ตอนที่ 7 อาณาจักรเซี่ยหมดหวังแล้ว
หลินเป่ยฟานผงะ ชื่อนี้ลางไม่ค่อยดีเลยโว้ย!
พอมองหุ่นของอีกฝ่ายที่พุงพลุ้ย หลินเป่ยฟานก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี!
หรือว่านี่จะเป็นคนในประวัติศาสตร์?(กบฎอันลู่ซาน ตามประวัติศาสตร์จีน)
“ชื่อเจ้าคืออันลู่ซานจริงรึ?”หลินเป่ยฟานถาม
อีกฝ่ายก้มหัว ประสานมือ“ผู้น้อยมิกล้าโกหกฝ่าบาท ผู้น้อยชื่ออันลู่ซานจริงๆ !ชื่อนี้มอบให้โดยพ่อแม่ของข้า ข้าน้อยขอบังอาจถามฝ่าบาท ชื่อข้ามีอะไรผิดหรือ?”
อันลู่ซานรู้สึกไม่สบายใจ เขามักรู้สึกว่าฝ่าบาทกำลังมองเขาด้วยสายตาน่าขนลุก
หลินเป่ยฟานส่ายหัว”ไม่มีอะไร ข้าชอบชื่อนี้!’
หลินเป่ยฟานนั่งบนบัลลังก์ มองคนตรงหน้าเขาที่คล้ายกับความทรงจำด้วยความสนใจและยิ้ม“ในหมู่ขุนนางและทหารของราชวงศ์เรา ขอแค่เจ้ากล้าเสนอตัว ข้าก็ชื่นชมมากแล้ว!เจ้ามีความสามารถและความสำเร็จอะไร พูดมา!ไม่งั้น ข้าคงไม่ไว้ใจให้เจ้านำทัพไป!”
อันลู่ซานพูดเสียงดัง“ฝ่าบาท ข้าฝึกวิชายุทธ์ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ข้าอยู่ห่างจากอาณาจักรก่อกำเนิดเพียงก้าวเดียว!โปรดอย่ามองที่พุงของข้า มันเกิดจากการฝึกวิชายุทธ์ มันไม่ส่งผลกับการนำทัพสู้!คมดาบทั่วไปไม่สามารถทำร้ายผู้น้อยได้!”
“นอกจากนี้ ข้าชินกับกลยุทธ์สงครามตั้งแต่เด็ก ข้าอยู่ในกองทัพมาแปดปี ปัจจุบันข้าเป็นแม่ทัพนำทัพห้าพันนาย และเฝ้าทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง!ข้าอยากทำผลงานมาตลอด โปรดมอบโอกาสนี้ให้ข้าด้วย!”
ครั้งนี้ แม่ทัพไช่พูด“ฝ่าบาท คนคนนี้ชินกับกลยุทธ์สงครามจริงๆ ทั้งกล้าหาญและสู้เก่ง เป็นศัตรูของคนนับพัน เขาคือแม่ทัพที่หาตัวจับได้ยาก!”
ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดหลินเป่ยฟานจากการส่งกองทัพ เขาจึงแนะนำแม่ทัพน้ำดีให้เพื่อลดความสูญเสีย
หลินเป่ยฟานประสานมือและตะโกน.“ได้!ในเมื่อลุงไช่แนะนำเจ้า มันดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสามารถจริง!ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ ขุนนางชั้นสามชั่วคราวและนำทัพสองแสนนาย ยึดครองดินแดนของอาณาจักรโม่มาให้เรา!ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงามเมื่อเจ้ากลับมา!”
อันลู่ซานดีใจ“ขอบพระทัยฝ่าบาท ผู้น้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
อันลู่ซานรับป้ายทหารและออกไประดมทัพทันที
ครั้งนี้ ข่าวที่ว่าหลินเป่ยฟานจะส่งทัพไปโจมตีอาณาจักรโม่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ซ
ทุกคนตกตะลึง
“นัพทัพไปโจมตีอาณาจักรโม่ เสียสติไปแล้วหรือยังไง?”
“มันชัดเจนว่าเพราะอาณาจักรโม่เสียทหารและขาดการป้องกัน เขาเลยอดส่งกองทัพไปไม่ได้!”
“แต่อาณาจักรโม่จะสู้ง่ายๆได้ไง?ต่อให้จะเสียทหารไปสองแสน พวกเขาก็ยังเหลือีอกสี่แสน มากกว่าอาณาจักรเซี่ยอยู่ดี!ทั้งอาณาจักรกำลังไว้ทุกข์ด้วย พวกเขาเศร้ามาก ถ้าไปจี้จุดพวกเขาตอนนี้ มันมีแต่จะรนหาที่ตาย!”
“แม้กระทั่งข้า สามัญชนหัวขี้เลื่อยที่ไม่เข้าใจการศึกก็รู้ว่าอาณาจักรโม่ไม่ธรรมดา ไอคนบ้าสมองตายที่ไหนที่ตัดสินใจแบบนี้?”
“ข้าได้ยินว่าเพื่อส่งกองทัพ แม้กระทั่งแม่ทัพใหญ่ไช่หยูหยาง เสาหลักของชาติก็ยังโดนไล่ออก!”
“ดี!หลังเขาขึ้นบัลลังก์ได้ไม่กี่วัน เขาก็ไล่สองเสาหลักออกไป ราชาโง่!”
“อาณาจักรเซี่ยของเราหมดหวังแล้ว!”
…
ทุกคนส่ายหัวและถอนหายใจ
ด้านหน้าจวนแม่ทัพ อัครเสนาบดีเฒ่าเซียวกั๋วเหลียงมาพบไช่หยูหลางและพูดอย่างวิตก“ฝ่าบาทส่งกองทัพไปโจมตีอาณาจักรโม่ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเอาไข่ไปกระทบหิน ทำไมเจ้าไม่โน้มน้าวเขา?”
แม่ทัพใหญ่ผายมือและยิ้มแห้ง“ข้าโน้มน้าวไปแล้ว เลยโดนเขาไล่ออกมา แม้กระทั่งป้ายทหารก็ยังโดนริบคืน!”
“อะไรนะ?เจ้าก็โดนไล่ออกมาด้วย?”
แม่ทัพไช่พยักหน้าและถอนหหายใจ’
“ตอนนี้เราควรทำยังไง?โอกาสชนะน้อยมาก ถ้าชนะก็ดีไป แต่ถ้าแพ้ เราจะเสียทุกสิ่ง!”อัครเสนาบดีเฒ่าวิตกมาก“เรา…ไปวังด้วยกันเพื่อโน้มน้าวฝ่าบาทดีไหม?”
“อย่าเสียเวลาเลย เขาไม่ฟังอะไรหรอก!”แม่ทัพเฒ่าโบกมือ“อย่าคิดมาก ข้าแค่อยากดื่ม เจ้ามาดื่มกับข้าหน่อย!”
สงครามนี้กระจายไปอาณาจักรโม่
ในวัง จักรพรรดิโม่เริ่มโกรธ เขาเลิกคิ้ว“เข้ากล้าดียังไง?เขาก็แค่อาณาจักรเล็ก แต่กล้าส่งทัพมาโจมตีเราในเวลานี้ เขาคิดว่าไม่มีใครในอาณาจักรโม่หรือไง?”
เหล่าขุนนางยิ้มแห้ง“ฝ่าบาท ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงกล้าส่งกองทัพมาเลย คนปกติจะไม่มีวันทำแบบนี้!แต่พวกมันส่งกองทัพมาจริงและก็เข้าใกล้ชายแดนแล้วด้วย สถานการณ์วิกฤตมาก!”
จักรพรรดิโม่พูดโดยไม่ลังเล“สั่งให้แม่ทัพรวบรวมทหารสองแสนนายและม้ามาให้ข้า..ไม่สิ ทหารสามแสนและม้า!ข้าอยากจัดการพวกมันให้หมด!”
“ขอรับ ฝ่าบาท!”
ตอนนั้นเอง มีรายงานด่วนมาจากด้านนอก
“รายงานด่วน!กองทัพเซี่ยสองแสนนายได้มาถึงแล้วขอรับและเมืองสองแห่งก็โดนยึดแล้ว!@”
จักรพรรดิโม่กับเหล่าขุนนางหน้าซีด“เร็วขนาดนี้เชียว?”