บทที่ 60 หินไร้ตัวตน
ในขณะนี้ แม้ว่าเฉินกงจะบอกว่าเขาผ่านด่านที่สาม แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่โง่เลย
จากการเปลี่ยนแปลงของรูปปั้นหิน พวกเขารู้ได้เลยทันทีว่าผู้ที่ทำลายสถิติคือคนอื่น!
สำหรับหลานชายของประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิง เฉิงกงตกอยู่ในห้วงความคิดล้ำ
ในเวลานี้ ประธานเฟิงและเหอเปียวได้เดินเข้ามา
“เฉิงกง ด่านที่สี่มีอะไร?”
“เจ้าผ่านสามด่านแรก เจ้าควรจะได้เห็นสถานการณ์ของด่านที่สี่ใช่ไหม?”
ประธานเฟิงกล่าวเข้าประเด็น
เหล่านักฝึกสัตว์อสูรและทหารโดยรอบก็ยื่นหูมาฟังเช่นกัน
ใช่แล้ว ด่านที่สี่ก็ยากพออยู่แล้ว ดังนั้นสัตว์อสูรประเภทไหนกันที่อยู่ในด่านที่สี่ล่ะ?
“ด่านที่สี่…” เฉิงกงสูดลมหายใจเข้าลึกและกล่าวว่า “นั่นคือสภาพแวดล้อมภูเขาหิมะใหม่ เมื่อเทียบกับที่ราบน้ำแข็งและธารน้ำแข็งในสามด่านแรกแล้ว ที่นั่นกว้างกว่ามาก”
“เมื่อข้าเข้าไป มิติบททดสอบนี้ก็ได้สร้างสัตว์อสูรดุร้ายภูเขาหิมะ 50 ตัว แบ่งเป็น หมาป่าหิมะ 10 ตัว อสูรเกราะน้ำแข็ง 10 ตัว หมูป่าเขี้ยวน้ำแข็ง 10 ตัว อสรพิษเกล็ดน้ำแข็ง 10 ตัว และวานรหิมะ 10 ตัว”
“ในด้านของระดับการเติบโต ไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนเลยที่ต่ำกว่าระดับปลุกตื่นขั้นเจ็ด และความเชี่ยวชาญทักษะก็ไม่ต่ำเลย”
“เดิมทีข้าต้องการให้อสูรเพลิงจันทราของข้าลองดู แต่ก็ไม่มีความก้าวหน้าเลย”
ทุกอย่างเงียบโดยพลัน
“บัดซ* 50 ตัวเหรอ?” ผ่านมาสักพักหนึ่ง เหอเปียว รองผู้บัญชาการแห่งกองทัพนักฝึกสัตว์อสูรในเขตผิงเฉิงก็เบิกตากว้าง
สามด่านแรกล้วนมีคู่ต่อสู้หนึ่งตัว ทำไมถึงเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาลในด่านที่สี่อย่างกะทันหันล่ะ!
นี่เกือบเทียบได้กับคลื่นสัตว์อสูรขนาดเล็กเลย!
เหล่านักฝึกสัตว์อสูรคนอื่นที่ไม่ผ่านแม้แต่ด่านที่สองและด่านที่สามต่างก็รู้สึกว่าความยากของด่านที่สี่นั้นไร้สาระเกินไป
จะมีคนสามารถผ่านหนึ่งปะทะห้าสิบได้ยังไงกันในเมื่อผู้ที่เข้าไปได้ถูกจำกัดไว้ที่นักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดเท่านั้น…
เอ่อ?
ทุกคนตระหนักได้ถึงบางสิ่งอย่างกะทันหันและมองที่รูปปั้นหินตัวที่สี่ซึ่งสว่าง
ทุกคนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีคนผ่านใช่ไหม?
เขาคือใครกัน…
“เอาล่ะ เจ้าทำได้ดีมาก ยังมีโอกาสในครั้งต่อไป” ประธานเฟิงให้กำลังใจหลานชายของเขาและหันไปหาเหล่าทหารที่ลงทะเบียน
“มีคนยังออกมากี่คน?”
“รอสักครู่!” ทหารที่ลงทะเบียนดูข้อมูลสักพักหนึ่งซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ในปัจจุบันดูเหมือนว่าจะเหลือคนหนึ่ง”
ไม่มีใครคาดคิดว่าข้อสงสัยจะคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว
อันที่จริง ไม่ว่าเจาจะผ่านสามด่านแรกหรือไม่ หนึ่งต่อหนึ่งก็ไม่ใช้เวลามากเกินไป
แต่หากเขาต้องการที่จะผ่านด่านที่สี่ เขาจะต้องใช้เวลาเยอะมากอย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องปกติที่คนผู้นี้จะเหลืออยู่คนสุดท้าย
“เขาคือใครกัน?” แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร ประธานเฟิงก็ต้องการยืนยันโดยไม่รู้ตัว
ในขณะเดียวกัน ในฝูงชน เหล่านักฝึกสัตว์อสูรก็พยายามมองไปรอบตัวพวกเขาเพื่อหาว่าใครหายไป
ในเวลานั้น เฉินไค เจียงรุ่ย เฉียวเหลียง และคนอื่นก็ดูแปลกเล็กน้อย พวกเขาค้นหาต่อไป แต่พวกเขาก็ยังไม่พบอะไรเลย
บ้าน่า… ไม่มีทาง…
“ซืออวี๋ ชื่อของเขาคือชื่ออวี๋!”
เมื่อทหารผู้นี้กล่าวเสร็จ แสงก็สว่างขึ้นอีกครั้งบนค่ายกลเทเลพอร์ตที่อยู่ตรงกลางรูปปั้นหินทั้งหกอย่างบังเอิญ
มีคนออกมาจากซากปรักหักพัง
ชายหนุ่มในชุดนักผจญภัยสีน้ำเงินเข้มเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่มีความสุข
ซืออวี๋ต้องการสื่อสารกับรูปปั้นหินนับร้อยครั้งอย่างแท้จริง
ด่านที่สี่นั้นยากเกินไป! แม้แต่อีเลฟเว่นและเขาก็ไม่สามารถผ่านไปได้หากไม่ใช้ไผ่ลับทั้งหมดของพวกเขา
อันที่จริง เรื่องนี้ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าด่านที่สี่ยากมากเพียงใด แต่ในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ซืออวี๋เหลือบมองไปที่ด่านที่ห้าและพบว่ามันไร้สาระมาก
ด่านนี้ไม่ได้เตรียมไว้สำหรับนักฝึกสัตว์อสูรทั่วไปเลย
ในด่านที่ห้า มีสัตว์อสูรดุร้ายทั้งหมด 100 ตัว จำนวนเพิ่มขึ้น ประเภทเพิ่มขึ้น และระดับการเติบโตโดยรวมของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้น มีแม้กระทั่งสัตว์อสูรดุร้ายระดับปลุกตื่นขั้นสิบ
แม้ว่าจะไม่มีสัตว์อสูรดุร้ายที่มีเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการ แต่เพียงแค่การเอาชนะสัตว์อสูร 50 ตัวเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้อีเลฟเว่นเหนื่อยล้าแล้ว ซืออวี๋ไม่คิดว่าพวกเขาจะผ่านด่านนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงถอนตัวโดยตรง
อืมม พวกเขาจะกลับมาอย่างแน่นอน เมทื่อถึงวันที่พวกเขาเชี่ยวชาญการปราบปราม พวกเขาจะแก้แค้นให้กับความอัปยศก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
“เอ่อ?” เมื่อจิตใจของซืออวี๋ตื่นตัว เขาก็ตระหนักได้ว่ามีสายตามากจับต้องมาที่เขา
ซืออวี๋รู้สึกขนลุกเมื่อถูกสายตาที่แปลกประหลาดจับจ้อง
“เจ้าคือซืออวี๋งั้นเหรอ?” ทหารที่ลงทะเบียนซึ่งอยู่ใกล้กับค่ายกลเทเลพอร์ตได้เอ่ยถาม
“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
“เจ้าผ่านด่านที่สามและด่านที่สี่ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” ไม่มีความจำเป็นที่ต้องซ่อนเรื่องนี้ ซืออวี๋จึงพยักหน้า
เขามองไปทางรูปปั้นหิน ตามที่คาดไว้ มีเพียงสองรูปปั้นหินเท่านั้นที่สว่าง แต่ตอนนี้มีสี่รูปปั้นหินที่สว่าง
“นี่!”
ในขณะที่ซืออวี๋พยักหน้ายืนยัน เฉิงกงผู้ที่พบเจอกับความกดดันของด่านที่สี่ก็ได้พบว่านี่น่าเหลือเชื่อมาก
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามีนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดที่ชนะหนึ่งปะทะห้าสิบได้
ผู้ที่ตกตะลึงยิ่งกว่าเฉิงกงก็คือคนที่คุ้นเคยกับซืออวี๋
เฉินไค ไวท์สโตน เจียงรุ่ย และคนอื่นอ้าปากค้างเล็กน้อยและรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ
แม้ว่าซืออวี๋จะแข็งแกร่งมากอย่างแท้จริง แต่อสูรกินเหล็กน้อยก็ดูเหมือนจะมีระดับการเติบโตไม่สูงมากนัก มันห่างไกลจากระดับปลุกตื่นขั้นสิบ!
หากระดับการเติบโตของมันไม่สูงนัก แสดงว่าพละกำลังของมันมีจำกัด มันผ่านด่านที่สี่ได้ยังไงกัน…
พวกเขาไม่รู้ว่าอีเลฟเว่นอีเลฟเว่นมีความสามารถในการหดตัวเพื่อหลบคู่ต่อสู้ และการหลับลึกเพื่อฟื้นฟูพละกำลัง มันสามารถใช้ข้อบกพร่องของสัตว์อสูรดุร้ายที่มีสติปัญญษต่ำเหล่านี้เพื่อพักผ่อนในช่วงสั้นๆ ได้
“บัดซ*” อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เหลือเชื่อที่สุดก็คือแพทย์หนุ่ม เฉียวหลง
ในความประทับใจของเขา ซืออวี๋นั้นอ่อนแอ แต่ก็เป็นมือใหม่ที่ขยันขันแข็ง ซืออวี๋จะเป็นพี่ใหญ่ที่ผ่านสี่ด่านได้ติดต่อกันได้ยังไงกัน?
“ทำได้ดีมาก”
ในขณะนี้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าซืออวี๋ผ่านด่านที่สี่ได้ยังไงกัน แต่ความก้าวหน้าใหม่ในการถอดรหัสซากปรักหักพังก็เป็นข่าวดีเช่นกัน
ประธานเฟิงมองไปที่ซืออวี๋ด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าเป็นศิษย์ของศูนย์ฝึกศิลาไผ่ใช่ไหม? ปรมจารย์หลินกล่าวถึงเจ้ามาก่อน”
“เขากล่าวว่าเจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจ… แต่ข้าไม่คาดหวังว่าจะประหลาดใจเช่นนี้”
“วีรบุรุษรุ่นเยาว์ปรากฎตัวขึ้นมาแล้ว” ประธานเฟิงปรบมือและกล่าวว่า “เจ้าช่วยบอกสถานการณ์ของด่านที่ห้าได้ไหม?”
ปรมจารย์หลินฮงเหนียนกล่าวถึงเขาแก่ประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงเหรอ?
ซืออวี๋ตกตะลึงก่อนที่จะกล่าวต่อ
“ด่านที่สี่คือสัตว์อสูรดุร้ายธาตุน้ำแข็ง 50 ตัวที่มีระดับการเติบโตระหว่างระดับปลุกตื่นขั้นเจ็ดถึงสิบ ด่านที่ห้าคือสัตว์อสูรดุร้ายธาตุน้ำแข็ง 100 ตัวที่มีระดับการเติบโตระหว่างระดับปลุกตื่นขั้นแปดถึงสิบ”
“ระดับเผ่าพันธุ์ของพวกมันล้วนอยู่ระดับเหนือธรรมชาติ และความเชี่ยวชาญทักษะของพวกมันนั้นข้าไม่มั่นใจ”
“เนื่องจากด่านที่ห้านั้นค่อนข้างยาก เราจึงทำเพียงแค่มองดูและจากไป เราไม่ได้ท้าทายมากกว่านี้”
หลังจากซืออวี๋กล่าวเสร็จ ผู้คนโดยรอบก็หายใจไม่ทั่วท้อง
ด่านที่สี่นั้นเลวร้ายมากพอแล้ว จะมีคนสามารถผ่านด่านที่ห้าได้จริงเหรอ?
ประธานเฟิงก็เงียบไปสักพักหนึ่ง จากนั้น เขาก็มองทุกคนและกล่าวออกมา
“เนื่องจากทุคนเข้าไปซากปรักหักพังแล้วหนึ่งครั้ง ข้าจึงมีข่าวที่จะประกาศให้แก่ทุกคน”
“ในเดือนหน้า สมาคมนักนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงจะใช้ทรัพยากรจำนวนหนึ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของทุกคน”
“ใครก็ตามที่สามารถผ่านสองด่านแรกได้จะได้รับทรัำพยากรฝึกฝนสัตว์อสูร ทรัพยากรจะเพิ่มขึ้นในแต่ละด่านที่พวกเจ้าสามารถผ่านได้”
เพื่อเร่งการถอดรหัสซากปรักหักพังนี้ ไม่ว่าสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงจะยากจนมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถละเลยการบ่มเพาะผู้ท้าทายของพวกเขาได้ มิฉะนั้น ความก้าวหน้าในการถอดรหัสจะเป็นศูนย์
“วันนี้ทุกคนไปพักผ่อนได้แล้ว ผู้ที่สัตว์อสูรได้รับบาดเจ็บ อย่าลืมไปสถานพยาบาลเพื่อฟื้นฟูด้วย”
“เฉิงกงและ.. ซืออวี๋ใช่ไหม? พวกเจ้าต้องไปที่สถานพยาบาลไหม? แล้วมาพบข้าในภายหลัง” ประธานเฟิงเรียกสองนักฝึกสัตว์อสูรที่ผ่านด่านที่สาม
ในมิติฝึกสัตว์อสูร แม้ว่าอาการบาดเจ็บของสัตว์อสูรจะฟื้นตัวย่างช้าๆ และอาการจะไม่แย่ลง แต่ผลทักษะการรักษาก็ยังคงดีที่สุด
“ตกลง” เฉิงกงพยักหน้า
“ไม่จำเป็น สัตว์อสูรของข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ” ซืออวี๋กล่าวออกมา
อีเลฟเว่นฟื้นฟูตัวเองแล้วในขณะที่มันต่อสู้ มันขาดพละกำลังและกำลังหลับเพื่อฟื้นฟูในมิติฝึกสัตว์อสูร
ทุกคนตกตะลึง
คนผู้นี้กล่าวอะไรกัน?
เฉิงกงผู้ที่อยู่ไม่ไกลซืออวี๋นักนั้นรู้สึกปวดใจมาก เขาอ้าปากค้างอีกครั้ง ชายผู้นี้กำลังจะบอกว่าเขาว่าหลังจากต่อสู้หนึ่งปะทะห้าสิบ สัตว์อสูรของตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บเลยงั้นเหรอ??
“ข้าเข้าใจแล้ว… งั้นเจ้าก็ตามข้ามาได้เลย” มุมปากของประธานเฟิงกระตุก
โชคเข้าข้างงศูนย์ฝึกศิลาไผ่มากพอแล้วที่ได้บ่มเพาะนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพอายุ 18 ปี เกิดอะไรขึ้นกับซืออวี๋ผู้นี้กัน?
ประธานเฟิงไม่เข้าใจเลย
จากนั้น ซืออวี๋ก็ได้เดินตามประธานเฟิงเข้าไปในค่ายทหารภายใต้การจ้องมองอย่างเงียบสงบของทุกคน
รองผู้บัญชาการเหอเปียวก็ตามไปด้วยเช่นกัน
“น้องชาย เจ้าผ่านด่านที่สี่ได้จริงเหรอ?? ข้าเพิ่งดูข้อมูลสัตว์อสูรของเจ้า นั่นเป็นไปได้ยังไงกัน? แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็เป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิง นามสกุลของข้าคือเหอ” เหอเปียวไม่เข้าใจเลย
ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่เข้าใจ ประธานเฟิงก็มีคำถามมากมายเช่นกัน
ในเวลานี้ ซืออวี๋ได้หยิบรางวัลสำหรับการผ่านด่านที่สามออกมาโดยตรง หินโปร่งแสง
และรางวัลสำหรับการผ่านด่านที่สี่ หินโปร่งแสงสามก้น
รางวัลสำหรับสองด่านนี้เหมือนกัน แตกต่างกันแค่จำนวน
“ประธานเฟิง ผู้บัญชาการเหอ นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับเมื่อข้าผ่านด่านที่สามและด่านที่สี่”
“นี่คืออะไรกัน? ทรัพยากรบ่มเพาะสัตว์อสูรงั้นเหรอ?”
ทั้งสองคนได้หันไปสนใจมันในทันที
ประธานเฟิงตกตะลึงเมื่อเขาเห็นมัน
“หินไร้ตัวตนงั้นเหรอ?”
“รางวัลสำหรับด่านที่สามและด่านที่สี่ไม่ใช่คริสตัลพลังงานอีกต่อไป แต่เป็นหินไร้ตัวตนงั้นเหรอ?” เหอเปียวค่อนข้างตกตะลึง
“หินไร้ตัวตนคืออะไรกัน?” ซืออวี๋ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทรัพยากรดังกล่าวมาก่อนเลย
“บัดซ* เจ้าโชคดีมาก นี่คือทรัพยากรมิติที่หายาก!” เหอเปียวกล่าวออย่างดุร้าย
“มันเป็นทรัพยากรที่หายากยิ่งกว่าคริสตัลพลังงานเสียอีก เจ้าไม่สามารถซื้อมันได้แม้ว่าเจ้าจะมีเงิน มันมีอยู่น้อยมาก คนธรรมดาไม่สามารถพบเจอพวกมันได้เลย นี่คือซากปรักหักพัง มิติอาณาจักรลับต้องผลิตมันอย่างแน่นอน!”
“ทรัพยากรมิติงั้นเหรอ?” ซืออวี๋ตกตะลึงในขณะที่เขามองไปที่หินโปร่งแสงสี่ก้อนในมือของเขา
นี่คือวัสดุวิวัฒนาการที่เขากำลังมองหางั้นเหรอ? คุณสมบัติหายาก?
บักกี้ อีเลฟเว่น และเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อมันในครั้งนี้
“ใช่แล้ว ทรัพยากรมิติเป็นทรัพยากรที่นักฝึกสัตว์อสูรทุกคนใฝ่ฝัน การใช้หินนี้สามารถเร่งการยกระดับของมิติฝึกสัตว์อสูรได้” ประธานเฟิงพยักหน้าและกล่าวเสริมว่า “นี่คือสิ่งที่ดีซึ่งจะเพิ่มระดับของนักฝึกสัตว์อสูร…”
“สิ่งนี้สามารถใช้เสริมพลังให้กับมิติฝึกสัตว์อสูรได้งั้นเหรอ?” ซืออวี๋ตกตะลึงอีกครั้งในขณะที่เขาเอ่ยถาม
พวกเขาทั้งสองคนพยักหน้า
“อืมม…” ซืออวี๋มองไปที่หินอีกครั้ง ไม่เป็นไร
เขาต้องการดูว่ามีทรัพยากรที่ดียิ่งกว่าสำหรับบักกี้ในภายหลังหรือไม่ ธาตุมิตินั้นไม่คู่ควรกับมัน
ในฐานะนักฝึกสัตว์อสูร เขาจึงใช้หินเหล่านี้อย่างไม่เต็มใจ
“จากลักษณะแล้ว เฉิงกงควรจะได้รับหินไร้ตัวตนเช่นกัน ไม่เลวเลย ด้วยสิ่งนี้ มิติฝึกสัตว์อสูรของพวกเจ้าจะสามารถเพิ่มเป็นระดับสองก่อนและทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สองได้…”
ประธานเฟิงพยักหน้า แต่ในไม่ช้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “เดี๋ยวก่อน ซืออวี๋ เมื่อเจ้ากลับไป อย่าพยายามเพิ่มระดับของมิติฝึกสัตว์อสูร”
“ซากปรักหักพังนี้เหมาะสำหรับนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดเท่านั้น…”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ซืออวี๋พยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว เขาจะไม่ยกระดับเร็วเกินไป ตราบใดที่ระดับของมิติฝึกสัตว์อสูรถึงมาตรฐานก่อนการประเมินมืออาชีพ นั่นก็เพียงพอแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเกิดความคิด ความเร็วการเพิ่มระดับของอีเลฟเว่นไม่ควรจะเร็วเกินไป มิฉะนั้น มันอาจเหนือกว่าเงื่อนไขการเข้าซากปรักหักพังและไม่สามารถเข้าไปได้
ในเวลาเดียวกัน ความเร็วการรักษาของเฉิงกงก็รวดเร็วเช่นกัน ในเวลาเพียงแค่สองนาทีเขาก็ได้มาถึงแล้ว
นี่คือเรื่องปกติ แพทย์ทหารที่ประจำการที่นี่ล้วนเป็นนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพ การรักษาสัตว์อสูรระดับปลุกตื่นเพียงแค่ใช้หนึ่งทักษะก็เพียงพอแล้ว
แม้ว่ามันจะเป็นกลลุ่มสัตว์อสูรที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทักษะการรักษาแบบกลุ่มก็เพียงพอแล้ว
“ประธาน รองผู้บัญชาการเหอ” เฉิงกงไม่ต้องการแสดงความสัมพันธ์ของเขากับประธานเฟิง
เรื่องนี้จะทำให้ความสำเร็จของเขาเกิดขึ้นเพราะเบื้องหลังของตระกูล ไม่ใช่ความพยายามของเขา
“เฉิงกง รางวัลด่านที่สามของเจ้าคืออะไร?” ประธานเฟิงมองไปที่เฉิงกง
“มันคือหินไร้ตัวตน” เฉิงกงหยิบหินโปร่งแสงขึ้นมาซึ่งมันเป็นเช่นเดียวกับหินของซืออวี๋
ประธานเฟิงและรองผู้บัญชาการเหอมองหน้ากันและพยักหน้า
ประธานเฟิงกล่าวว่า “พวกเจ้าจงเก็บรักษาสินสงครามไว้ให้ดี นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าสมควรได้รับ”
“ในการท้าทายซากปรักหักพังในครั้งนี้ มีเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้นที่ผ่านด่านที่สาม เฉิงกง เจ้าผ่านสามด่าน ซืออวี๋ จ้าผ่านสี่ด่าน ผลงานของพวกเจ้าดีมาก”
“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าก็ได้ยินแล้ว ต่อไป สมาคมจะดึงเงินจำนวนหนุึ่งมาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเจ้า”
“ผลงานของพวกเจ้าในครั้งนี้โดดเด่นมากที่สุด สมาคมจะให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะพวกเจ้าอย่างแน่นอน พวกเจ้าสามารถขอะไรก็ได้ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง”
ประธานเฟิงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับทั้งสองคนแล้ว
สำหรับเหล่านักฝึกสัตว์อสูรที่อยู่ข้างนอก พวกเขาสามารถบ่มเพาะได้บางส่วน
การให้ทรัพยากบางส่วนเพื่อให้พวกเขาเติบโตในซากปรักหักพังและเลี้ยงดูนักฝักสัตว์อสูรมืออาชีพสำหรับเขตผิงเฉิงให้มากขึ้นนั้นไม่ใช่การสูญเปล่า
สำหรับกองกำลังหลัก นั่นก็คงจะเป็นซืออว๊่และเฉิงกง
“ตกลง” เฉิงกงเตรียมใจไว้ชัดเจนแล้วสำหรับสิ่งนี้ เขาพยักหน้าในทันที
สำหรับซืออวี๋ผู้ที่อยู่ข้างเขาก็ได้ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก มีสิ่งที่ดีเช่นนี้ด้วยเหรอ?
สำหรับความต้องการ… ในระดับของเขา เงินนั้นดีกว่ามากอย่างแท้จริง สิ่งอื่นไร้ประโยชน์
“แต่ไม่ว่ายังไง พวกเจ้ายังไม่รู้จักกันใช่ไหม?”
“ให้ข้าแนะนำเอง นี่คือเฉิงกงจากเขตผิงเฉิง แต่เขาไปเรียนในเมืองทุ่งน้ำแข็ง”
“ซืออวี๋ ศิษย์จากศูนย์ฝึกศิลาไผ่ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเคยเรียนในเมืองทุ่งน้ำแข็งมาก่อนใช่ไหม?” ประธานเฟิงพยายามนึกข้อมูลของซืออวี๋
“เอ่อ โรงเรียนทุ่งน้ำแข็งชั้นสูง สาขาการเพาะพันธุ์” ซืออวี๋แนะนำตัวเอง
เฉิงกงและรองผู้บัญชาการเหอ : ??
พวกเขาทั้งสองคนมองไปที่ซืออวี๋ ชายผู้นี้เอาชนะยักษ์เกราะน้ำแข็งเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการและเอาชนะหนึ่งปะทะห้าสิบ และในตอนนี้เขาก็กล้าที่จะเริ่มบอกพวกเขาว่าเขามาจากสาขาการเพาะพันธุ์งั้นเหรอ??
อย่าบอกพวกเขาว่าหลังจากที่ซืออวี๋เข้าไปในซากปรักหักพัง เขาก็ใช้วิธีการเพาะพันธุ์เพื่อทำให้สัตว์อสูรดุร้ายเหล่านั้นยอมจำนนโดยตรง!
“เอ่อ…” หลังจากที่เปลือกตาของเฉิงกงกระตุก เขาก็เอื้อมมือไปหาซืออวี๋และกล่าวว่า “สวัสดี”
“เพื่อผ่านด่านที่สี่… เจ้าน่าประทับใจมาก”
“ข้ามีคำขอที่ไร้สาระ เราสามารถต่อสู้กันหลังจากที่สัตว์อสูรของเราฟื้นฟูได้ไหม?”
เนื่องจากเขาสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของซืออวี๋และวิธีที่ซืออวี๋ใช้ในการผ่านด่านที่สี่มากเกินไป เฉิงกงจึงอดไม่ได้ที่จะท้าทายซืออวี๋
ข้างเขา ประะธานเฟิงแห่งสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หยุดเขา
หลานชายของเขาเกิดมาเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง หลังจากการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ นี่เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่พอใจและต้องการเห็นความแตกต่าง
ในขณะเดียวกัน ในฐานะประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิง เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซืออวี๋ เขาจึงต้องการเห็นความแข็งแกร่งของซืออวี๋เช่นกัน
สถานการณ์ภายในซากปรักหักพังไม่สามารถดูได้ แต่อย่างน้อยการต่อสู้ภายนอกก็ดูได้ใช่ไหม?
การท้าทายที่กระตือรือร้นของเฉิงกงคือโอกาส
“การต่อสู้งั้นเหรอ?” ซืออวี๋ก็ยื่นมือของเขาออกไปและจับมืออีกฝ่าย
นอกเหนือจากเขาเองแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นเพียงคนเดียวที่เอาชนะยักษ์เกราะน้ำแข็งได้ เขาคงไม่อ่อนแอมากนัก
“ตกลง” ซืออวี๋ไม่ปฏิเสธ เหล่านักฝึกสัตว์อสูรจำเป็นต้องต่อสู้กันเพื่อพัฒนา…
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน