ตอนที่ 552 เมืองสตีลบาร์
ตอนที่ 552 เมืองสตีลบาร์
ตูม!
ร่างของมู่หลินไป๋กระเด็นออกไปอย่างรุนแรงพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
กฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 2 นั้นทรงพลังมาก จนทำให้แม้แต่อัศวินกฎขั้นที่ 3 อย่างมู่หลินไป๋ก็ยังไม่สามารถที่จะรับมือกับหมัดของเซี่ยเฟยได้
ด้วยการจู่โจมของเซี่ยเฟยมันจึงทำให้บริเวณหน้าอกของเขามีรอยแผลคล้ายกับรูปเกลียว เนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกฉีกขาดออกจากกันโดยสมบูรณ์ และมันก็ทำให้ทั้งกระดูกและอวัยวะภายในต่างก็ถูกฉีกกระชากออกจากกันเป็นชิ้น ๆ
หมัดของชายหนุ่มไม่เพียงแต่จะมีความรวดเร็วและรุนแรงเท่านั้น แต่มันยังมีแรงบิดที่รุนแรงแฝงเข้ามาภายในหมัดของเขาด้วย
เสื้อผ้าของมู่หลินไป๋ถูกย้อมจนเป็นสีแดง ซึ่งหลังจากที่เขาพยายามกัดฟันทนรับความเจ็บปวดอยู่หลายวินาที ในที่สุดเขาก็ต้องเสียชีวิตตามหยวนเตี้ยนไปเนื่องมาจากไม่สามารถทนรับพิษบาดแผลได้อีกต่อไป
เมื่อมู่หลินไป๋เสียชีวิตภายในห้องก็เหลือเพียงแค่หมิงกุยและหยูกู่เหอเท่านั้น แต่หยูกู่เหอกำลังนั่งหดตัวอยู่ที่มุมห้องอย่างยอมรับชะตากรรม ดังนั้นคนที่ยังพยายามต่อต้านจึงเหลือเพียงแค่หมิงกุยเพียงคนเดียว
“บอกฉันมา ทำไมแกถึงอยากจับตัวฉัน?” เซี่ยเฟยถามอย่างเย็นชา
ทั้งหมิงกุยและหยูกู่เหอต่างก็มีระดับพลังที่ต่ำมาก เซี่ยเฟยจึงผ่อนคลายความระมัดระวังของตัวเองลง
“ปล่อยฉันไปเถอะ” หยูกู่เหอพยายามร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพช
ตูม!
เซี่ยเฟยชกหมัดเข้าใส่หน้าอกของหยูกู่เหออย่างแรง จนทำให้หมัดของเขาทะลุร่างของอีกฝ่ายไปโดยตรง
สีหน้าของหมิงกุยยิ่งซีดเซียวลงไปกว่าเดิม เพราะไม่เพียงแต่เซี่ยเฟยจะมีทักษะในการปรุงยาที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักรบที่โหดเหี้ยมและแข็งแกร่งเป็นอย่างมากอีกด้วย
ทันใดนั้นเองมันก็ได้มีเสียงดังกึกก้องแว่วให้ได้ยินมาจากด้านนอก เนื่องมาจากราชากฎทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ และการปะทะกันของพวกเขาก็ทำให้ทั่วทั้งอวกาศเกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทุกที่
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมหยูฮัวถึงเริ่มปะทะกับชานหยิงได้ เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหยูฮัวเป็นคนพูดออกมาเองว่าหากชานหยิงไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ เขาก็จะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปแต่โดยดี
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนั้นมากนัก เพราะเขาคิดว่าบางทีชานหยิงอาจจะเปลี่ยนใจระหว่างทางมันจึงได้เกิดการต่อสู้กันขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหยูฮัวให้ความเอ็นดูเซี่ยเฟยมากเป็นพิเศษ และยังช่วยสอนเทคนิคลับที่ช่วยให้เขาสามารถก้าวข้ามผ่านการเป็นนักรบกฎที่ 6 มาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นในสายตาของชายหนุ่มแล้วพ่อค้าจากตระกูลหยูคนนี้ก็ถือว่าเป็นมิตรสหายที่ดีของเขาคนหนึ่ง
หลังจากการปะทะไม่กี่ครั้งมันก็เห็นได้ชัดว่าชานหยิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยูฮัวเลย เขาจึงพยายามวิ่งหนีโดยมีหยูฮัวไล่ตามร่างของเขาไป ทำให้ร่างของราชากฎทั้งสองหายไปท่ามกลางทะเลดวงดาวอันมืดมิดในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
เซี่ยเฟยเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างหยูฮัวกับชานหยิงผ่านทางช่องหน้าต่าง ซึ่งในระหว่างนั้นหมิงกุยก็แอบหยิบขวดน้ำยาสีดำออกมาถือไว้ในมือ
การได้เห็นการต่อสู้ระหว่างราชากฎเป็นประสบการณ์ล้ำค่าสำหรับเขามาก แต่เมื่อร่างของทั้งสองหายไปในอวกาศเซี่ยเฟยก็รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย
“ตายซะ!” หมิงกุยส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างดุร้ายและพยายามที่จะทุบน้ำยาขวดสีดำลงบนพื้น แต่น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้ามากเกินไป เซี่ยเฟยจึงได้พุ่งร่างเข้ามาคว้าน้ำยาขวดนั้นและใช้มือข้างหนึ่งตบหน้าชายชราอย่างรุนแรง จนทำให้มีฟันกระเด็นลอยออกไปในอากาศพร้อม ๆ กับร่างของหมิงกุย
หมิงกุยค่อย ๆ เอามือเท้าพื้นและลุกขึ้นมาอย่างไม่มีแรง โดยสายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยความแค้น
“มันดูเหมือนจะเป็นยาพิษนะ หมิงกุยน่าจะอยากทุบมันลงกับพื้นให้นายตายไปพร้อมกับเขา” อันธกล่าวขณะพิจารณาน้ำยาขวดสีดำในมือของเซี่ยเฟย
“เขาเป็นพวกเจ้าเล่ห์ดีจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเก็บขวดยาพิษลงไปในแหวนมิติ จากนั้นเขาก็เดินไปด้านข้างหมิงกุยและดึงแหวนมิติออกมาจากนิ้วของชายชราอย่างรุนแรง
อ๊ากกก!
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยรุนแรงมากเกินไป มันจึงทำให้นิ้วที่สวมแหวนของชายชราหลุดติดมือของเขาออกมาด้วย หมิงกุยจึงส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด ขณะที่มีเลือดไหลทะลักออกมาจากนิ้วที่ขาดด้วนอย่างต่อเนื่อง
“ฉันขอถามเป็นครั้งสุดท้าย แกจะจับตัวฉันมาทำไม” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นหมิงกุยก็เริ่มเล่าเรื่องที่พี่น้องตระกูลหยูเอาน้ำยาของเซี่ยเฟยมาให้กับเขา รวมถึงเล่าเรื่องที่ขวดน้ำยานี้ทำให้เครื่องวิเคราะห์น้ำยาอันล้ำค่าของเขาพังทลายลงไปถึงสามเครื่อง
เรื่องราวของชายชราอดที่จะทำให้ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
“อะไรนะ ไม่มีตัวป้องกันงั้นเหรอ?”
“นี่พวกเขาคิดว่าฉันเป็นมือใหม่จริง ๆ หรือยังไง?”
ในตอนปรุงน้ำยาเขาได้เลือกวัตถุดิบที่มีพิษร้ายมาอย่างมากมาย แล้วมันก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคร้ายของคนพวกนี้ที่พยายามลอกเลียนสูตรทำน้ำยาของเขา โดยที่ไม่เคยเรียนวิธีการปรุงยาของอันธมาก่อน
อย่างไรก็ตามเรื่องในคราวนี้ก็ได้สอนให้เซี่ยเฟยได้รู้ว่าในดินแดนของผู้ใช้กฎมีอันตรายแฝงอยู่ทั่วทุกที่ และในอนาคตเขาก็คงจะต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังตัวมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะได้ไปกระตุ้นผู้มีอำนาจโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
นี่สินะความโหดร้ายในดินแดนของผู้ใช้กฎ!
เซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่นักสู้ตัวน้อย ๆ ที่เพิ่งเข้าสู่ดินแดนของผู้ใช้กฎได้เพียงแค่ไม่นาน ประสบการณ์เหล่านี้จึงถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าสำหรับเขาอย่างยิ่ง และทำให้เขาค่อย ๆ เริ่มปรับตัวเข้ากับสังคมปลาใหญ่กินปลาเล็กได้มากขึ้น
ฉัวะ!
หิมะโปรยเคลื่อนไหวออกไปอย่างแผ่วเบาและทำให้หัวของหมิงกุยถูกแยกออกจากร่างในทันที เพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังคงทำตามปณิธานดั้งเดิมว่าเขาจะไม่ปล่อยศัตรูคนไหนให้รอดชีวิตไปจากเงื้อมมือของเขาอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รู้ว่าหยูฮัวจะใช้เวลาในการสู้กับชานหยิงนานแค่ไหน ชายหนุ่มจึงเริ่มค้นสิ่งมีค่าจากฐานทัพของพ่อค้ายาผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป้าหมายแรกที่เขามุ่งหน้าไปก็คือแหวนมิติของหมิงกุยและลูกน้องคนสนิทของเขา
“เครื่องปั่นความเร็วสูง! เครื่องสกัดสมุนไพรระดับโมเลกุล! …” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้เห็นอุปกรณ์ที่ช่วยสนับสนุนการปรุงน้ำยาอย่างมากมาย
เซี่ยเฟยพยายามขัดแยกสิ่งของต่าง ๆ เป็นหมวดหมู่แยกออกจากกันใส่เข้าไปในแหวนมิติแต่ละวง ซึ่งในระหว่างที่เขาคัดแยกนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้พบว่าแหวนของหมิงกุยมีคริสตัลต้นกำเนิดสีเหลืองอยู่ถึง 171 ชิ้น
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกมีความสุขมาก เขาจึงโยนคริสตัลต้นกำเนิดสีขาวออกไปป้อนให้กับขนอุย เพราะท้ายที่สุดในการต่อสู้ที่ผ่านมาเขาก็ค่อนข้างที่จะพึ่งพาพลังของมันมากพอสมควร แต่ความเร็วในการดูดกลืนพลังงานของเจ้าตัวเล็กก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกกังวลอยู่เหมือนกัน เพราะมันดูดซับพลังงานเข้าไปในอัตราที่รวดเร็วมากจนเกินไป และเขาก็ไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะหาคริสตัลต้นกำเนิดมาเพียงพอเป็นพลังงานให้กับมันได้หรือไม่
“นี่ถ้านายแลกคริสตัลต้นกำเนิดทั้งหมดเป็นคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ครั้งนี้นายก็จะได้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 มาตั้ง 37,500 ชิ้นเชียวนะ! แต่มันยังมีอาวุธกฎและเครื่องจักรล้ำค่าอื่น ๆ อีกเยอะเลย เงินที่ได้จากการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ก็น่าจะพอให้นายอยู่รอดต่อไปได้อีกนาน” อันธกล่าวอย่างตื่นเต้น
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเขาได้เงินจำนวนนี้มาเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องคริสตัลต้นกำเนิดไปอีกสักพักใหญ่จริง ๆ
ทันใดนั้นเองหยูฮัวก็ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าของเซี่ยเฟยด้วยสีหน้าอันผ่อนคลาย คล้ายกับว่าชานหยิงไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเขามากมายนัก แต่เมื่อเขาได้จ้องมองไปยังเรืออันว่างเปล่า เขาก็หันไปกล่าวกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“นี่นายไม่คิดจะเหลืออะไรทิ้งไว้เลยรึไง?”
“การฝึกจำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาลในทุก ๆ วัน อันไหนพอจะเอาไปแลกเป็นเงินได้ผมก็ไม่คิดที่จะปล่อยมันเอาไว้หรอกครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเขินอายเล็กน้อย
“ใช่แล้ว สิ่งที่นักรบอย่างเราต้องการมากที่สุดคือพลังงาน และโอกาสที่จะปล้นของจากเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ก็ไม่ได้มีทุกวัน ของพวกนี้น่าจะช่วยเรื่องการฝึกฝนของนายได้มากพอสมควร แต่ฉันคิดว่าอุปกรณ์บนร่างกายของนายควรจะเปลี่ยนไปเป็นชุดใหม่ได้แล้ว เมื่อนายกลายเป็นนักรบกฎชั้นสูงนายก็ไม่ควรจะต้องใช้อุปกรณ์ระดับต่ำแบบนั้นต่อไป” หยูฮัวกล่าว
“อุปกรณ์ทั่วทั้งตัวของผมเป็นอุปกรณ์ระดับอีเทอนิตี้หมดแล้วนะ แค่นี้มันยังไม่สูงพออีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับแบะริมฝีปากออกมาอย่างเหยเก
การเปลี่ยนอุปกรณ์ชุดใหม่หมายถึงการต้องใช้เงินปริมาณมหาศาล ซึ่งในปัจจุบันเขาจำเป็นจะต้องใช้เงินไปกับการเพิ่มระดับพลังให้กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ และเขาก็ไม่เหลือเงินมากพอที่จะนำไปใช้ในการซื้ออุปกรณ์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง
“ตอนนี้นายอยู่ในดินแดนของผู้ใช้กฎแล้วนะ นายจะใช้เกณฑ์ของพันธมิตรมาวัดระดับอุปกรณ์ที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อนายมาอยู่ในดินแดนของผู้ใช้กฎอุปกรณ์ของนายก็ควรจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่แฝงพลังของกฎเอาไว้ด้วย”
“นายเคยเจอโล่กฎของหยวนเตี้ยนมาแล้วใช่ไหม? ความเป็นจริงมันเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ธรรมดา ๆ แต่มันก็ช่วยเพิ่มการป้องกันให้เขามากกว่าเดิมหลายสิบเท่า ซึ่งอุปกรณ์พวกนั้นนั่นแหละคือสิ่งที่นายจำเป็นจะต้องมี”
“เดี๋ยวฉันพานายไปดูอุปกรณ์ของผู้ใช้กฎจริง ๆ จัง ๆ ก็แล้วกัน ของที่นายได้มาวันนี้น่าจะพอแลกเป็นของดี ๆ ได้บ้างสักชิ้นสองชิ้น” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับเหลือบสายตามองไปยังแหวนมิติบนนิ้วมือของเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่เด็กใหม่และเขาก็ยังไม่รู้ว่าอาวุธที่มีพลังกฎมีราคาเท่าไหร่กันแน่ แต่เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงที่จริงจังของหยูฮัว เขาก็คิดว่าเขาสมควรจะต้องเปลี่ยนอาวุธอุปกรณ์ใหม่แล้วเหมือนกัน
“ทำไมคุณถึงได้สู้กับชานหยิงครับ?” เซี่ยเฟยถามเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันก็อยากจะไว้ชีวิตเขาอยู่หรอก แต่เขากลับลอบโจมตีฉันก่อน ฉันจึงจำเป็นจะต้องกำจัดเขาไปอย่างช่วยไม่ได้” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับยักไหล่
เซี่ยเฟยไม่ได้รู้สึกสงสัยใด ๆ เพราะท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็คือคนของศัตรู เพียงแต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่เริ่มลงมือก่อนคือชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาต่างหาก
—
ในที่สุดหยูฮัวก็พาเซี่ยเฟยมาปรากฏตัวในดาวเคราะห์ที่มีผู้คนพลุกพล่านและมีเมืองที่สวยงาม แสดงให้เห็นว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี
“ที่นี่คือเมืองสตีลบาร์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการผลิตอาวุธอุปกรณ์ คนที่อาศัยอยู่ในดาวดวงนี้มากกว่า 50% เป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับแวดวงสายการผลิตอาวุธอุปกรณ์ทั้งหมด ดังนั้นถ้าหากว่านายต้องการซื้ออุปกรณ์ดี ๆ ราคาถูก นายก็ควรจะต้องเดินทางมาที่นี่เป็นที่แรก” หยูฮัวกล่าวแนะนำ
“ผู้คนที่อาศัยอยู่ในดาวดวงนี้ไม่ใช่นักตีอาวุธธรรมดา แต่พวกเขาคือผู้ที่สามารถแฝงพลังกฎเข้าไปในอาวุธและอุปกรณ์ได้อีกด้วย”
การจะเป็นปรมาจารย์ด้านการสร้างอาวุธอุปกรณ์ไม่ใช่ใครจะเป็นก็เป็นได้ง่าย ๆ และหากว่าใครสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ พวกเขาก็จะมีทั้งชื่อเสียงและเงินทองหลั่งไหลเข้ามาไม่รู้จบ
ในความเป็นจริงปรมาจารย์ด้านการสร้างอาวุธอุปกรณ์มีสถานะสูงกว่าปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานด้วยซ้ำ เพราะปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานสามารถผลิตออกมาได้เพียงแค่คริสตัลต้นกำเนิดที่ใช้เป็นสกุลเงิน แต่เงินพวกนั้นไม่สามารถนำมาใช้ปกป้องชีวิตเหมือนกับอาวุธอุปกรณ์ได้
ร้านค้าส่วนใหญ่ตามสองฟากฝั่งของถนนเป็นร้านขายอาวุธอุปกรณ์กฎระดับปกติ ซึ่งนอกเหนือจากชื่อร้านแล้วมันก็ยังมีระดับพลังของเจ้าของร้านถูกใส่เอาไว้บนป้ายของพวกเขาด้วย
เช่น อาวุธอุปกรณ์มิติระดับ 3 สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์โบเก้ระดับอัศวินกฎขั้นที่ 7 แบบนี้เป็นต้น
ในร้านเล็ก ๆ จะมีชื่อของผู้ผลิตสลักไว้เพียงแค่ 1-2 คน แต่ภายในร้านค้าขนาดใหญ่กลับมีชื่อของผู้ผลิตถูกสลักเอาไว้เป็นจำนวนนับสิบคน
ภาพที่ปรากฏขึ้นมาทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก เพราะไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนเขาก็ได้พบกับอาวุธอุปกรณ์กฎอยู่ทั่วทุกที่
***************
หยูฮัวเริ่มแปลกๆนะหรือว่าเราคิดมากไปเองนะ?
ปล.เผื่อใครงงว่าหยวนเตี้ยนตายตอนไหน เนื้อเรื่องไม่ได้มีบรรยายฉากฆ่าไว้นะแต่ตายก่อนมู่หลินไป๋แล้วจ้า