บทที่ 51: ท่านกินมากขนาดนี้ พระราชวังจะไม่สิ้นเนื้อประดาตัวเอาเหรอ?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 51: ท่านกินมากขนาดนี้ พระราชวังจะไม่สิ้นเนื้อประดาตัวเอาเหรอ?
นางยืนเอามือจับสะโพกของนาง ยกใบหน้าเล็กๆ ของนางคล้ายต้องการข่มขู่ “คราวนี้เจ้านำเงินมาด้วยหรือยัง? ถ้าไม่ เช่นนั้นเจ้าจะต้องมีปัญหาแน่!”
หลินเป่ยฟานตบกระเป๋าของเขาและยืดหลังของเขาอย่างมั่นใจ "แน่นอนว่าข้าเอามันมาแล้ว ตามข้ามาสิ ข้ารู้ว่าจะไปที่ไหน”
เจ้าหญิงน้อยเชื่อในความมั่นใจของหลิน นางจึงพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “เช่นนั้นวันนี้เรามาลองร้านอาหารอื่นกันดีกว่า ข้าจะกินทุกอย่างที่พวกเขามีและทำให้เจ้าหมดสิ้นเลย!”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินเป่ยฟานก็หยิบเหรียญเงินจำนวนสองสามตำลึงออกมาวางไว้บนโต๊ะ เจ้าหญิงตัวน้อยถึงกับตกตะลึง “มีเพียงแค่สิบตำลึงเท่านั้นเหรอ? นั่นมันไม่เพียงพอที่จะจ่ายอาหารจานเดียวด้วยซ้ำนะ! เอามาให้ข้าอีกสิ!”
“นี่คือทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว!” หลินเป่ยฟานกล่าว
เจ้าหญิงตัวน้อยถึงกับตกตะลึง “เจ้านำเงินมาเพียงสิบตำลึงเท่านั้นหรือ?”
"ขอรับ" หลินเป่ยฟานพยักหน้า
เจ้าหญิงตัวน้อยยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก “เจ้านำเงินมาเพียงสิบตำลึง แต่กลับมีความกล้าที่จะเชิญข้ามากินด้วยความมั่นใจเนี่ยนะ?”
“เจ้าหญิงน้อย ท่านยังไม่แต่งงาน ดังนั้นท่านคงจะไม่อาจเข้าใจ! บุรุษอย่างเราในยุคสมัยใหม่นี้ จะต้องให้เงินของเราแก่สตรีเจ้าเรือนเพื่อให้นางเป็นคนจัดการมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เราใช้จ่ายนอกเรือนโดยประมาท ภรรยาของเราจึงให้เบี้ยเลี้ยงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”
ในฐานะคนที่เคยผ่านเรื่องนี้มาก่อน หลินเป่ยฟานก็ยิ้มและพูดว่า “สมัยก่อนที่กระหม่อนจะแต่งงาน ข้าต้องพกหนึ่งขั้นต่ำก็หนึ่งร้อยตำลึง แต่ยามนี้ข้าได้แต่งงาน แม้ได้เพียงสิบตำลึงพกติดตัว ข้าก็รู้สึกยินดียิ่งแล้ว!”
เจ้าหญิงตัวน้อยถึงกับหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าภาคภูมิใจของอีกฝ่าย เจ้าหญิงน้อยก็อยากจะต่อยเขาจริงๆ นางถามด้วยใบหน้าโกรธเป็นอย่างมาก “แล้วเจ้าไม่มีเงินเหลือเลยจริงๆ เหรอ?”
หลินเป่ยฟานอ้าแขนออกมาอย่างมั่นใจและพูดว่า “ไม่มีเงินเหลือเลย หากท่านไม่เชื่อข้าก็ค้นตัวข้าสิ!”
เจ้าหญิงน้อยค้นตัวเขาจริงๆ แต่กลับไม่พบอะไรเลย นางควักเงินของตัวเองออกมาอย่างไม่เต็มใจอีกครั้ง “ข้าจะจ่ายให้เจ้าอีกครั้งไปก่อน คราวหน้าเจ้าต้องจ่ายให้ข้าเป็นสองเท่า!”
หลินเป่ยฟานพยักหน้าซ้ำๆ “ขอรับ ข้าสัญญา!”
“สัญญากับเท้าข้าสิ! เจ้าไม่มีเงินติดตัวเลยด้วยซ้ำ เจ้าจะสัญญากับข้าได้ยังไง?” เจ้าหญิงตัวน้อยพูดออกมาด้วยความโกรธ
หลินเป่ยฟานจึงเงียบไป
ในวันที่สาม หลินเป่ยฟานสามารถกลับเรือนไปโดยไม่ถูกเจ้าหญิงตัวน้อยสกัดกั้น
ทว่าหลี่ซือซือกลับเดินออกมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก “ท่านสามี ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว! ถ้าท่านไม่กลับมา ข้าก็ไม่รู้แล้วว่าจะจัดการอย่างไร!”
“มีเรื่องใดงั้นหรือ?” หลินเป่ยฟานถามด้วยความสับสน
“องค์หญิงยุนหยิงมาเยือนที่นี่น่ะสิเจ้าค่ะ!”
ขณะที่นางกำลังกล่าว เจ้าหญิงน้อยก็เดินออกจากลานของเรือนด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
ใบหน้าเล็กๆ ของนางเงยขึ้น นางพูดกับหลินเป่ยฟานอย่างเย่อหยิ่งไปว่า “หลินเป่ยฟาน เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้นำเงินมาด้วยสินะ? นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าไงล่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะอยู่ที่เรือนของเจ้า กินที่เรือนของเจ้าและดื่มที่เรือนของเจ้า ข้าจะเกาะเจ้ากินจนสิ้นเนื้อประดาตัวเลย!”
“ท่านไม่มีเหตุจำเป็นต้องอยู่ที่เรือนของข้าเลย! อีกทั้งท่านหญิงยังเป็นบุตรีของตระกูลยุนที่ยังไม่ได้ออกเหย้าออกเรือนเลย มันคงไม่เหมาะสมนัก แต่ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ เราทุกคนก็จะปฏิบัติรับใช้ท่านเป็นอย่างดี!” หลินเป่ยฟานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"เหอะ! เจ้ารู้ดีนิ! ข้าจะกินเงินทั้งหมดที่เจ้าได้มาด้วยความโลภเอง!” เจ้าหญิงน้อยพ่นลมหายใจออกมา
ดังนั้นในเรือนของหลินเป่ยฟานจึงได้มีนักชิมตัวน้อยที่แสนน่ารักเข้ามาอยู่ด้วย
เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ เจ้าหญิงตัวน้อยก็โกรธมากที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย
“หลินเป่ยฟาน เจ้าคนจอมปั่นหัว! ตรงนี้ก็เป็นมื้ออาหารที่มีราคาอย่างน้อยหนึ่งร้อยตำลึงแล้ว มากกว่าเงินเดือนของเจ้าเสียอีก ไฉนเจ้ายังบอกว่าตนไม่ใช่ฉ้อราษฎร์บังหลวงอีก?”
“นั่นไม่ใช่เลย อาหารเหล่านี้จักรพรรดินีทรงมอบให้ข้ามา!”
“องค์จักรพรรดินีมอบให้เจ้างั้นหรือ? ได้ยังไงกัน?” เจ้าหญิงน้อยรู้สึกสับสน
หลินเป่ยฟานจึงอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดไป
“ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่ข้าสมควรได้รับอยู่แล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านกำลังคิดอยู่เลย!”
ขณะที่เขากำลังพูด เขาก็สังเกตเห็นว่าเจ้าหญิงตัวน้อยกำลังก้มศีรษะลงและดวงตาของนางพลันกเปลี่ยนเป็นสีแดง
หลินเป่ยฟานรู้สึกกังวลเล็กน้อย “เจ้าหญิงน้อย ท่านเป็นอะไรไปหรือ?”
ดวงตาของเจ้าหญิงน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงและหยาดน้ำตาก็ได้ไหลลงมาจากใบหน้าของนาง “ได้กินอาหารจากห้องครัวของจักรพรรดิทุกวัน กระทั่งพี่สาวจักรพรรดินี…เหตุใดพี่สาวจักรพรรดินีถึงไม่ใจดีกับข้าแบบนี้บ้างเล่า!”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินเป่ยฟานก็เอื้อมมือใหญ่ออกไปและลูบศีรษะเจ้าหญิงตัวน้อยอย่างแผ่วเบา เขาปลอบโยนนางด้วยเสียงอันแสนใจดี “อย่ามองโลกในแง่ลบนักเลย! เพราะนางก็เป็นถึงผู้ปกครองและมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาเพื่อจักรวรรดิแห่งนี้ บางที…นางอาจไม่สามารถจะใจดีกับท่านได้ต่างหาก!”
"เป็นเรื่องจริงหรือ?" เจ้าหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างมีความหวัง
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอนอยู่แล้ว! ลองคิดดูสิ ท่านกินตั้งมากมายขนาดนี้ ถ้าเกิดพระราชวังสิ้นเนื้อประดาตัวเล่า? นางจะกล้าให้ท่านไปหรือ?” หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
“เจ้านี้ช่างน่าชิงชังเหลือเกินนะ!” เจ้าหญิงน้อยหยุดร้องไห้และยิ้มออกมา
“หยุดร้องไห้เถิด มากินกันเร็ว! มิฉะนั้นจะหากท่านร้องไห้มากกว่านี้ มันจะเค็มเอาได้นะ!” หลินเป่ยฟานหัวเราะ
"อืม!" เจ้าหญิงตัวน้อยก้มศีรษะลงและกินอาหารด้วยความตะกละ
จากนั้นนางก็มองไปที่ใบหน้าอันแสนหล่อเหลาของหลินเป่ยฟาน
ความคิดแวบหนึ่งได้เข้ามาในหัวของนาง จริงๆ แล้วเจ้าคนผู้นี้ก็ไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้น!
ณ ยามนั้นเอง ภายในพระราชวัง
จักรพรรดินีกำลังอ่านบันทึกและเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ นางจึงหันศีรษะไปถามว่า “ดูเหมือนว่ายุนหยิงจะกลับมาแล้วสินะ ทำไมข้าไม่เห็นนางมาหาข้าเลยล่ะ?”
ขันทีเฒ่าโค้งคำนับด้วยความเคารพและตอบว่า “ฝ่าบาท องค์หญิงน้อยยุนหยิงทรงกลับมาแล้ว! ทว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางได้ไปรบกวนขุนนางชั้นสูงที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ หลินเป่ยฟาน นางบอกว่าจะเกาะเขากินจนสิ้นเนื้อประดาตัว!”
"หา? นางไปรบกวนผู้อำนวยการหลินงั้นเหรอ? แถมยังบอกว่าจะเกาะเขากินจนสิ้นเนื้อประดาตัวด้วย ฮ่าฮ่า…”
จักรพรรดินีทรงสนใจเป็นอย่างมาก "แล้วสถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง? ท่านหลินพลาดท่าหรือเปล่า?”
“ฝ่าบาท องค์หญิงน้อยต้องการเกาะท่านหลินกินจนสิ้นเนื้อประดาตัว ทว่าในสองวันที่ผ่านมา นางต้องเป็นคนจ่ายเอง!”
จักรพรรดินีประหลาดใจยิ่ง “ยุนหยิงจ่ายเงินเองจริงหรือ?”