรายจักรวรรดิ
เมื่อปรากฏในโต๊ะทรายจักรวรรดิ เขาสามารถใช้ความสามารถของโต๊ะทรายเพื่อเอามันมาได้
เหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยากขยายดินแดนเพราะทรัพยากรเหล่านี้
ด้วยทรัพยากร อาณาจักรก็จะแกร่งขึ้น
“มันคือเหมืองถ่านใหญ่ ย้ายมา!’
“เหมืองหินปูนนี่ก็ของดี ย้ายมา!”
“เหมืองเกลือ ย้ายมา!”
“ทุ่งธัญพืชและดินชั้นดี ข้าอยากได้ด้วย ย้ายมา!’
“บ้าจริง มีเหมืองทองใหญ่ด้วย มูลค่ากว่าสิบล้านตำลึง ย้าย!’
“มันเป็นของข้าหมดเลย ย้ายมาให้หมด ฮี่ๆ!’
..
หลินเป่ยฟานพอใจกับการย้ายทรัพยากรเหล่านี้มาอาณาจักรเซี่ย
เวลานี้ อันลู่ซานได้นำทัพรุกคืบต่อไป
หลังผ่านไปสามวันติด พวกเขาก็ยึดได้สิบห้าเมืองและผลักดันชายแดนอาณาจักรเซี่ยไปสองร้อยกิโลเมตร
หน้าต่างของโต๊ะทรายจักรวรรดิผ่านการเปลี่ยนแปลง
กล่องทรายจักรวรรดิ(เริ่มต้น)
พื้นที่ดินแดน : 360000ตารางกิโลเมตร(พื้นที่เพาะปลูก110000ตารางกิโลเมตร)
ทรัพยากรภายใน : 51.5ล้านตำลึง(1เหมืองเหล็ก 2เหมืองถ่าน 1เหมืองทองแดง..)
ประชากร : 3.22ล้าน(1%คนรวย 18%คนธรรมดา 71%คนจน)
พลังทหาร : 300000(2ก่อกำเนิด 200นักรบ..)
พลังชาติ : 445(อาณาจักรขนาดเล็ก)
…
ก่อนอื่น ในแง่ของขนาดดินแดน มันขยายไป40000ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ที่เพาะปลูกได้ก็เพิ่มสามหมื่นตารางกิโลเมตร ซึ่งหมายความว่าอาณาจักรเซี่ยจะผลิตอาหารได้เพิ่มขึ้น
ทรัพยากรภายในเพิ่มขึ้นกว่ายี่สิบล้านตำลึง
ประชากรกับกำลังทหารไม่เปลี่ยน แต่พลังชาติโดยรวมเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อย!
ในเวลาไม่กี่วัน พลังชาติของเขาเพิ่มขึ้น30%
หลินเป่ยฟานรู้สึกว่าเขาทำเงินได้มาก!
“ติ้ง!เพราะพลังชาติของผู้เล่นเพิ่ม พลังจึงเพิ่มขึ้นตาม! ได้รับรางวัลเป็นปราณกุ่ยหยวนสามจุด!”
“ปราณกุ่ยหยวนสามจุดประกอบด้วยขาเฟิงเซิน ฝ่ามือไป่อวิ๋นและหมัดเทียนซวง การผสานของทั้งสามจึงกลายเป็นปราณกุ่ยหยวนสามจุด เมื่อใช้ มันจะมีพลังสั่นคลอนโลก กวาดล้างเทพมาร!”
ในพริบตา วิชาลับนี้ก็ผสานเข้ากับหัวของหลินเป่ยฟาน
หลินเป่ยฟานเรียนรู้วิชานี้ได้โดยไม่มีอาจารย์
หลินเป่ยฟานพอใจมาก“เยี่ยม!ด้วยปราณสามส่วนนี้ ข้าจะถือเป็นผู้บ่มเพาะก่อกำเนิดของจริง!และร่วมกับวิชาลับ ข้าจะไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน!ฮ่าๆ!”
หลินเป่ยฟานพอใจกับการเก็บเกี่ยวนี้มาก
“มันเกือบถึงเวลายุติการต่อสู้แล้ว!”
หลินเป่ยฟานออกประกาศิต และรีบส่งไปยังอันลู่ซานที่สู้อยู่แนวหน้า
อันลู่ซานดีใจมากตอนได้ยินประกาศิตของหลินเป่ยฟาน คิดว่าหลินเป่ยฟานจะส่งประกาศิตหลวงมาเชยชมเขา และหวังว่าเขาจะได้รับคำสั่งให้พิชิตเมืองต่อ
แต่พอเขาอ่านประกาศิต เขาก็ต้องตะลึง!
ฝ่าบาท ท่านอยากให้เราถอย?
เราเพิ่งยึดเมืองได้และขยายชายแดน แต่ตอนนี้จะให้เราส่งคืนดินแดนที่เราชิงมาได้?
ทั้งตัวของอันลู่ซานเกร็ง หนังศรีษะชาด้าน!
หลังทำศึกมานานขนาดนี้ เขาก็รู้สึกโดดเดี่ยว
พอมองอันลู่ซานที่ตัวแข็ง แม่ทัพคนอื่นก็วิตก
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ฝ่าบาททรงตรัสว่าอย่างไร?”
“พูดอะไรบ้างสิท่าน”
“ประกาศิตเขียนไว้ว่าอย่างไรกัน?”
..
“ข้าพูดไม่ออก พวกเจ้าดูกันเองแล้วกัน!”อันลู่ซานถอนหายใจและส่งประกาศิตให้ทุกคน
หลังทหารทุกคนอ่าน พวกเขาก็อ้าปากค้าง
“อะไรนะ ฝ่าบาทอยากให้เราถอย?”
“ให้ส่งดินแดนที่เรายึดคืนให้อาณาจักรโม่?”
“เราจะส่งดินแดนที่เราเพิ่งยึดมาอย่างยากลำบากคืนไป?”
“นี่เป็นประกาศิตปลอมหรือเปล่า?”
อันลู่ซานถอนหายใจ พูดอย่างอ่อนแรง“นี่คือคำสั่งจากฝ่าบาทเอง และมีการยืนยันถึงอำนาจทหาร มันจะเป็นของปลอมได้ไง?ฝ่าบาท…ทรงอยากให้เราถอยและหยุดการต่อสู้จริงๆ!”
“งั้นท่านแม่ทัพ ท่านอยากให้เราถอยจริงหรือ?”
“ท่านเต็มใจหรือ?”
“ท่านแม่ทัพ เราควรทำยังไง?”
..
ทหารทุกนายพูดทีละคน
มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะส่งเมืองที่ยึดได้กลับคืน!
“เราจะไปทำอะไรได้ คำสั่งของจักรพรรดิไม่อาจละเมิด..”เสียงของอันลู๋ซานเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
“ถอย!”
“ทหารทุกนาย จงฟังคำสั่ง ถอยทัพกลับ!”คำสั่งทหารใหม่กระจายไปทั่วกองทัพ
จากนั้น อันลู่ซานก็นำทัพถอยกลับไปชายแดนของอาณาจักรเซี่ยเดิม ส่งคืน15เมืองคืนให้อาณาจักรโม่
อาณาจักรโม่ที่ระดมทัพและกำลังเตรียมการทำศึกอยู่ตกตะลึง!
เราได้พร้อมทำสงครามแล้ว และเราจะแผดเผาทุกอย่าง แต่แกกลับถอย?
มันหมายถึงการส่งเมืองคืนให้เหรอ?