ตอนที่ 555 ซิลเวอร์เดสเซิร์ด
ตอนที่ 555 ซิลเวอร์เดสเซิร์ด
ใบหน้าของมู่ฉิงปิงบิดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียด ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าคำพูดตรงไปตรงมาของเซี่ยเฟยทำให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ
แน่นอนว่าเรื่องที่เขาพูดเป็นความจริงที่ไม่ผิดเพี้ยนเลย เพียงแต่คนที่กำลังฟังเรื่องที่เขาพูดอยู่คือผู้หญิง และที่สำคัญคือเธอเป็นผู้หญิงที่มาจากตระกูลผู้ดี เธอจึงไม่สามารถรับความหยาบคายของเซี่ยเฟยได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดว่าเขาจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันที ก่อนที่เขาจะรีบเดินไปดูชุดต่อสู้ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งด้วยความสนใจ
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินคุณภาพของชุดเกราะต่อสู้! ถึงแม้ว่ารูปทรงของมันจะผิดเพี้ยนไปนิดหน่อยแต่มันก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาอะไรใหญ่เลย ถ้าคุณใส่ไม่ได้มันก็เป็นเพราะสรีระของคุณไม่เหมาะสม และมันก็หมายความว่าคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าของของมัน!!”
เมื่อผู้หญิงโกรธพวกเธอก็มักจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล และถึงแม้ว่ามู่ฉิงปิงจะเป็นหญิงสาวที่สูงศักดิ์แต่เธอก็ยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมนเพศหญิงอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ในขณะที่หยูฮัวกำลังจะรีบเข้าไปปลอบมู่ฉิงปิงที่กำลังโกรธ ทันใดนั้นมันก็ได้มีเสียงอันสงบดังขึ้นมาจากในระยะไกล
“ทุกสิ่งที่คุณเซี่ยเฟยพูดไม่ใช่เรื่องผิด มู่ฉิงปิงเธออย่าทำตัวหยาบคาย”
เมื่อเซี่ยเฟยกับหยูฮัวหันไปตามเสียงพวกเขาก็ได้พบกับหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปีกำลังเดินตรงมาหาพวกเขาอย่างช้า ๆ ซึ่งใบหน้าของเธอก็มีความคล้ายคลึงกับมู่ฉิงปิงมาก เพียงแต่ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้แต่งหน้าแต่รูปลักษณ์โดยรวมของเธอกลับดูน่าดึงดูดกว่ามู่ฉิงปิงอยู่เล็กน้อย
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร เพราะสายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังชุดเกราะชุดหนึ่งที่ถูกวางโชว์เอาไว้ใต้ต้นไม้
“ท่านพี่! เขาบอกว่าชุดที่คุณออกแบบมันไม่ใช่ชุดที่ดี การกระทำของเขามันหยาบคายมากเลยนะ!!”
หญิงสาวผู้มีอายุมากกว่าเดินเข้ามาลูบผมของมู่ฉิงปิงเบา ๆ เพื่อพยายามให้เธอสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง
“สวัสดีคุณลูกค้าทั้งสองคนค่ะ ฉันชื่อมู่ฟู่ผิงเป็นพี่สาวของมู่ฉิงปิง ฉันขอพูดอะไรสักหน่อยจะได้ไหมคะ?” มู่ฟู่ผิงกล่าว
ในขณะที่หยูฮัวกำลังจะส่งสัญญาณให้เธอพูด จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ก้าวเท้าเข้าไปหาชุดเกราะที่เขาสนใจและตะโกนขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าคุณอยากจะพูดอะไรก็เชิญพูดมาเลย”
หยูฮัวทำได้เพียงแต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เพราะในสายตาของเซี่ยเฟยให้ความสนใจเพียงแต่คุณภาพของชุดเกราะต่อสู้เท่านั้น แต่ไม่ได้ให้ความสนใจพี่น้องตระกูลมู่เลย
ในฐานะที่เขาเป็นนักธุรกิจหยูฮัวก็สามารถค้นพบถึงความแปลกประหลาดของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยปกติแล้วปรมาจารย์ด้านการสร้างอาวุธอุปกรณ์มักที่จะรับลูกศิษย์เข้ามาสืบทอดความรู้ของตัวเอง และความรู้พวกนี้ก็จะถูกส่งต่อออกไปเป็นทอด ๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องปรมาจารย์ด้านการสร้างอาวุธอุปกรณ์ที่เป็นผู้หญิงมาก่อนเลย โดยเฉพาะปรมาจารย์ด้านการสร้างอาวุธอุปกรณ์ในตระกูลวิทเทอร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดย่อมเป็นเรื่องที่ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ไปกันใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นหากชุดเกราะสีเงินชุดนี้เป็นชุดเกราะระดับอัศวินกฎขั้นสูงสุดจริง ๆ มันก็หมายความว่าหญิงสาวคนนี้เป็นตัวตนที่น่าอัศจรรย์มากยิ่งกว่า เพราะถ้าหากว่าปรมาจารย์ด้านการสร้างอาวุธอุปกรณ์ต้องการที่จะสร้างชุดเกราะระดับอัศวินกฎขั้นสูงสุดขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็จะต้องมีพลังอยู่ในระดับราชากฎขั้นสูงให้ได้เสียก่อน
แต่ไม่ว่าจะมองยังไงมู่ฟู่ผิงก็มีอายุเพียงแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้น แต่เด็กสาวคนนี้กลับมีพลังอยู่ในระดับราชากฎแล้วงั้นเหรอ!?
คำพูดของเซี่ยเฟยได้กระตุ้นความโกรธของมู่ฉิงปิงขึ้นมาอีกครั้ง แต่มู่ฟู่ผิงก็ยังคงหยุดน้องสาวของตัวเองเอาไว้ไม่ให้เธอทำการเคลื่อนไหว
“วันนี้ยูนีคพาวิลเลี่ยนจำเป็นจะต้องต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ พวกเธอช่วยจัดการปิดร้านก่อนเวลาให้หน่อยได้ไหม?” มู่ฟู่ผิงหันไปสั่งสาวใช้ด้านหลังเบา ๆ
พนักงานที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็รู้สึกตกใจมาก เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ยูนีคพาวิลเลี่ยนประกาศว่าจะทำการต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ
หรือว่าแขกผู้มีเกียรติที่มู่ฟู่ผิงพูดถึงคือแขกทั้งสองคนจากตระกูลหยู?
เมื่อได้รับคำสั่งพนักงานทุกคนก็ถอยกลับไปเหลือเพียงแค่สองพี่น้องตระกูลมู่, เซี่ยเฟยและหยูฮัวที่อยู่ภายในสวน
ขณะเดียวกันหลังจากที่พนักงานคนอื่น ๆ ได้เดินทางออกไปแล้ว มู่ฉิงปิงก็กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะเดินออกไปอย่างไม่สนใจใครเลย ซึ่งในครั้งนี้มู่ฟู่ผิงก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดน้องสาวของตัวเองเอาไว้ โดยมีหยูฮัวคอยตามมู่ฉิงปิงไปจึงเหลือทิ้งไว้เพียงแค่เซี่ยเฟยกับมู่ฟู่ผิงเพียงลำพัง
“ชุดเกราะชุดนี้น่าทึ่งมาก! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงถูกวางเอาไว้ที่มุมห้อง อารมณ์ของชุดเกราะโลหะเหลวชุดนี้มันให้อารมณ์ที่แตกต่างจากชุดเกราะชุดอื่นมาก” อันธจ้องไปยังชุดเกราะด้านหน้าอย่างหมกมุ่นเช่นเดียวกันกับเซี่ยเฟย
ชุดเกราะชุดนี้คือชุดเกราะโลหะเหลวที่ถูกออกแบบให้รับกับความโค้งมนของกล้ามเนื้อ และมันยังเป็นชุดเกราะที่ให้สัมผัสถึงความรู้สึกอันดุดัน คล้ายกับว่ามันกำลังมีนักรบคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาอันดุร้าย
ชุดเกราะชุดนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันมีชีวิต ตัวชุดเกราะให้การป้องกันทุกพื้นที่ตั้งแต่ฝ่าเท้าไปจนถึงเส้นผม ดวงตาสีแดงของชุดเกราะให้ความรู้สึกราวกับดวงตาของปีศาจ แล้วมันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชุดเกราะชุดนี้คงจะเป็นชุดเกราะที่โดดเด่นที่สุดในร้านยูนีคพาวิลเลี่ยนอย่างแน่นอน
เซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะละสายตาไปจากชุดเกราะชุดนี้ได้จริง ๆ ซึ่งในความคิดของเขาแม้แต่ชุดเกราะโลหะเหลวของวอร์สตาร์ก็ไม่สามารถที่จะเทียบเคียงกับชุดเกราะโลหะเหลวตรงหน้าของเขาได้
ภาพในปัจจุบันให้ความรู้สึกเหมือนกับนักรบกับชุดเกราะกำลังมองหน้ากัน และมันก็เป็นการดึงดูดซึ่งกันและกันระหว่างปรมาจารย์ทั้งสองคน
“ชุดเกราะโลหะเหลวชุดนี้มีชื่อว่าซิลเวอร์เดสเซิร์ด พลังกฎที่มาพร้อมกับตัวเกราะอยู่ในระดับเพียงแค่อัศวินกฎขั้นที่ 6 แต่โลหะเหลวมีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นและทนทาน มันจึงทำให้ชุดเกราะชุดนี้ยังถือว่าเป็นชุดเกราะชั้นยอดภายในร้านของเรา” มู่ฟู่ผิงอธิบายขณะเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับ เพราะเขารู้จักคุณสมบัติของโลหะเหลวเป็นอย่างดี ซึ่งชุดเกราะที่ทำขึ้นมาจากโลหะชนิดนี้จะแนบพอดีกับร่างกายของผู้สวมใส่ ยิ่งไปกว่านั้นชุดเกราะโลหะเหลวชุดนี้ยังมาพร้อมกับพลังกฎ ทำให้พลังป้องกันของมันสูงกว่าชุดเกราะโลหะเหลวโดยทั่วไปที่เขาเคยพบเจอ
“เดี๋ยวฉันจะให้คนเอามันลงมาให้ เชิญคุณที่ห้องนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ” มู่ฟู่ผิงกล่าวเมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยรู้สึกสนใจชุดเกราะชุดนี้มาก
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรก่อนที่เขาจะเหลือบสายตามองไปยังป้ายราคาขณะที่เดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น
‘เดี๋ยวก่อนนะ!! 500 คริสตัลเหลือง!!!’
เซี่ยเฟยอุทานภายในใจด้วยความตกตะลึง เพราะราคาของชุดเกราะนี้เทียบเท่ากับเงินเก็บเกือบทั้งหมดของเขาแล้ว และถ้าหากว่าเขาใช้เงินทั้งหมดซื้อชุดเกราะซิลเวอร์เดสเซิร์ดจริง ๆ เขาก็จะไม่เหลือเงินไปซื้อเข็มทิศมิติตามที่เขาได้ตั้งใจไว้
“สิ่งที่คุณพูดในก่อนหน้านี้เป็นประโยชน์สำหรับฉันมาก ฉันยอมรับว่าฉันใส่ใจในเรื่องการตกแต่งมากเกินไปจนละเลยความต้องการพื้นฐานที่สุดสำหรับนักรบที่ต้องสวมใส่ชุดเกราะ” มู่ฟู่ผิงกล่าวระหว่างมุ่งหน้าตรงกลับไปยังห้องนั่งเล่น
เมื่อทั้งสองคนเดินมาจนถึงห้องนั่งเล่นพวกเขาก็ได้เห็นมู่ฉิงปิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเซี่ยเฟยเดินเข้ามาหญิงสาวคนนี้ก็หันหน้าหลบไปอย่างเย็นชา ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าความโกรธภายในใจของเธอยังคงไม่หายไป
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยยังคงสนใจแต่ชุดเกราะซิลเวอร์เดสเซิร์ด เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับท่าทางของหญิงสาวคนนี้มากนัก
มู่ฟู่ผิงยังคงถามเซี่ยเฟยเกี่ยวกับมุมมองของการออกแบบชุดเกราะต่อสู้ต่อไป เพราะการบอกข้อเสียโดยตรงของเซี่ยเฟยสามารถช่วยให้เธอทำความเข้าใจถึงจุดอ่อนของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
ในความเป็นจริงสิ่งที่นักรบอย่างเซี่ยเฟยต้องการจากชุดเกราะคือสิ่งที่สามารถให้การป้องกันได้ และมันก็จะต้องไม่รบกวนการเคลื่อนไหวของนักสู้ ท้ายที่สุดการโจมตีก็ยังคงเป็นการป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของเขาอยู่ดี ดังนั้นขอเพียงแค่ชุดเกราะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเกะกะแค่นั้นมันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
มู่ฟู่ผิงรับฟังอย่างเงียบ ๆ และพยักหน้าเป็นระยะ ๆ ราวกับว่าเธอกำลังทำความเข้าใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังพูด
“ขอโทษนะครับคุณมู่ ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณคงไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้จริง ๆ มาก่อนเลยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณรู้ได้ยังไง?” มู่ฟู่ผิงถามด้วยความสงสัย
“ถ้าคุณเคยเผชิญกับความรู้สึกว่าชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย คุณจะไม่สนใจความสวยงามบนชุดเกราะด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดชุดเกราะต่อสู้ก็เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือที่เอาไว้ช่วยชีวิตในยามคับขัน ไม่ใช่สิ่งที่เอาไว้สวมใส่บนร่างกายเหมือนกับเป็นเครื่องประดับชนิดหนึ่ง”
“ถ้าคุณยินดีรับฟังประสบการณ์จากนักสู้ที่เคยกลับมาจากขอบเหวแห่งความตาย หรือพยายามลองหาใครสักคนมาลองสวมชุดเกราะพวกนี้หลังจากคุณออกแบบ ผมเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างจะค่อย ๆ คลี่คลาย เพราะโดยรวมชุดเกราะของคุณก็ค่อนข้างที่จะดีมากอยู่แล้ว”
ในมุมมองของคนอื่นอาจจะฟังดูเหมือนคำพูดของเซี่ยเฟยเป็นการดูหมิ่นฝีมือของมู่ฟู่ผิง หยูฮัวจึงรีบเข้ามาในบทสนทนาเพื่อพยายามเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น
“ไม่ทราบว่าคุณหนูมู่ฟู่ผิงเป็นคนเสริมพลังให้กับชุดเกราะพวกนี้ด้วยตัวเองด้วยหรือเปล่า?”
“ระดับพลังของฉันไม่เพียงพอที่จะเสริมพลังให้กับชุดเกราะพวกนี้หรอกค่ะ หน้าที่ของฉันมีเพียงแค่การออกแบบชุดเกราะเท่านั้น ส่วนการหลอมและการเสริมพลังเป็นหน้าที่ของคนอื่น ๆ ในตระกูล” มู่ฟู่ผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในที่สุดหยูฮัวก็ได้คำตอบว่าเธอคนนี้ไม่ใช่ราชากฎ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่เธอสามารถพัฒนาจนกลายเป็นราชากฎได้ทั้ง ๆ ที่มีอายุน้อยเพียงแค่นี้
“คุณตาบอดตาเบี้ยวหรือเปล่าถึงมาบอกว่าชุดเกราะของพี่สาวฉันไม่ดี! คุณรู้ไหมว่ามีคนอีกกี่คนที่มาขอให้พี่สาวฉันออกแบบชุดเกราะให้ ในเมื่อคุณต่อว่าสินค้าของพี่ เราก็ไม่เต็มใจที่จะขายสินค้าของพี่ให้กับคุณ” มู่ฉิงปิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุเดือด
“ขอโทษด้วย แต่ผมเลือกชุดเกราะได้แล้ว ดังนั้นผมจึงไม่ได้สนใจชุดเกราะของพี่สาวคุณจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
เพล้ง!
ถ้วยชาภายในมือของมู่ฉิงปิงตกลงไปแตกกระจายบนพื้น ขณะที่ดวงตาของหยูฮัวเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ
เซี่ยเฟยพูดจาไม่ให้เกียรติคนของตระกูลมู่เลยแม้แต่น้อย และถ้าหากว่ามู่ฉิงปิงเริ่มอาละวาดขึ้นมาจริง ๆ เขาก็คงจะต้องถูกเหมารวมให้มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย
“คุณ... คุณ!!” มู่ฉิงปิงพึมพำออกมาอย่างตะกุกตะกัก ซึ่งคำพูดของเซี่ยเฟยก็ทำให้เธอรู้สึกโกรธจนพูดไม่ออก
“ฉิงปิงพอได้แล้ว! คนที่ต้องการให้ฉันออกแบบชุดเกราะให้มีแค่พวกคุณชายที่ต้องการใส่ชุดเกราะเพื่อโอ้อวดฐานะของตัวเองเท่านั้น คำพูดของคุณเซี่ยเฟยสมเหตุสมผลทุกอย่าง ข้อบกพร่องที่เขาพูดขึ้นมาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด” มู่ฟู่ผิงยังคงกล่าวอย่างใจเย็น
มู่ฉิงปิงดูคล้ายจะเชื่อฟังพี่สาวของเธอมาก ดังนั้นเธอจึงหยุดพูดและหันหน้าหนีไปด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
“ถึงแม้คำพูดของผมอาจจะดูหยาบคายแต่ทุกอย่างคือความจริง ขอให้พวกคุณยกโทษให้กับความหยาบคายของผมด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
ระหว่างนั้นมันก็ได้มีพนักงานหยิบชุดซิลเวอร์เดสเซิร์ดเข้ามาภายในห้อง ก่อนที่เขาจะวางชุดเกราะชุดนี้เอาไว้ข้าง ๆ เซี่ยเฟย
‘เขาเลือกชุดเกราะชุดนี้งั้นเหรอ?! สายตาของเขาช่างเฉียบคมจริง ๆ ผลงานชิ้นนี้ย่อมดีกว่าผลงานของมู่ฟู่ผิงแน่นอน’ หยูฮัวแอบคิดขึ้นมาภายในใจ หลังจากที่ได้เห็นชุดเกราะที่เซี่ยเฟยเลือกซื้อด้วยตัวเอง
เมื่อเซี่ยเฟยเห็นชุดเกราะดวงตาของเขาก็ลุกวาวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ลองสวมใส่ชุดเกราะชุดนี้ดู ซึ่งมันก็สามารถห่อหุ้มร่างกายของเขาได้โดยที่เขายังสามารถขยับเขยื้อนได้อย่างสบาย ๆ
ที่สำคัญกว่านั้นคืออากาศสามารถไหลผ่านโลหะเหลวเข้ามายังด้านในของชุดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะสวมใส่ชุดเกราะนี้นอนหลับกลางแจ้ง แต่มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังสวมใส่ชุดนอนที่เบาสบาย
“ฉันเอาชุดนี้แหละ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น
มู่ฟู่ผิงสั่งให้พนักงานจัดการแพ็คชุดเกราะให้เซี่ยเฟยอย่างดี จากนั้นเธอก็เริ่มกล่าวขึ้นมาอย่างลังเลว่า
“ฉันมีชุดเกราะที่กำลังออกแบบอยู่ 2-3 ชุด คุณพอจะช่วยออกความคิดเห็นให้กับชุดเกราะพวกนั้นหน่อยจะได้ไหม?”
สีหน้าของหยูฮัวเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดมู่ฟู่ผิงก็เป็นสมาชิกของตระกูลวิทเทอร์ ซึ่งมันก็หมายความว่าคำขอนี้คือโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะได้ผูกมิตรกับตระกูลใหญ่เอาไว้
“ขอโทษด้วย แต่ผมไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น” เซี่ยเฟยโบกมือปฏิเสธทำลายความคาดหวังของหยูฮัวลงในทันที
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งหยูฮัวและมู่ฉิงปิงต่างก็อยากจะลุกขึ้นไปกระทืบเซี่ยเฟย เพราะการตัดสินใจของชายหนุ่มคนนี้มันจะอยู่เหนือเกินกว่าสามัญสำนึกของคนอื่นไปไกลแล้ว
‘นี่นายรู้ไหมว่านายกำลังปฏิเสธใครอยู่!!’ ทั้งหยูฮัวและมู่ฉิงปิงต่างก็คิดขึ้นมาภายในใจพร้อมกัน
***************
จริงๆมู่ฟู่ผิงต้องบอกว่าจะให้ส่วนลดถ้าช่วยดูงานออกแบบรึเปล่า พี่เฟยถึงจะยอมเสียสละเวลาอันมีค่าให้ 555