บทที่ 24 แจ้งตระกูลเฉิน
บทที่ 24 แจ้งตระกูลเฉิน
เมื่อมาถึงจุดนี้ ทันใดนั้นเฉินหรู่หยานก็หยิบแผนหยกออกจากกระเป๋าของเธอแล้วมอบให้เจียงเฉิงซวน
“นี่คือคำสอนของตระกูลเฉิน เมื่อสมาชิกทุกคนในตระกูลเฉินยอมรับมรดกแห่งการฝึกฝนจากตระกูลแล้ว พวกเขาต้องสาบานก่อนว่าจะไม่ละเมิดคำสอนของตระกูลนี้
หากใครฝ่าฝืนคำสอน แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าตระกูลเฉิน เขาก็ยังถูกลงโทษอย่างรุนแรงเหมือนเดิม
เชื่อข้าเถอะว่าตระกูลเฉิน ไม่ใช่ตระกูลที่คำนึงถึงแต่ผลกำไรอย่างเดียว
แผ่นหยกนี้บันทึกคำสอนและกฎเกณฑ์ของตระกูลเฉินไว้ ท่านสามารถดูได้ว่าข้าโกหกท่านหรือไม่
นอกจากนี้ ข้าขอสาบานกับท่านได้เลยว่าทุกสิ่งที่ข้าเมื่อกี้เป็นความจริง
หากมีสิ่งใดเป็นเท็จแม้แต่ประโยคเดียว ขอให้ข้าหายไปจากโลกแห่งการฝึกฝนนี้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจียงเฉิงซวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะเขินอาย แต่เขาก็ไม่ประมาทในเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง
เขากล่าวขอโทษเฉินหรู่หยาน และจากนั้นเขาก็ยังคงเอื้อมมือไปหยิบแผ่นหยกนั้นมาจากเธอ
เขาวางมันไว้บนหน้าผากเพื่อสัมผัสถึงเนื้อหาภายใน
เขาตระหนักว่าแผ่นหยกนี้บันทึกคำสอนของตระกูลเฉินไว้จริงๆ
ประโยคแรกคือ “การบ่มเพาะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบ่มเพาะจิตใจอีกด้วย ถ้าใครไม่มีจิตใจที่มั่นคงก็จะถูกปีศาจครอบงำได้”
ความหมายก็คือแก่นแท้ของการบ่มเพาะคือการปลูกฝังจิตใจของตน หากใครไม่สามารถเป็นนายของจิตใจได้ ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถเพียงใด ในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นทาสของความปรารถนาและความอยากของตัวเอง สุดท้ายพวกเขาก็จะสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไป
จากนั้นก็มีประโยคถัดมา
[ผู้ที่ทรยศต่อสหายเพราะความโลภและผู้ที่ตระบัดสัตย์จะถูกไล่ออกจากตระกูลเฉินทันที]
อาจกล่าวได้ว่ามีคำสอนเช่นนี้ เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากยิ่ง และเป็นคำสอนของตระกูลที่มีตระกูลน้อยมากที่จะเป็นเช่นตระกูลเฉินในโลกแห่งการบ่มเพาะในปัจจุบันนี้
เจียงเฉิงซวนไม่รู้ว่าทำไมบรรพบุรุษของตระกูลเฉิน จึงฝากคำสอนดังกล่าวไว้ให้กับลูกหลานของพวกเขา
เขาไม่รู้ว่าคำสอนดังกล่าวเหมาะสมในโลกแห่งการบ่มเพาะในปัจจุบันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลังจากที่รู้ว่ามีคำสอนดังกล่าวอยู่จริง เจียงเฉิงซวนก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อเขาต้องอยู่กับตระกูลเฉิน
เขาส่งแผ่นหยกกลับไปให้เฉินหรู่หยานและยิ้มด้วยความเขินอาย
“ข้าชื่นชมคำสอนของตระกูลท่านมาก เมื่อกี้ข้าเป็นคนใจแคบนิดหน่อย ข้าหวังว่าผู้อาวุโสหรู่หยานจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้ และข้าก็หวังว่าท่านจะเข้าใจข้า เพราะในโลกปัจจุบันนี้ ถ้าประมาทแม้แต่เล็กน้อยก็ไม่มีโอกาสให้มาสำนึกเสียใจในภายหลังแล้ว”
เฉินหรู่หยานยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ ตามความเป็นจริงถ้าหากท่านไม่ได้ทำการปกป้องตัวเองเลย ข้าอาจจะถอนคำพูดเกี่ยวกับความสามารถที่เป็นอัจฉิรยะของท่านกลับคืนมา”
ต้องบอกว่าเฉินหรู่หยานพูดเก่งจริงๆ
เพียงไม่กี่คำความเคอะเขินระหว่างพวกเขาก็หายไป และบรรยากาศก็กลับมาเป็นปกติ
วูบ!
ในเวลาเดียวกัน ต้นหอมหมื่นลี้สีเงินที่อยู่ใกล้พวกเขาทั้งสองก็เปล่งแสงแห่งจิตวิญญาณทะลักออกมา
หวืบ
ในขณะนั้นต้นหอมหมื่นลี้สีเงินทั้งต้นเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
แสงสีเงินเริ่มสาดส่องออกมาจากใบของต้นหอมหมื่นลี้สีเงินต้นนี้
เมื่อแสงตกกระทบที่เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยาน จิตใจของพวกเขาก็แจ่มใสขึ้นทันที
ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้เมื่อกี้ก็หายไปทันที
เฉินหรู่หยานหรี่ตาลงและพูดด้วยเสียงต่ำ “ต้นหอมหมื่นลี้สีเงินนี้กำลังจะทะลวงระดับไปเป็นระดับ 2 ขั้นต่ำ!”
ทันทีที่เธอพูดจบ ต้นหอมหมื่นลี้สีเงินก็สูงขึ้นทันที
พลังจิตวิญญาณในโลกเริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและพุ่งตรงไปยังต้นหอมหมื่นลี้สีเงินต้นนี้
เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความเข้มข้นของ พลังจิตวิญญาณในสภาพแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ถ้าความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณเดิมเป็น 2 ดังนั้นความเข้มข้นของ พลังจิตวิญญาณตอนนี้คือ 5
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
พรึบๆ
ใบไม้สั่นไหว
จากนั้นขนาดของต้นหอมหมื่นลี้สีเงินก็เปลี่ยนจากสามเมตรกว่าเป็นแปดเมตรกว่า และยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
จากการประมาณการคร่าวๆ เมื่อมันเสร็จสิ้นการทะลวงระดับจริงๆ มันจะสูงอย่างน้อยสิบเมตร
“ผู้อาวุโสเจียง ข้าต้องรายงานสถานการณ์ที่นี่ให้ตระกูลทราบก่อน”
ในขณะนั้นเฉินหรู่หยานก็มองไปที่เจียงเฉิงซวน
“ข้าคิดว่าท่านคงรู้ถึงคุณค่าของต้นรากจิตวิญญาณระดับ 2 และเส้นชีพจรวิญญาณระดับ 2 เป็นอย่างดี
ดังนั้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นในภายหลัง ก่อนที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในตระกูลจะมาถึง ข้าหวังว่าท่านกับข้าจะอยู่ที่นี่ได้ชั่วคราว
ข้าสัญญาได้เลยว่าท่านจะได้รับส่วนแบ่งจากทุกสิ่งที่เราได้จากที่นี่อย่างแน่นอน”
เจียงเฉิงซวนไม่ได้คัดค้าน
เนื่องจากเขาแน่ใจว่าตระกูลเฉินจะไม่ทำร้ายเขา ดังนั้นการปกป้องต้นหอมหมื่นลี้สีเงินกับเฉินหรู่หยาน ก็เทียบเท่ากับการปกป้องผลประโยชน์ของเขาเองเช่นกัน
เจียงเฉิงซวนสามารถเห็นภาพที่ใหญ่กว่าได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ด้วยว่าด้วยความปั่นป่วนครั้งใหญ่ที่เกิดจากต้นหอมหมื่นลี้สีเงินนี้ มันจะเป็นเรื่องยากที่จะรับประกันว่ามันจะไม่ดึงดูดความสนใจของใครบางคนได้
บางทีอาจมีบางคนเห็นความปั่นป่วนที่เกิดจากต้นหอมหมื่นลี้สีเงินนี้
ดังนั้นทั้งสองจึงอยู่ที่นี้เพื่อปกป้องต้นหอมหมื่นลี้สีเงินต้นนี้ด้วยกันและเฝ้าระวังสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้น
แต่โชคดีเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น
ประมาณสองชั่วโมงต่อมา ต้นหอมหมื่นลี้สีเงินก็ทะลวงระดับได้สำเร็จและกลายเป็นต้นรากจิตวิญญาณระดับ 2 ขั้นต่ำ
ในเวลาเดียวกัน เส้นชีพจรวิญญาณระดับ 2 ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็เสถียรขึ้น
สิ่งนี้ทำให้เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในเวลาเดียวกัน ทั้งสองก็มองออกไปในระยะไกล
ที่ระยะไกลนั่น มีแสงสามเส้นกำลังพุ่งเข้ามาทิศทางของพวกเข้า
เมื่อแสงทั้งสามเข้ามาให้ พวกเขาก็กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งรากฐานทั้งสามคนของตระกูลเฉิน
คนที่เป็นผู้นำไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้าคนปัจจุบันของตระกูลเฉิน,เฉินเต้าหมิง
ข้างๆ เขาคือซงหวันเถา ผู้อาวุโสของหอบังคับใช้กฎหมายที่เจียงเฉิงซวนเคยเห็นมาก่อน
ส่วนอีกคนเขาเป็นชายชราในอายุหกสิบเศษ
ชื่อของเขาคือซูเฉียนเหอ
เขาอยู่ที่ขั้นที่หกของขอบเขตการก่อตั้งรากฐานและเป็นอาวุโสรับเชิญของตระกูลเฉินมาเกือบร้อยปีแล้ว
ในขณะนี้สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ต้นหอมหมื่นลี้สีเงินระดับ 2 ขั้นต่ำนั้นและพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความยินดีออกมาทางสีหน้า
“มันเป็นต้นรากจิตวิญญาณระดับ 2 ขั้นต่ำและเส้นชีพจรวิญญาณระดับ 2 จริงๆ”
ขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาทั้งสามหันไปมองที่เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยาน
เฉินเต้าหมิงหัวเราะและพูดว่า “ผู้อาวุโสเจียง, ผู้อาวุโสหรู่หยานยินดีกับพวกท่านด้วย!
ข้าไม่ได้คาดคิดว่าพวกท่านจะได้รับประโยชน์มากมายจากภารกิจนี้
และไม่ต้องกังวล ข้าจะตอบแทนพวกท่านให้สมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเราต้องจัดการสถานการณ์ที่นี่ก่อน”
ด้วยเหตุนี้เฉินเต้าหมิงจึงหันไปมองซูเฉียนเหอและถามว่า “ผู้อาวุโสซู ท่านคิดอย่างไร? มีปัญหาเกี่ยวกับการติดตั้งค่ายกลป้องกันระดับ 2 ที่นี่หรือเปล่า?”