ตอนที่ 553 ลิงหยก
ตอนที่ 553 ลิงหยก
เมืองสตีลบาร์สมควรแล้วที่จะถูกเรียกว่าศูนย์รวมอาวุธอุปกรณ์กฎอย่างแท้จริง เพราะในเมืองมีร้านค้าน้อยใหญ่ให้เลือกสรรอย่างมากมาย และมันก็มีอาคารอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องอย่างเช่นโรงรับจำนำและร้านค้าประมูลอยู่ภายในเมืองแห่งนี้ด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเฟยได้มีโอกาสเห็นอาวุธอุปกรณ์กฎเป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มจึงคอยสอดสายตามองไปยังสองฟากฝั่งของถนนด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ
ในที่สุดหยูฮัวก็นำเซี่ยเฟยไปยังร้าน ‘ลุงสี่รับแลก’ ก่อนที่เขาจะชี้นิ้วไปในร้านและกล่าวกับชายหนุ่มว่า
“ลุงสี่เป็นคนจากตระกูลหยูและเขาก็เป็นพ่อค้าเหมือนกันกับฉัน ตอนนี้นายเอาของที่ได้มาจากพวกหมิงกุยไปแลกเป็นคริสตัลต้นกำเนิดก่อน แล้วเราค่อยไปซื้ออาวุธอุปกรณ์กฎกันทีหลัง”
เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปภายในร้าน โดยต้องการที่จะแลกเปลี่ยนของที่ไม่เกี่ยวกับการปรุงยาไปเป็นคริสตัลต้นกำเนิดให้หมด
หลังจากเดินเข้ามาในประตู หยูฮัวก็เดินตรงเข้าไปในห้องทำงานของลุงสี่โดยไม่เกรงใจ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ทำงานในอาคารแห่งนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนจากตระกูลหยู พวกเขาจึงเริ่มทักทายหยูฮัวอย่างเคารพ
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้พบกับคนที่ชื่อว่าลุงสี่ โดยชายชราคนนี้เป็นชายชราร่างอ้วน, สวมแว่นตากลม ๆ, สวมเสื้อแจ็คเก็ตและรองเท้าหนัง บนนิ้วของเขามีแหวนที่ประดับไปด้วยเพชรพลอยเม็ดใหญ่คล้ายกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จโดยทั่วไป และต้องการที่จะอวดความมั่งคั่งของตัวเอง
“ว่าไง ลมอะไรพัดนายมาที่นี่ล่ะ?” ลุงสี่กล่าวทักทายหยูฮัวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ด้วยความยากลำบาก
“อะไรกัน เดี๋ยวนี้ผมมาหาลุงสี่ไม่ได้แล้วเหรอ? ผมได้ยินมาว่าน้องหกกำลังจะแต่งงาน พี่ชายอย่างผมจะไม่มาร่วมยินดีหน่อยมันก็คงจะเป็นเรื่องที่หยาบคายมากเกินไป” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลุงสี่มีลูกสาวอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน แต่ลูกสาวคนที่ 6 ของเขายังไม่ได้แต่งงานสักทีแม้ว่าเธอจะมีอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว ลุงสี่จึงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวคนนี้มาก เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะไม่มีคนดูแลในยามที่เธอแก่ชรา
ในที่สุดเมื่อลูกสาวคนที่ 6 ประกาศที่จะแต่งงาน มันจึงทำให้ลุงสี่ดีใจมากและประกาศเรื่องนี้ออกไปในทั่วทุกที่
“ถ้านายไม่ให้ของขวัญน้องสาวนาย ฉันนี่แหละจะเป็นคนฆ่านายเอง!” ลุงสี่พูดติดตลกก่อนที่จะเริ่มแซวว่าให้หยูฮัวซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับลูกสาวของเขา แต่ใครจะไปคิดว่าหยูฮัวกลับตอบตกลงโดยที่ไม่คิดจะอ้อยอิ่งเลยแม้แต่น้อย
“เด็กคนนี้ชื่อเซี่ยเฟยครับ เป็นนักรบคนใหม่ในตระกูลของเราและเขาก็มีของที่อยากจะเอามาขายนิดหน่อย” หยูฮัวเริ่มแนะนำเซี่ยเฟยให้กับชายชรา
“นายเองนะเหรอเซี่ยเฟย ฉันได้ยินมาว่านายเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์สูงมาก ถึงขนาดสามารถสังหารหนอนด้วงมิติได้ตั้งแต่ที่มีพลังอยู่ในระดับแค่นักรบกฎขั้นที่ 4” ลุงสี่กล่าวพร้อมกับหรี่ตามองเซี่ยเฟยอย่างพิจารณา
ความเป็นจริงอายุของผู้คนในดินแดนของผู้ใช้กฎส่วนใหญ่มักจะเกินกว่า 100 ปี เพราะแม้กระทั่งคนที่ดูเหมือนชายวัยกลางคนอย่างหยูฮัวก็มีอายุมากกว่า 130 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งมันควรจะเป็นคนรุ่นปู่ทวดของเซี่ยเฟยได้เลยด้วยซ้ำ
ส่วนลุงสี่ที่ดูแก่กว่าหยูฮัวก็ไม่รู้ว่าจะมีอายุมากเท่าไหร่ จึงทำให้เซี่ยเฟยคิดไม่ออกว่าเขาควรจะใช้สรรพนามอะไรเรียกชายชราคนนี้ดี
“ลุงไปเอาข่าวพวกนี้มาตั้งแต่สมัยไหน ตอนนี้เซี่ยเฟยกลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 6 ไปแล้ว” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาจาง ๆ
“อะไรนะ! ขั้นที่ 6! นี่มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยงั้นเหรอ” ลุงสี่อุทานขึ้นมาอย่างตกใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเพื่อยืนยันว่าเขาพัฒนาจนมีระดับพลังอยู่ในขั้นที่ 6 แล้วจริง ๆ
“เมื่อก่อนนายสร้างสถิติกลายเป็นอัศวินกฎที่เร็วที่สุดในตระกูล ในเวลา 20 เดือนต่อมาเสี่ยวเป่ยก็ทำลายสถิตินายด้วยเวลา 18 เดือน ฉันคิดว่าตอนนี้มันคงจะต้องมีการทำลายสถิติเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้วล่ะมั้ง” ลุงสี่กล่าว
“คลื่นลูกใหม่สมควรจะใหญ่กว่าคลื่นลูกเก่าอยู่แล้ว ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะมีคนใหม่ ๆ มาทำลายสถิติเก่า ๆ ไปได้เรื่อย ๆ” หยูฮัวกล่าวอย่างสบาย ๆ โดยไม่รู้สึกอะไรแม้ว่าจะมีคนมาทำลายสถิติในวัยเยาว์ของเขาก็ตาม
“ฉันก็หวังว่าจะมีนักรบดี ๆ เข้ามาในตระกูลอีกสัก 2-3 คนด้วยเหมือนกัน ถ้าหากตระกูลของเรามีนักรบที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ ท่านผู้นำจะได้มีเวลาไปพักผ่อนบ้าง” ลุงสี่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“มันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับท่านผู้นำจริง ๆ ที่ต้องคอยดูแลคนทั้งตระกูลด้วยตัวเขาเองเพียงลำพัง” หยูฮัวกล่าวขณะที่มีร่องรอยของความผิดปกติปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
“เอาล่ะทุกคนในตระกูลหยูต่างก็เรียกฉันว่าลุงสี่ แล้ววันนี้ฉันก็ค่อนข้างอารมณ์ดี ฉันจะยอมรับของทุกอย่างที่นายเอามาขาย และฉันก็จะแถมเงินโบนัสให้กับนายด้วย” ลุงสี่กล่าวขณะหันหน้ามองไปทางเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะส่งแหวนมิติที่เขาจัดสรรของต่าง ๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้วไปให้กับลุงสี่
“นี่มันเครื่องจักรสำหรับนักปรุงยาหมดเลย! ถ้าหากว่ามีของพวกนี้มันสามารถเปิดโรงงานได้เลยนะ” ลุงสี่อุทานขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้ตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ภายในแหวน
“ของพวกนั้นเป็นแค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ นายเอาพวกอาวุธกฎออกมาเถอะ” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ของพวกนั้นไม่เก็บเอาไว้ใช้เองเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตอนนี้นายอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เชื่อฉันเถอะว่าเราไม่ควรใช้ของพวกนั้นมากนัก ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อความเร็วในการพัฒนาของนาย” หยูฮัวกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะท้ายที่สุดภายในอาวุธกฎก็มักจะมีการจู่โจมที่รุนแรง เหล่าบรรดาผู้ใช้กฎระดับต่ำจึงมักที่จะพึ่งพาอาวุธพวกนี้มากกว่ากำลังของตัวเอง แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการพัฒนาของพวกเขาถึงได้หยุดชะงักไป
“สำหรับนักรบอย่างพวกเราแล้วเราควรจะต้องมีอาวุธที่ดีที่สุดเพื่อใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญ ดังนั้นอาวุธชิ้นไหนที่ไม่จำเป็นก็ขาย ๆ พวกมันไปเถอะ”
“หยูฮัวพูดถูกแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะขายอาวุธที่ไม่ได้ใช้แล้วเอาเงินไปซื้ออาวุธระดับสูงที่เหมาะสมกับตัวเอง ในช่วงเวลาวิกฤตความแตกต่างเพียงแค่เล็กน้อยมันก็จะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ทั้งหมด ดังนั้นอาวุธระดับสูงเพียงแค่ชิ้นเดียวจึงมีค่ามากกว่าอาวุธระดับต่ำจำนวนมากที่เอาไว้ใช้ในหลาย ๆ สถานการณ์” ลุงสี่กล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจนำอาวุธอุปกรณ์ระดับต่ำที่เขาไม่ได้ใช้ออกมา แต่ในทันใดนั้นเองเขาก็บังเอิญได้พบกับหยกขาวสลักเป็นรูปลิง ซึ่งแต่เดิมของชิ้นนี้เป็นของในแหวนมิติของหมิงกุย และเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่ามันคือของที่เอาไว้ใช้ทำอะไรกันแน่
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพยายามส่งกระแสจิตเข้าไปตรวจสอบลิงหยกชิ้นนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงกระแสจิตที่ถูกรวมเข้าด้วยกัน เขาจึงเลือกที่จะเก็บลิงหยกชิ้นนี้เอาไว้ก่อน
“ความจริงอาวุธพวกนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก แต่พวกมันก็ไม่ถือว่าเป็นอาวุธระดับสูงด้วยเหมือนกัน อย่างเช่น สเปคคิวเลอร์ มันก็ไม่สามารถช่วยเหลือนายในสนามรบได้มากนัก การขายพวกมันทั้งหมดเพื่อเอาเงินไปซื้ออาวุธคุณภาพสูงสักชิ้นหรือสองชิ้นคือทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว” ลุงสี่กล่าวหลังจากพิจารณาอาวุธอุปกรณ์ทั้งหมดที่ชายหนุ่มได้นำออกมา หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาพนักงานคนหนึ่งและกวักมือเรียกพนักงานให้มาหาเขาเบา ๆ
“เอาของพวกนี้ไปตีราคา พยายามแลกเปลี่ยนพวกมันด้วยราคาที่ดีที่สุด พวกเขาเป็นเครือญาติของฉันเอง ครั้งนี้ถือว่าพวกเราคอยช่วยเหลือกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แล้วกัน”
พนักงานชายวัยกลางคนพยักหน้าก่อนที่เขาจะเก็บของทั้งหมดเข้าไปในแหวนมิติและเดินเข้าไปภายในร้านเพื่อนำของทั้งหมดไปประเมินราคาโดยละเอียด
“ลุงสี่ ที่นี่พอจะมีสินค้าระดับสูงขายบ้างไหม?” หยูฮัวถาม
“ฉันไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การขายอาวุธกฎแล้วฉันจะไปหาสินค้าระดับสูงมาจากไหน แต่เมื่อไม่นานมานี้มีร้านค้ามาเปิดใหม่ชื่อร้านยูนีคพาวิลเลี่ยน ร้านนั้นขายสินค้าคุณภาพสูงเป็นส่วนใหญ่ พวกนายลองไปดูของที่ร้านนั้นก่อนก็แล้วกัน” ลุงสี่กล่าว
“ยูนีคพาวิลเลี่ยนงั้นเหรอ? ชื่อร้านค่อนข้างน่าสนใจใช้ได้เลย” หยูฮัวกล่าว
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าสินค้าภายในร้านจะเหมาะสมกับชื่อร้านที่ได้ตั้งเอาไว้หรือเปล่า เพราะว่าฉันไม่ใช่นักรบฉันจึงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอาวุธกฎมากนัก แต่เท่าที่ฉันได้ยินมาสินค้าภายในร้านนั่นเป็นสินค้าที่มาจากตระกูลวิทเทอร์” ลุงสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ
“ตระกูลวิทเทอร์!? 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดนั่นน่ะเหรอ?!” หยูฮัวอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
ในดินแดนของผู้ใช้กฎมีมนุษย์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่พวกเขาก็อาศัยอยู่ในตระกูลต่าง ๆ ซึ่งในตระกูลทั้งหมดก็มีตระกูลที่ถูกยกย่องว่าตระกูลชั้นยอดอยู่ทั้งหมดเก้าตระกูล ขณะที่ตระกูลหยูเป็นตระกูลชั้นสูงที่มีลำดับรองลงมา
โดยตระกูลชั้นยอดทั้งเก้าประกอบไปด้วย ตระกูลไบร์ทซี, ตระกูลวิทเทอร์, ตระกูลเชฟชิฟเตอร์, ตระกูลสโนว์ดริฟท์, ตระกูลมูนวอร์ด, ตระกูลเกลเชอร์, ตระกูลเรคแดนซ์, ตระกูลแอจจิเททและตระกูลโนอาร์ ซึ่งแต่ละตระกูลต่างก็ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
หากอาวุธอุปกรณ์กฎพวกนั้นถูกสร้างขึ้นจากตระกูลวิทเทอร์จริง ๆ พวกมันย่อมเป็นอาวุธอุปกรณ์ระดับสูงอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดสถานะของตระกูลชั้นยอดทั้งเก้าในดินแดนของผู้ใช้กฎก็เป็นรองเพียงแค่สองเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลอย่างเผ่าพันธุ์เทพและเผ่าพันธุ์มารเท่านั้น
“ถึงของพวกนั้นจะดีแต่ราคาก็แพงหูฉี่อยู่เหมือนกัน ขนาดอาวุธเริ่มต้นพวกเขายังขายตั้ง 100 คริสตัลเหลือง” ลุงสี่กล่าว
เมื่อได้ยินราคาเซี่ยเฟยถึงกับอยากจะเป็นลม เพราะราคา 100 คริสตัลเหลืองสามารถเอาไปแลกเปลี่ยนได้เป็น 10,000 คริสตัลขาว ซึ่งมันเป็นคริสตัลต้นกำเนิดที่เขาสามารถนำไปใช้ได้ตลอดทั้งปี แต่มันกลับเป็นเพียงราคาเริ่มต้นของสินค้าภายในร้านยูนีคพาวิลเลี่ยนเท่านั้น
“น่าสนใจจริง ๆ อาวุธที่ถูกผลิตออกมาจาก 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดงั้นเหรอ? เซี่ยเฟยพวกเราไปชอปปิงกันเถอะ” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับ เพราะถึงแม้ราคาของสินค้าภายในร้านนั้นจะสูงมาก แต่มันก็หมายความว่าสินค้าของพวกเขาเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงมากด้วยเหมือนกัน
ตามธรรมเนียมก่อนจะจากกันไปเซี่ยเฟยก็เริ่มหยิบกระป๋องชาออกมาเป็นของขวัญให้กับลุงสี่ ซึ่งชายชราคนนี้ก็ยอมรับของขวัญทั้งหมดไปโดยไม่คิดที่จะเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากนั้นไม่นานพนักงานประเมินก็กลับมาพร้อมกับกระดาษรายงานที่อยู่ในมือ
“เครื่องเหวี่ยงคุณภาพสูง 74 เครื่องประเมินให้ในราคาเครื่องละ 15 คริสตัลขาว, เครื่องสกัดระดับ B3 11 เครื่องประเมินให้ในราคา 8 คริสตัลขาว, โล่กฎระดับอัศวินกฎประเมินให้ในราคา 170 คริสตัลขาว, … โดยรวมแล้วสินค้าทั้งหมดเราประเมินให้ในราคา 53,129 คริสตัลขาว” พนักงานชายวัยกลางคนสรุปรายการทั้งหมดที่เซี่ยเฟยนำมาขาย
“ลุงสี่ใจกว้างมากจริง ๆ ระวังลุงจะขาดทุนจากการรับซื้อของพวกนี้ไปนะครับ” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“อะไรกัน ถึงยังไงพวกเราก็เป็นคนกันเอง การช่วยเหลือกันและกันมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ นี่เซี่ยเฟยคราวหลังถ้าหากว่านายจัดการหนอนด้วงมิติอีก อย่าลืมเอาร่างของมันมาขายให้กับฉันนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะให้ราคาดี ๆ กับนายแน่นอน!” ลุงสี่กล่าวพร้อมกับหันหน้าไปมองทางเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยพยักหน้าซ้ำ ๆ พร้อมกับกล่าวขอบคุณที่ลุงสี่ช่วยมอบความช่วยเหลือให้กับเขา
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ขอให้ลุงสี่จ่ายเงินให้กับเขาเป็นคริสตัลเหลืองจำนวน 600 ชิ้น ส่วนที่เหลือให้เป็นคริสตัลขาวด้วยกันทั้งหมด เพราะท้ายที่สุดเขายังไม่จำเป็นจะต้องใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ในการฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องแลกเปลี่ยนคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 เอามาไว้กับตัวมากหน่อย
หลังจากออกมาจากร้านของลุงสี่ เซี่ยเฟยก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังร้านยูนีคพาวิลเลี่ยนพร้อมกับหยูฮัว
***************