บทที่ 141 เฟิงซินหยูปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
บทที่ 141 เฟิงซินหยูปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
เมื่อเห็นว่าเฟิงซินหยูถูกผนึกความเคลื่อนไหว ร่างของหลินเป้ยก็ขยับตัว และดาบชางเย่วขั้นกลางระดับ 3 ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
หลินเป้ยมาถึงหน้าเฟิงซินหยูในทันที และดาบชางเย่วก็ถูกวางไว้บนคอของนางแล้ว
คมดาบเย็นเฉียบแตะคอของเฟิงซินหยู ทำให้นางตกใจกลัว
คนอย่างนางเนี้ยนะ ถูกดาบจ่อคอ!?
ปัญหาคือนางทำได้เพียงแต่เห็นหลินเป้ยพุ่งเข้ามาก่อนหน้านี้โดยไม่มีทางทำอะไรได้ เพราะมือเท้าของนางถูกจำกัดทำให้ขยับไม่ได้ ตอนนี้นางทำได้เพียงปล่อยให้ผู้อื่นสังหารเท่านั้น
“เจ้าแพ้แล้ว” หลินเป้ยยืนอยู่ข้างเฟิงซินหยู่อย่างใจเย็น
ค่ายกลนี้เป็นหนึ่งในสี่ค่ายกลระดับ 3 ที่หลินเป้ยเคยแลกเปลี่ยนมาก่อน เขาตั้งใจจะใช้กับเฟิงซินหยู เขาเองก็ไม่คิดว่ามันจะมีประสิทธิภาพขนาดนี้
“นี่มันชนะแล้ว มันง่ายเกินไปหรือเปล่า?” ผู้ชมหลายคนรู้สึกเหลือเชื่อ
หลายคนต่างสงสัยว่า เฟิงซินหยูผู้นี้เป็นอัจฉริยะตัวจริงหรือเปล่า?
ทำไมนางถึงถูกจัดการง่ายดายขนาดนี้?
แม้แต่หลินเป้ยที่อยู่ขอบเขตนักรบแท้จริง นางก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้!
แต่การต่อสู้ระหว่างเฟิงซินหยูและเสี่ยวเฮยในตอนนั้นน่าตื่นเต้นกว่ามาก และความแข็งแกร่งของเฟิงซินหยูก็น่าประทับใจจริงๆ
หลายคนชื่นชมหลินเป้ย แต่แน่นอนว่าพวกเขากลัวมากกว่า
หลินเป้ยคนเดียวมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณระดับ 3 มากมาย ซึ่งมันน่ากลัวมาก
แถมตอนนี้เขาสามารถสร้างค่ายกลได้อีก และด้วยวิธีการอัศจรรย์เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะป้องกันเขาได้ คนผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ
นี่คือสิ่งที่หลายคนคิด
ที่เมืองนี้ไม่มีปรมาจารย์ค่ายกล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเข้าใจความลึกลับของค่ายกลได้
ผู้อาวุโสโม่ก็มองฉากนี้ด้วยความตกใจ คุณหนูเฟิงแพ้อีกแล้วงั้นเหรอ?
“ไม่นับ มันไม่นับ เจ้าวางแผนการต่อข้าอย่างชัดเจน หากข้าไม่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ข้าจะแพ้เจ้าได้อย่างไร เจ้าเล่นเลห์หลอกลวง!” เฟิงซินหยูปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้ง
เฟิงซินหยูไม่เต็มใจที่จะพ่ายแพ้ ก่อนที่นางจะทันโต้ตอบ นางก็ถูกโซ่ตรวนพลังงานอันเกรี้ยวกราดผูกมัดไว้ ซึ่งขัดขวางไม่ให้นางแสดงความแข็งแกร่งออกมาเลย
“ฮ่าฮ่า เฟิงซินหยู เจ้าล้อเล่นงั้นเหรอ? เจ้าไม่ยอมรับเมื่อเจ้าพ่ายแพ้ อัจฉริยะแบบนี้ จุ๊จุ๊จุ๊ เป็นสิ่งที่ดีที่เจ้าไม่ได้แต่งงานเข้าตระกูลของข้า ไม่เช่นนั้น ตระกูลของข้าจะต้องโชคร้ายจริงๆ” หลินเป้ยเยาะเย้ยนาง
“เจ้า...” เฟิงซินยูหน้าแดงกับคำพูดนั้น จริงๆ แล้วครั้งแรกนางก็แพ้ไปรอบหนึ่งแล้ว แถมตอนนี้หลินเป้ยลงมือด้วยตนเอง และนางก็แพ้เพราะความประมาทของตัวเอง
นางทำได้แต่ตำหนิตัวเองในเรื่องนี้ ตอนนี้ ถ้านางปฏิเสธที่จะยอมรับมันอีกครั้ง มันก็เป็นเรื่องความน่ารังเกียจแทน
“ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ของเจ้า ยังกล้าที่จะทำให้ตระกูลหลินของข้าอับอาย ถ้าข้าเป็นขยะ แล้วเจ้าคงแย่กว่าขยะที่แพ้คนอย่างข้า” หลินเป้ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หลินเป้ย! เจ้าอย่าให้มันมากนัก!” เฟิงซินหยูตระโกนด้วยความโกรธ เขาด่าว่านางเป็นยิ่งกว่าขยะ นางคือสัตว์ประหลาดอัจฉริยะแห่งเมืองหลวง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นางเคยถูกดูถูกเช่นนี้?
“หลินเป้ย ข้ายอมรับว่าเจ้ามีหลายวิธีและยากที่จะป้องกัน อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เรามาสู้กันใหม่ คราวนี้เราไม่ใช้วิธีการใดๆ แต่เราจะใช้แค่วรยุทธของเราเท่านั้น ซึ่งมันจะยุติธรรมกว่า แทนที่จะใช้สิ่งอื่นเพื่อมาตัดสินผลลัพธ์” เฟิงซินหยูกัดฟันกล่าว
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เฟิงซินหยูจะมีโอกาสชนะ มิฉะนั้น หากเขาใช้กลอุบายบางอย่างในครั้งต่อไป นางก็อาจจะพ่ายแพ้อีกครั้งอย่างแน่นอน
“ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า ไม่ใช่ข้าไม่คู่ควรกับเจ้า แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ไม่คู่ควรกับข้า!” หลินเป้ยยอมรับคำท้าอย่างเยือกเย็น
เดิมทีหลินเป้ยวางแผนที่จะปล่อยให้เฟิงซินหยูหยุดเท่านี้ แล้วต่างคนต่างไป
แต่เฟิงซินหยูผู้นี้ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และต้องการดำเนินการต่อ แถมยังมีข้อเรียกร้องมากมาย เพียงเพื่อที่จะทำให้ทุกคนเห็นตระกูลหลินเสียหน้า
ก็ได้! ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง!
หลายคนขมวดคิ้ว พวกเขาไม่คาดคิดว่าเฟิงซินหยูจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องระหว่างหลินเป้ยและเฟิงซินหยู พวกเขาแค่ดูความสนุกสนานเท่านั้น โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
“หนิงเสวี่ย เฟิงซินหยูผู้นี้ เป็นคนขี้โกง!” หลินหลิงเอ๋อพูดกับหนิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ นาง
“ใช่ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหญิงสาวผู้ภาคภูมิใจจากสวรรค์จะเป็นคนที่ไม่สามารถจะสูญเสียได้ นางแค่ต้องการจะรักษาหน้า แต่ใครจะไปไม่รู้ว่านางกำลังเสียหน้าครั้งใหญ่มากกว่า” หนิงเสวี่ยยังพูดอย่างเหยียดหยาม
หนิงเสวี่ยไม่เคยติดต่อกับเฟิงซินหยูตอนที่นางอยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นเฟิงซินหยูจึงไม่รู้จักนาง
นอกจากนี้ เฟิงซินหยูยังหยิ่งยโส เย็นชาและห่างเหินมาก
หนิงเสวี่ยไม่ค่อยบ่มเพาะและขอบเขตของนางก็ไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นนางจึงไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดยอัจฉริยะในเมืองหลวง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เฟิงซินหยูจะเคยพบหนิงเสวี่ย
แต่ในบรรดาอัจฉริยะในเมืองหลวง พรสวรรค์ของเฟิงซินหยูนั้นอยู่ในระดับสัตว์ประหลาด ผู้คนมากมายจึงเคยได้ยินเกี่ยวกับนางทุกคน
ในตอนนี้บนลานประลอง หลินเป้ยนำดาบชางเย่วออกจากคอ แล้วถอนธงค่ายกลออกทั้งหมด
ทั้งสองวางแผนจะต่อสู้กันอีกครั้ง คราวนี้ หลินเป้ยตัดสินใจสั่งสอนหญิงสาวผู้นี้ เขาพยายามจะไม่ทำร้ายนาง แต่ดูเหมือนนางจะน่าด้านจริงๆ งั้นตอนนี้ เขาต้องจัดการให้นางได้รับรู้ความเจ็บปวดซะบ้าง
เฟิงซินหยูยังเก็บกระบี่จิตวิญญาณและแม้แต่ชุดเกราะภายในที่นางสวมอยู่ออกไป ตอนนี้ทั้งสองทำได้เพียงใช้มือ เท้า และวรยุทธในการต่อสู้เท่านั้น
“หลินเป้ย ครั้งนี้เจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน” เฟิงซินหยูกล่าวอย่างมั่นใจ
ตอนนี้หลินเป้ยไม่มีอะไรต้องพึ่งพาแล้วใช่ไหม?
“ไม่มีทาง” หลินเป้ยพูดอย่างใจเย็น
“ข้าจะเคลื่อนไหวก่อน รับนี่ไป ฝ่ามือปิงฟง(ลมน้ำแข็ง)” หลังจากที่เฟิงซินหยูพูดจบ นางก็ใช้ทักษะต่อสู้ระดับ 2 โดยตรง ฝ่ามือปิงฟง
ฝ่ามือของเฟิงซินหยูควบแน่นด้วยชั้นน้ำแข็งทันที จากนั้นนางก็กระแทกใส่หลินเป้ย
“ฮึ่ม หมัดเหยียนฮั่ว(เปลวเพลิง)” หลินเป้ยชกกลับโดยตรง หมัดของเขาเปล่งประกายด้วยเปลวเพลิง
บูม!
ทั้งสองฟาดกันด้วยฝ่ามือและหมัดอย่างรุนแรง
หลินเป้ยตกใจมากจนถอยไปเจ็ดหรือแปดก้าว หมัดที่เขาชกนั้นชาเล็กน้อย
“ขอบเขตปรมาจารย์นักรบขั้น 7 นั้นพิเศษจริงๆ มันทรงพลังมาก” หลินเป้ยรู้สึกตกใจเล็กน้อยในจิตใจ
ดูเหมือนว่าหลินเป้ยยังคงประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไป
เขาคิดว่าเขาสามารถแข่งขันกับเฟิงซินหยูได้ แต่ในท้ายที่สุด เมื่อเผชิญหน้ากับเฟิงซินหยู่ซึ่งอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์นักรบขั้น 7 ความกดดันก็ยังคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าเฟิงซินหยู่จะไม่ได้ถอยกลับ แต่ก็มีอาการแสบร้อนที่ฝ่ามือ ซึ่งมันน่าตกใจกว่ามาก!
หลินเป้ยผู้นี้อยู่ในขอบเขตนักรบแท้จริง?
เฟิงซินหยูรู้สึกเหลือเชื่อ
ขอบเขตนางอยู่เหนือขอบเขตหลินเป้ยมาก
“มันน่าสนใจนิดหน่อย แต่ต่อไปนะคุณหนูเฟิง เจ้าต้องระวังตัว เพราะข้าจะเอาจริงแล้ว” หลินเป้ยพูดอย่างสงบ
หลินเป้ยยื่นมือออกมา และทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกพรึบ นี่คือเพลิงโอสถ
“เพลิงโอสถ!” หลายคนจำได้ว่าสิ่งนี้ได้ทันที
ตอนที่หลินเป้ยเผาจดหมายหมั้นหมายนั้น หลายๆ คนไม่ได้คิดถึงเรื่องเพลิงโอสถ เพราะคิดว่าหลินเป้ยอาจฝึกฝนทักษะต่อสู้ที่เกี่ยวกับไฟ
เช่นเดียวกับทักษะต่อสู้ระดับแรก หมัดเหยียนฮั่ว(เปลวเพลิง) ตราบใดที่มันถูกใช้ หมัดก็จะมีร่องรอยของเปลวไฟเล็กน้อย
หลินเป้ยวางแผนที่จะใช้เพลิงโอสถเพื่อจัดการกับเฟิงซินหยู
ในฐานะผู้ชม หมิงหลานสนใจหลินเป้ยมากขึ้นเล็กน้อย นางต้องการดูว่าเขาจะเอาชนะเฟิงซินหยูได้อย่างไร?
หมิงหลานรู้ความสามารถในการควบคุมไฟของเขาเป็นอย่างดี เมื่อตอนที่หลินเป้ยกลั่นโอสถสงบจิต!