บทที่ 248: ซื้อสัตว์! อัปเกรดทุ่งหญ้า! ของขวัญพิเศษ?
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายวัน
หลังจากที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาถึงบ้านไร่ชิงหลินพวกเขาได้เห็นเวทีสีแดงที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ถัดจากที่จอดรถ
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เมื่อเดินเข้าไปดูก็เห็นคำว่า ‘พิธีมอบรางวัลพื้นที่ท่องเที่ยว 4A บ้านไร่ชิงหลิน’ เด่นหรา
ด้านหน้าเวทีปูพรมแดงเป็นทางยาวและวางกระเช้าดอกไม้อย่างเรียบร้อยไว้สองข้างทาง
นักท่องเที่ยวที่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกประหลาดใจกันอย่างเห็นได้ชัด
“บ้านไร่ชิงหลินได้สี่เอแล้วเหรอ”
“ก็เขียนอยู่ชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ”
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วบ้านไร่ชิงหลินจะกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว 4A ก็เถอะ แต่นี่มันเร็วเกินไป ทว่าเมื่อมานึก ๆ ดูแล้วจากความเป็นที่นิยมของบ้านไร่ชิงหลินกลับรู้สึกว่าไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
ที่เวทีมีลูกบอลใสที่มีบัตรสลากใส่อยู่ พนักงานสองคนที่ใส่หูฟังได้ตะโกนบอกกับนักท่องเที่ยวที่กำลังคุยกันอยู่ “ยินดีต้อนรับสู่บ้านไร่ชิงหลินค่า~ วันนี้บ้านไร่ของเราได้จัดเทศกาลเนื่องจากเราได้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวระดับสี่เอแล้ว ทางบ้านไร่ได้เตรียมของสมนาคุณมากมายสำหรับทุกท่านเลย...”
ฉินหลินมอบหมายให้หลินหลานจื่อมีอำนาจเต็มที่ในพิธีมอบของรางวัล ส่วนเขากับจ้าวโม่ชิงไม่จำเป็นต้องออกไปปรากฏตัวในเรื่องแบบนี้อีกต่อไป และเขาก็ไม่ได้มีแผนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนด้วย
งานนี้ยังมีอธิบดีการท่องเที่ยวของอำเภอโหยวเฉิงคนใหม่ที่มาแทนเฉินหลี่เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลในครั้งนี้ด้วย
เฉินหลี่ไม่ได้มาด้วยตนเองซึ่งด้วยตำแหน่งที่ไม่จำเป็นต้องวิ่งออกมาทำเรื่องแบบนี้เองแล้วบวกกับรู้ว่าฉินหลินชอบเก็บตัวเงียบ ๆ ด้วยทำให้เขาสามารถมอบหมายงานนี้ให้แก่คนใหม่ที่มาแทนได้
เมื่อพิธีข้างนอกดำเนินเดินไป ข้างในฉินหลินหลินได้บริการชายอายุประมาณ 30 อยู่ เขาชงชาให้อีกฝ่ายดื่ม
ทันทีที่ชายคนนั้นนั่งลงเขาก็ส่งเรซูเม่ที่ตนถืออยู่ให้ฉินหลินและพูดว่า “นี่เรซูเม่ผมครับ”
หลังจากที่ฉินหลินรับมาก็วางไว้โดยไม่ได้เปิดอ่านและบอกว่า “ผมไม่กังวลเรื่องคนที่เฒ่าเฉินแนะนำให้หรอกครับหลูจู๋ก่วน คุณจะเข้าทำงานตั้งแต่วันนี้และตอนนี้ก็มีของที่ต้องซื้ออีกเพียบที่จะให้คุณทำ”
หลูจู๋ก่วนคนนี้ชื่อว่าหลูหย่ง เป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายจัดซื้อของเฉินเชิ่งเฟยที่หลานไห่กรุ๊ป
โครงสร้างแผนกของบ้านไร่ชิงหลินนั้นเรียบง่ายมาก ตอนนี้ฟาร์มกำลังจะเปิดขนาดของบ้านไร่ก็เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าของพื้นที่เดิม
ดังนั้นฟาร์มปศุสัตว์จะต้องรับสมัครพนักงานในจำนวนที่มากกว่าพนักงานที่บ้านไร่มีอยู่ตอนนี้ซะอีก ดังนั้นโครงสร้างแผนกบางส่วนต้องมีการปรับปรุง
ในบรรดาทั้งหมดแผนกจัดซื้อมีความสำคัญสูงสุด
ก่อนหน้านี้จ้าวโม่ชิงคือคนที่จัดการเรื่องนี้ทั้งหมด แต่เมื่อสเกลงานใหญ่ขึ้นเธอเองก็ทำไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงต้องหาคนอื่นมารับผิดชอบซึ่งก็อย่างที่บอกว่าแผนกนี้เป็นแผนกที่สำคัญมาก
บ้านไร่ตอนนี้ไม่มีพนักงานคนไหนเลยที่สามารถรับผิดชอบงานนี้ได้ ดังนั้นจึงได้แต่ไปขุดหาคนจากข้างนอกมาเท่านั้น
ซึ่งเมื่อเฉินเชิ่งเฟยรู้เข้าก็จัดการแนะนำหลูหย่งให้ทันที
แม้ว่าหลูหย่งจะเป็นเพียงซุปเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายจัดซื้อของเฉินเชิ่งเฟยที่หลานไห่กรุ๊ป แต่เขาก็มีความสามารถมากและมากเกินพอที่จะได้เป็นผู้จัดการ เพียงแต่ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของหลานไห่กรุ๊ปเองก็สุดยอดอยู่แล้ว ดังนั้นเลยไม่ตำแหน่งว่างให้สามารถดันหลูหย่งให้เลื่อนขั้นขึ้นไปได้
ทำให้หลูหย่งต้องรอโอกาสหรือไม่ก็เปลี่ยนงานไปเลย ซึ่งหากพบเจ้านายและผู้นำที่ดีก็จะถูกแนะนำให้ไปเป็นผู้จัดการของบริษัทนั้น ๆ เลย
ดังนั้นเฉินเชิ่งเฟยจึงแนะนำหลูหย่งให้
นอกจากนี้ฉินหลินยังเชื่อว่าเฒ่าเฉินต้องเคยคิดที่จะแนะนำคนผู้นี้มาตั้งนานแล้วและเชื่อว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัติเหมาะสมครบถ้วน ดังนั้นเขาจึงข้ามขั้นตอนการสัมภาษณ์ปกติไปเลย อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการซื้อใจที่ดี
“ไม่ต้องห่วงเลยครับฉินจ่ง ผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ดีเยี่ยมแน่นอน” หลูหย่งรู้สึกประทับใจการกระทำของฉินหลินจริง ๆ ด้วย เนื่องจากความรู้สึกถูกผู้คนไว้วางใจในฝีมือ
นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีความคาดหวังกับงานนี้ แม้ว่าตนจะยังคงอยู่ในตำแหน่งซุปเปอร์ไวเซอร์อยู่เหมือนเดิมก็ตาม แต่การที่คุณเฉินบอกให้มาทำงานที่นี่แปลว่าบ้านไร่ชิงหลินต้องไม่ด้อยไปกว่าหลานไห่กรุ๊ปมากนัก
หลังจากดื่มชากันแล้วฉินหลินก็พาหลูหย่งไปที่แผนกบุคคลเพื่อสมัครงานด้วยตัวเอง
สิ่งนี้ทำให้หลูหย่งรู้สึกว่าต้องจริงจังและเอนเนอร์จี้มาเต็ม
แผนกบุคคลของบ้านไร่ชิงหลินยังคงเรียบง่ายมาก มีเพียงจ้าวโม่ชิงกับเด็กสาว 4 คนที่ไปสมัครข้าราชการที่อำเภอแต่ไม่ติด
ทุกวันนี้บ้านไร่ชิงหลินก็ยุ่งมากกับงานบุคคลเนื่องจากต้องลงทะเบียนพนักงงานใหม่ในส่วนของฟาร์มปศุสัตว์
และหลังจากที่เปิดฟาร์มปศุสัตว์แล้วบ้านไร่ชิงหลินยังต้องรับสมัครบุคลากรของแผนกบุคคลด้วย ซึ่งต้องรับ HR มากประสบการณ์มาเป็นผู้รับผิดชอบ
ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการวางแผนงานด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท กำหนดและดำเนินการตามขั้นตอนหรือกฎและข้อบังคับในการสรรหา การฝึกอบรม การเข้างาน และวินัยแรงงาน นอกจากนี้ยังต้องรับผิดชอบในการกำหนดและปรับปรุงการจัดตั้งงานของบริษัทและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาและการใช้กำลังคนของหน่วยงานต่าง ๆ
ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่ 4 สาวที่จ้าวโม่ชิงเลือกมาจะทำได้
ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของบ้านไร่ทำให้โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งมันเกยอยู่ตรงหน้า การจะเลื่อนตำแหน่งพนักงานเก่าอย่างเดียวโดยไม่มีเงื่อนไขก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร
เพราะมันเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานเก่าได้มากขึ้น แต่หากพนักงานเก่าไม่ผ่านเกณฑ์มันก็ต้องสรรหาจากภายนอก
หลังจากพาหลูหย่งไปที่แผนกบุคคลแล้วฉินหลินก็เห็นเฉินต้าเป่ยเดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่ม
ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นก็ทำให้ฉินหลินต้องประหลาดใจหน่อย ๆ เพราะหน้าตาคุ้น ๆ และพอนึกไปนึกมาก็เป็นไอ้หนุ่มหัวเกรียนที่แข่งกันอุ้มเจ้าหญิงคืนนั้นหนิ!
จะจำได้ก็ไม่แปลก เพราะนอกจากตัวเขาเองแล้วก็มีแค่ไอ้หนุ่มฟิตเนสกับหมอนี่นี่แหละที่สามารถอุ้มเจ้าหญิงในท่าแสนยากนั่นได้นาน แถมเจ้าหมอนี่ยังอุ้มได้นานกว่าไอ้หนุ่มฟิตเนสมือโปรนั่นด้วย
แค่นั้นก็พอจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความแข็งแรงและความถึกทนนั้นสุดยอด
หนุ่มหัวเกรียนเองก็ประหลาดใจที่เห็นฉินหลินซึ่งเป็นคู่แข่งอุ้มเจ้าหญิงเหมือนกัน เพราะความสุดยอดของอีกฝ่ายทำให้ตนประทับใจเหลือเกิน
ความแข็งแรง ร่างกายที่ทนทาน ขนาดทหารรบพิเศษที่แม้แต่กองทัพเลือกเฟ้นมาอย่างดียังเทียบไม่ติด?
วันนี้เขาตามอาเขยเล็กของแฟนสาวมาเริ่มทำงานที่บ้านไร่ชิงหลินและบังเอิญเจอกับคู่แข่งคนนั้นอีกครั้งอย่างไม่นึกมาก่อน ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นพนักงานของบ้านไร่ชิงหลินเหมือนกัน
แต่สิ่งที่ทำให้หนุ่มหัวเกรียนต้องตกใจก็เกิดขึ้น เพราะอาเขยเล็กของแฟนสาวรีบวิ่งเข้าไปทักทายอีกฝ่ายด้วยความเคารพขั้นสุดว่า “สวัสดีครับเถ้าแก่!” ซะงั้นเลย!
ฉินหลินก็มองหัวเกรียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คนนี้ใครเหรอ”
เฉินต้าเป่ยรีบอธิบาย “เป็นแฟนหลานสาวที่เป็นญาติฝ่ายเมียน่ะครับเถ้าแก่ ชื่อหวงจงปิงเป็นทหารพึ่งปลดประจำการมาและกำลังหางานทำ บ้านไร่เองก็รับสมัครเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มพอดีผมเลยให้มาลองดูครับ”
หวงจงปิงตกใจกับสถานะของฉินหลินมาก
เพราะไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายกลับเป็นเถ้าแก่บ้านไร่ชิงหลินซะงั้น ตั้งแต่ตอนที่ปลดประจำการมาก็ได้ยินข่าวลือเรื่องเถ้าแก่บ้านไร่อย่างหนาหูสุด ๆ
ทุก ๆ คนต่างก็สงสัยนักหนาว่าเจ้าของบ้านไร่ชิงหลินหน้าตาเป็นยังไง อีกทั้งยังเคยได้ยินคนที่บ้านเกิดสบถแล้วพูดอย่างหน้าตาเฉยว่าเจ้าของบ้านไร่อายุ 38 ปี หน้าตางี้ ๆ ๆ ๆ รูปร่างงี้ ๆ ๆ ๆ ด้วย
ตัวเองตอนนั้นก็เชื่อสนิท แต่สุดท้ายไอ้บ้านนั่นแค่เมาแล้วโม่นี่หว่า!
แต่จะว่าไปแล้วใครมันจะไปคิดล่ะว่าเจ้าของบ้านไร่ชิงหลินจะเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยแค่นี้? แถมยังอายุน้อยกว่าตัวเองตั้งหลายปีด้วย อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นคนเงียบ ๆ หงิม ๆ เวลาเดินดูบ้านไร่นี่ไม่มีนักท่องเที่ยวที่ไหนคิดหรอกว่าจะเป็นเถ้าแก่บ้านไร่ อย่างมากก็แค่คิดว่าเป็นพนักงานตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้นแหละ
เมื่อดูจากอายุของอีกฝ่ายแล้วมาเทียบกับบ้านไร่ชิงหลินและบริษัทชิงหลินที่สุดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วก็บอกได้เลยว่าต่อให้หาทั้งประเทศก็หาคนหนุ่มแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว
ฉินหลินก็มอง ๆ ดูหวงจงปิงและบอกว่า “ทำงานให้ดีล่ะ!”
หวงจงปิงผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็รีบตอบว่า “ครับเถ้าแก่!”
ด้วยท่าทีที่มีสัมมาคารวะ
นี่เกิดจากความเคารพต่อผู้แข็งแกร่งจากใจจริง ในสายตาของเขานั้นเถ้าแก่บ้านไร่ผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งอย่างไร่ที่เปรียบและตั้งหน้าตั้งตารอคอยผลงานในบ้านไร่ชิงหลินมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าตนจะเป็นเพียงทหารปลดประจำการ แต่ก็พอดูออกว่าบริษัทนี้มีศักยภาพสูง มีเถ้าแก่หนุ่มที่เต็มไปด้วยเอนเนอร์จี้ ดังนั้นโอกาสที่แฝงอยู่ในบริษัทนี้จะต้องยิ่งใหญ่และมีมากมาย
ฉินหลินพยักหน้าและนำหลูหย่งไปที่สำนักงานฝ่ายบุคคล
เป็นเรื่องปกติที่ระดับบิ๊ก ๆ ของบ้านไร่จะเอาญาติ ๆ ฝากเข้ามาทำงาน ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้นเอาคนที่ไม่เหมาะสมเข้ามาทำก็โอเค มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพาครอบครัวเข้ามาทำงานดี ๆ ยิ่งเป็นสมาชิกครอบครัวที่มีความสามารถและแรงจูงใจยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อุตสาหกรรมการบริการนั้นแตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ ความซับซ้อนแบบนี้ยังคงทำได้ตราบเท่าที่ไม่ล้ำเส้นที่ไม่ควรล้ำ
หากมีคนโง่จริง ๆ ที่พาคนเข้ามาชนิดล้ำเส้นล่ะก็มันก็ต้องจัดการแบบที่พวกมันต้องโดนล่ะนะ ยังไงก็ยังมีอีกเพียบที่อยากได้ตำแหน่งซุปเปอร์ไวเซอร์ของบ้านไร่ชิงหลิน
“สวัสดีค่ะเถ้าแก่!”
“สวัสดีค่ะเถ้าแก่!”
...
เมื่อพนักงานหญิงทั้งหลายในสำนักงานเห็นฉินหลินเข้ามาก็ยืนขึ้นและกล่าวสวัสดี
“ช่วยหลูจู๋ก่วนคนนี้ผ่านขั้นตอนให้หน่อย” ฉินหลินส่งเรซูเม่และข้อมูลของหลูหยงให้กับพนักงานสาว
หลังจากได้รับเอกสารหญิงสาวก็ไม่กล้าลังเลและเริ่มดำเนินการทันที
หลังจากช่วยหลูหย่งผ่านขั้นตอนการสมัครและเซ็นสัญญาจ้างงานกันแล้วฉินหลินก็พาหลูหย่งกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองแล้วส่งรายการสั่งซื้อให้อีกฝ่าย “นี่เป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำหลังจากเข้าร่วม บริษัทเรา”
รายการสั่งซื้อคือสัตว์ชุดแรกที่เขากับจ้าวโม่ชิงได้เลือกแล้ว
อย่างแรกคือม้า
สนามม้ามีที่สำหรับแข่งม้า จากพื้นที่ 5,000 หมู่ที่ทำสัญญาไว้ด้านหลังได้แบ่ง 200 หมู่มาสร้างสนามแข่งม้า ต้องซื้อม้าอย่างน้อย 50 ตัวก่อนเลย และต้องเป็นชนิดที่อ่อนโยนเรียบร้อยเป็นม้าที่ฝึกฝนมาแล้ว ไม่งั้นอาจมีโอกาสทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ
หากต้องการซื้อม้าที่ดีกว่านี้ล่ะก็ แค่ตัวเดียวก็หลายล้านแล้ว ส่วนค่าอาหารนี่แพงกว่าค่าม้าอีก
ต่อไปก็เป็นวัวกับแกะ
เหล่านี้เป็นสัตว์สองชนิดที่ฟาร์มจะขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตามหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ฝั่งทุ่งเลี้ยงสัตว์พึ่งจะปลูกได้ไม่นาน เมล็ดหญ้าที่ว่านก็ใช่ว่ามันจะงอกงามเร็ว ดังนั้นจึงยังซื้อสัตว์ทั้งสองชนิดนี้ทีละเยอะ ๆ ไม่ได้
แล้วก็มีไก่ นกยูง หนูตะเภา... และอื่น ๆ
อีกตัวเป็นอัลปาก้า
ตอนนี้อัลปาก้าเป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากในแหล่งท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่ง
หลังจากซื้อสัตว์แล้วก็จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือให้อาหารรวมไปถึงอาหารสำหรับสัตว์บางชนิด
ดังนั้นทันทีที่หลูหย่งมาที่นี่ก็ต้องวิ่งวุ่นเลย
หลูหย่งเป็นคนที่กระตือรือร้นมาก หลังจากได้งานแล้วก็เริ่มทำงานในบ่ายวันนั้นเลย เขาได้ขอค่าใช้จ่ายการเดินทางทำธุรกิจกับจ้าวโม่ชิงจากนั้นก็เดินทางไปยังสถานที่ขายปศุสัตว์หลาย ๆ แห่ง
สัตว์เหล่านี้ไม่ใช่อะไรที่ดูรูปในเน็ตแล้วกดสั่งซื้อได้เลย มันต้องไปดูตัวจริง ๆ เป็น ๆ ให้เห็นกับตาเท่านั้น
ช่วงกลางวันพิธีมอบรางวัลพื้นที่ท่องเที่ยว 4A ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ อธิบดีคนใหม่ได้มอบป้ายประกาศเกียรติคุณหลายใบสำรับพื้นที่ท่องเที่ยว 4A ให้กับบ้านไร่
ป้ายเหล่านี้จะเอาไปแขวนไว้ที่ประตูล็อบบี้และห้องทำงานของเถ้าแก่
วันต่อ ๆ มาก็ได้มีจำนวนผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่พบว่ากำแพงที่สร้างขึ้นเพื่อกันไซต์ก่อสร้างของบ้านไร่ก่อนหน้านี้ได้ถูกรื้อถอนออกไปหมดแล้ว
มีคนได้เห็นพื้นที่ทุ่งหญ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
และมีคนเริ่มโพสต์คลิปวิดีโอของพื้นที่ฟาร์มทั้งหมดลงในอินเทอร์เน็ตแล้วด้วย
ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตระหนักแล้วว่าฟาร์มปศุสัตว์นั้นใหญ่กว่าที่คิด แม้แต่พื้นที่ของบ้านไร่เดิมยังเล็กกว่าพื้นที่ฟาร์มปศุสัตว์เลย
แฟนคลับบ้านไร่ต่างก็คาดหวังอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากชื่อเสียงที่บ้านไร่ชิงหลินสั่งสมมานั้นทำให้คาดหวังเลยว่าฟาร์มนี้จะต้องสนุกไม่มีผิดหวังชัวร์ ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนคลับในภาคใต้ เนื่องจากในภาคใต้เป็นเรื่องยากที่จะหาฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ที่สามารถเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานได้ ซึ่งหลาย ๆ คนตั้งแต่เกิดจนตายก็ไม่เคยขี่ม้าเลยแม้เพียงครั้งเดียว
ในห้องทำงาน
ฉินหลินจุดเครื่องหอมฉินหนาน และเมื่อเห็นจ้าวโม่ชิงเข้ามาเขาก็ปิดประตูแล้วเอาเธอมากอดให้เธอเกาะเขาเหมือนหมีโคอาล่าเกาะต้นไม้
หลังจากกินผลของต้นไม้แห่งพลังไป 2 ผลแล้วเรื่องแบบนี้ก็ง่ายดายจนเรียกว่าออกแรงยังไม่ได้
“อย่าทะลึ่ง! มีเรื่องแล้ว!” จ้าวโม่ชิงที่สู้ไม่ไหวก็ทำได้เพียงพูดออกไป
ฉินหลินยิ้มแล้วพาเธอไปนั่งตักบนเก้าอี้ทำงานแล้วค่อยถามว่า “เรื่องไรเหรอ?”
จ้าวโม่ชิงเปิดคอมพิวเตอร์แล้วล็อคอินแอปหลังบ้านของบ้านไร่แล้วเปิดอีเมล “นี่เป็นข้อมูลรูปภาพกับคลิปที่หลูหย่งส่งมาให้ ฉันไม่รู้เรื่องสัตว์อะไรพวกนั้นเลยเพราะงั้นเธอต้องดูเอง ถ้าไม่มีปัญหาล่ะก็ฉันจะได้อนุมัติเงิน”
ฉินหลินเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันแหละ อย่าว่าแต่ดูผ่านคลิปเลยต่อให้ไปดูด้วยตาตัวเองก็ยังไม่รู้เรื่อง อีกอย่างหลูหย่งเองก็เป็นโปรในด้านนี้ด้วย แทนที่ตัวเองจะมาเลือกเองสุ่มสี่สุ่มห้าสู้เชื่อใจให้อีกฝ่ายัดการไปซะจะดีกว่า
ทว่า... ก็อยู่ต่อหน้าเมียนี่นามันก็ต้องวางฟอร์มทำเป็นดูคลิปไปก่อนสิ คลิปวิดีโอทั้งหมดก็มีม้า วัว แกะ... และอื่น ๆ ที่อยากซื้อ
ถ้าตัดสินจากคลิปวิดีโอนี้ก็พอจะเห็นอยู่ว่าพวกสัตว์มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลังงานซึ่งดูไม่ได้มีปัญหาอะไร
หลังจากแสร้งทำเป็นดูคลิปวิดีโอจนจบแล้วก็บอกกับเธอว่า “ไม่มีปัญหาหรอก เชื่อใจหลูหย่งเถอะ”
“เค เด๋วฉันค่อยไปอนุมัติเงิน” จ้าวโม่ชิงพยักหน้าและหลังจากยอมให้ฉินหลินกินเต้าหู้ซักพักหนึ่งเธอก็กลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง
ฉินหลินมองดูนักท่องเที่ยวที่อยู่ด้านหลังของจอเกม จากนั้นก็กลับเข้าห้องไปนั่งเล่นเกมต่อ จัดการกิจวัตรประจำวันทั้งตกปลาหาของป่าตัดต้นไม้ แต่ก็น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีอะไรดี ๆ
แต่หลังจากที่เขาเอาของไปขายและกำลังจะดึงโฟกัสกลับมาที่โลกจริงก็ดันมีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาซะก่อน
[ตัวละครเลเวลเพิ่มขึ้น!]
การอัปเกรดอย่างกะทันหันนี้เขาเองก็ตกใจเหมือนกัน เพราะมันมาไม่ทันตั้งตัว
ขณะที่เขากำลังจะดูข้อมูลการอัพเกรดอยู่นั้นเองก็ได้เห็นนายกเทศมนตรีโทมัสเข้ามาในฟาร์ม
[เจอกันอีกแล้วนะ เพราะเมืองแร่ดิบของเรามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นความต้องการในผลผลิตของทุ่งหญ้าที่เพิ่มขึ้นของเมืองเพื่อการขยายตัวจึงได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษ นายเองก็สามารถขยายพื้นที่ทุ่งหญ้าของตัวเองได้ด้วยนะ ถ้าทำสำเร็จล่ะก็จะได้รับของรางวัลสุดพิเศษด้วย!]
จบบทสนทนาปุ๊บโทมัสก็หันหลังเดินกลับไปเลย เหมือนรีบมารีบไป
และเมื่อเขาอ่านข้อมูลหลังจากการอัปเกรดตัวละครเขาก็รู้ว่าทำไมนายกเทศมนตรีโทมัสถึงปรากฏตัวขึ้นมาพูดคุยเนื้อหาแบบนี้
เนื่องจากการอัปเลเวลครั้งนี้จะไม่สามารถอัปเกรดแปลงปลูกในฟาร์มได้ และไม่มีการเปิดพื้นที่บุกเบิกแปลงปลูกใหม่เหมือนที่เคยเป็น แต่ที่จะทำได้คือบุกเบิกพื้นที่ทุ่งหญ้าและอัปเกรดมัน
ซึ่งแปลว่าเลเวลนี้มีเพื่ออัปเกรดฟาร์มปศุสัตว์โดยเฉพาะ
ยิ่งไปกว่านั้นการอัปเกรดทุ่งหญ้าจะแตกต่างจากแปลงปลูก เพราะต้องไปเคลียร์ที่ดินในเมืองที่ได้รับการอนุมัติก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อได้
ในฟาร์มปศุสัตว์จะสามารถสร้างได้เพียงสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานเท่านั้น เช่นเล้าเป็ดเล้าไก่ หลังการอัปเกรดพื้นที่ทุ่งหญ้าปศุสัตว์แล้วจะสามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมได้
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือของขวัญที่นายกเทศมนตรีโทมัสพูดถึง ถ้าเดาถูกก็น่าจะเป็นม้าเหมือนในเกมเวอร์ชั่นเก่า