ตอนที่ 551 กฎที่สาบสูญ
ตอนที่ 551 กฎที่สาบสูญ
“เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินว่าใครอยากจะจับตัวฉันใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างเย่อหยิ่งขณะกวาดสายตามองทุกคนด้วยแววตาอันดุร้าย จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า
“นี่ไงฉันเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว หากใครกล้าก็เข้ามาจับตัวฉันไปสิ”
“ทหารจัดการมันซะ!” หมิงกุยตะโกนออกคำสั่งอย่างเย็นชา
“เลิกแหกปากได้แล้ว! ตอนนี้ทั้งยานเหลือแค่พวกแกเท่านั้นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“อะไรนะ?!” หมิงกุยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เพราะทั่วทั้งยานลำนี้มีคนของเขาอยู่มากกว่า 1,000 คนและมีผู้ใช้กฎอยู่ไม่น้อยกว่า 300 คน แต่ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที คนเหล่านี้กลับถูกพวกเซี่ยเฟยสังหารโดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัวเลย
ในเวลาเดียวกันมู่หลินไป๋กับหยวนเตี้ยนก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยเฉพาะหยวนเตี้ยนผู้ซึ่งเคยถูกกฎแห่งความโกลาหลของเซี่ยเฟยทำร้ายมาครั้งหนึ่งแล้ว เขาจึงต้องการที่จะแก้มืออีกครั้งเพื่อกู้คืนเกียรติยศของตัวเอง
แต่ทางด้านชานหยิงกำลังขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาเป็นราชากฎเพียงคนเดียวของทางฝ่ายหมิงกุย ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับหยูฮัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อย่างไรก็ตามท่าทางของหยูฮัวก็ไม่ได้มีความวิตกแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าอีกฝ่ายมีความมั่นใจในชัยชนะทั้ง ๆ ที่พวกเขาบุกเข้ามาที่นี่กันเพียงแค่สองคน
“ชานหยิงงั้นเหรอ?” หยูฮัวถาม
“ใช่ ฉันเอง” ชานหยิงตอบ
“ฉันรู้ดีว่ากว่าจะผ่านขึ้นมากลายเป็นราชากฎมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ถ้านายยอมจากไปแต่โดยดี ฉันก็จะปล่อยให้นายมีชีวิตอยู่ต่อไป” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ทำไม?”
“ไม่มีเหตุผล เรื่องนี้มันเป็นความขัดแย้งระหว่างเซี่ยเฟยกับหมิงกุย ดังนั้นถ้านายไม่เข้าไปยุ่งฉันก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?” ชานหยิงกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
หยูฮัวสะบัดมือออกไปเบา ๆ พร้อมกับเรียกวิชาเจ็ดมังกรแยกฟ้าขึ้นมาภายในมือ
“เจ็ดมังกรแยกฟ้า!! นี่นายกลายเป็นราชากฎขั้นสูงแล้วงั้นเหรอ?!” ชานหยิงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
หยูฮัวเผยรอยยิ้มและพยักหน้ากลับไปเป็นคำตอบ
“แบบนี้ฉันก็ไม่มีหวังที่จะได้รับชัยชนะเลยสินะ” ชานหยิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ถ้านายรู้สถานะของตัวเอง สักวันหนึ่งฉันก็เชื่อว่านายจะขึ้นมายืนบนจุดนี้ได้” หยูฮัวกล่าว
บทสนทนาระหว่างราชากฎทั้งสองเริ่มทำให้พวกหมิงกุยรู้สึกกังวล เพราะถ้าชานหยิงละทิ้งพวกเขาไปจริง ๆ มันก็จะทำให้พวกเขาขาดกำลังรบที่สำคัญ
“จำได้ไหมว่าฉันเคยช่วยชีวิตของคุณเอาไว้ แล้วคุณก็สัญญาว่าจะคอยอยู่รับใช้ฉันเป็นเวลา 3 ปี!!” หมิงกุยตะโกนทวงสัญญาออกไปเสียงดัง
“ฉันสัญญาว่าจะคอยอยู่รับใช้แต่ไม่ได้สัญญาว่าจะขายชีวิตของตัวเองสักหน่อย อีกอย่างอย่าลืมนะว่าที่นี่คือดินแดนของผู้ใช้กฎ คุณคงไม่คิดว่าคำสัญญาของที่นี่จะเป็นเรื่องจริงจังใช่ไหม?” ชานหยิงกล่าว
คำตอบของชานหยิงทำให้หมิงกุยหน้าซีดอย่างฉับพลัน เพราะท้ายที่สุดชานหยิงก็เป็นถึงราชากฎขั้นที่ 5 ดังนั้นถ้าหากชานหยิงเลือกที่จะทิ้งพวกเขาไป มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะรอดพ้นไปจากน้ำมือของหยูฮัว
“จบแล้ว มันจบแล้ว!” หมิงกุยทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างสิ้นหวัง
“คนพวกนั้นคือพวกที่ต้องการไปจับตัวนายเมื่อครั้งก่อนนี่ ดังนั้นพวกเขาคือศัตรูของนายใช่ไหม? ฉันจำได้ว่านายเคยบอกว่าศัตรูทุกคนจะต้องตาย เอาเป็นว่าฉันให้โอกาสนายฆ่าพวกเขาด้วยมือของนายเองก็แล้วกัน” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
เซี่ยเฟยพยักหน้าตอบกลับโดยยังคงรักษาความสงบของตัวเองเอาไว้
บทสนทนาระหว่างหยูฮัวกับเซี่ยเฟยทำให้มู่หลินไป๋กับหยวนเตี้ยนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะถ้าหากหยูฮัวไม่ได้เคลื่อนไหว การจัดการกับเซี่ยเฟยเพียงคนเดียวก็ถือว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับพวกเขา
ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ยังมีพลังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีพลังในการจู่โจมที่แปลกประหลาด แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้ ส่วนเหตุผลที่วันนั้นหยวนเตี้ยนได้รับความพ่ายแพ้นั่นก็เป็นเพราะความประมาทของตัวเขาเอง
“อย่าพยายามใช้เข็มทิศมิติล่ะ ยานลำนี้ถูกฉันผนึกเอาไว้หมดแล้ว”
ทันทีที่หยูฮัวพูดจบลงร่างของเขาก็หายไปจากห้องพร้อมกับชานหยิง เหลือเพียงแค่เซี่ยเฟยกับพวกหมิงกุยเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้อง
“ฮ่า ๆ ๆ วันนี้แหละฉันจะต้องแก้แค้นเรื่องในวันนั้นให้ได้” หยวนเตี้ยนกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง
—
“ไหนนายบอกว่านายจะปล่อยฉันไป?” ชานหยิงกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้วขณะที่เขาถูกหยูฮัวลากออกมาในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
หยูฮัวเผยรอยยิ้มก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังยานบรรทุกสินค้าของหมิงกุย
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่อยากให้นายดูอะไรดี ๆ ก่อนไป”
“เด็กที่นายพามาด้วยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่หลินไป๋กับหยวนเตี้ยนหรอก ถ้าหากว่านายไม่รีบกลับไประวังว่าเขาจะตายไปเสียก่อนล่ะ” ชานหยิงกล่าว
“นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“ถึงแม้ว่าฉันจะมีตาเดียวแต่ฉันก็ไม่เคยมองใครผิดมาก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นคราวนี้มันก็เป็นครั้งแรกที่นายมองคนผิดแล้วล่ะ เซี่ยเฟยไม่ใช่คนที่จะถูกจัดการได้ง่าย ๆ ขนาดนั้น”
ชานหยิงขมวดคิ้วจนเห็นรอยย่นบนหน้าผาก แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรกลับไป
“พวกเรามารอดูสิ่งที่น่าสนใจกันเถอะ หลังจากที่ได้ดูเรื่องนี้แล้วเดี๋ยวนายก็จะเข้าใจเรื่องทุกอย่างเอง” หยูฮัวกล่าว
—
มู่หลินไป๋กับหยวนเตี้ยนแยกกันเคลื่อนไหวออกไปทางซ้ายและทางขวา เพื่อพยายามล้อมร่างของเซี่ยเฟยเอาไว้
“ถึงยังไงหยูฮัวก็ไม่มีทางปล่อยพวกเราไปอยู่แล้ว อย่างน้อยพวกเราก็ต้องลากไอ้เด็กนี่ไปลงนรกพร้อมกับพวกเราให้ได้!” หมิงกุยส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันไม่ได้มาที่ดินแดนของผู้ใช้กฎเพื่อให้ใครมาฆ่าฉันหรอกนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่แกจะเป็นคนตัดสินใจ ท้ายที่สุดแกก็เป็นเพียงแค่นักรบกฎขั้นที่ 4 ตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ส่วนเหตุผลที่หยวนเตี้ยนพลาดในครั้งที่แล้วนั่นก็เพราะว่ามันโง่ประมาทศัตรูมากเกินไป” มู่หลินไป๋กล่าวอย่างเหยียดหยาม
หยวนเตี้ยนมองไปทางมู่หลินไป๋ด้วยแววตาที่แข็งกร้าว เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาต่อว่าตัวเองแบบนี้
“ระดับ 6 ต่างหากล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเริ่มถักทออักขระนักรบกฎขั้นที่ 6 ขึ้นมาในอากาศ
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกตกตะลึง เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยเฟยยังคงเป็นนักรบกฎขั้นที่ 4 จริง ๆ แต่หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่สัปดาห์เดียว ชายหนุ่มคนนี้กลับพัฒนากลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 6 ซึ่งมันเป็นความเร็วในการพัฒนาที่น่าอัศจรรย์มากจนเกินไป
“นี่มันเป็นไปไม่ได้?! มันไม่มีใครเคยพัฒนาด้วยความเร็วระดับนี้มาก่อน” หยวนเตี้ยนส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับดวงตาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
เซี่ยเฟยนิ่งเงียบโดยไม่ตอบคำถาม เพราะเขาไม่จำเป็นจะต้องตอบคำถามของศัตรู
“ถึงแกจะเลื่อนระดับมาเป็นนักรบกฎขั้นที่ 6 แล้วยังไงล่ะ? ถึงยังไงแกก็ไม่สามารถต่อกรกับอัศวินกฎแบบฉันได้อยู่แล้ว”
ทันใดนั้นหยวนเตี้ยนก็เริ่มลงมือก่อนเป็นคนแรก โดยการใช้มีดที่อาบไปด้วยกระแสไฟฟ้าจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างฉับพลัน
หมัดพายุคลั่ง!
เซี่ยเฟยก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อต้องการที่จะปะทะกับหยวนเตี้ยนโดยตรง
“ทำลายมันไปซะ!”
ทันใดนั้นหยวนเตี้ยนก็นึกถึงภาพที่จู่ ๆ กระแสไฟฟ้าได้ย้อนกลับมาจู่โจมตัวเขาเอง เขาจึงรีบเบี่ยงหลบออกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็วและดึงกระแสไฟฟ้าทั้งหมดภายในมีดกลับมา
เหตุการณ์นี้คล้ายกับสำนวนที่เคยพูดกันในสมัยโบราณว่าคนที่โดนงูกัด 1 ครั้งจะกลัวเชือกป่านไปเป็นเวลานับ 10 ปี ด้วยเหตุนี้หยวนเตี้ยนที่เคยทุกข์ทรมานจากการปะทะกับเซี่ยเฟยจึงไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนนี้โดยตรง
การกระทำของหยวนเตี้ยนทำให้มู่หลินไป๋ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และเขาก็ได้มองไปยังสหายร่วมรบด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
ทริปเปิ้ลมูนชาร์ป!!
ในเวลาต่อมาคลื่นแสงรูปพระจันทร์ครึ่งซีก 3 ดวงก็ถูกปล่อยออกมาเข้าหาเซี่ยเฟย แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าการโจมตีในครั้งนี้ไม่ใช่การโจมตีด้วยแสง แต่มันคือหนึ่งในวิชาของกฎแห่งมิติ
พายุมิติปิดล้อม!
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็ทำการปล่อยคลื่นมิติ 4 ระลอกออกไปปะทะกับคลื่นแสงโดยตรง ซึ่งในตอนนี้เซี่ยเฟยก็ได้ฝึกวิชาพายุมิติปิดล้อมมาจนถึงขั้นที่ 4 แล้ว และเขายังได้แฝงพลังของกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปภายใต้การโจมตีในครั้งนี้ด้วย
ตูม!
มู่หลินไป๋คืออัศวินกฎขั้นที่ 3 พลังมิติที่เขาได้ปล่อยออกมาจึงมีความแข็งแกร่งกว่าเซี่ยเฟยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมากลับสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนมาก เพราะคลื่นมิติของเซี่ยเฟยสามารถที่จะทำลายคมดาบแสงจันทร์ของมู่หลินไป๋ลงไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นคลื่นมิติของเซี่ยเฟยก็ยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดลง มันจึงยังคงพุ่งไปใส่มู่หลินไป๋ด้วยความรวดเร็ว
“แย่แล้ว!” มู่หลินไป๋อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะรีบหลบการโจมตีที่พุ่งเข้ามา
ตูม
เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกำแพงห้องที่พังทลาย และแม้แต่ตัวยานบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ก็กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
—
“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเซี่ยเฟยต่ำเกินไปจริง ๆ สินะ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่นักรบกฎแต่พลังทำลายของเขากลับเทียบเท่าได้กับอัศวินกฎขั้นสูง” ชานหยิงอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ ความแข็งแกร่งของเซี่ยเฟยไปถึงระดับอัศวินกฎขั้นสูงแล้ว แต่นายไม่คิดเหรอว่าการโจมตีของเขาค่อนข้างจะแปลกประหลาดไปกว่าการโจมตีทั่ว ๆ ไป” หยูฮัวกล่าว
“การโจมตีของเขาแปลกมากจริง ๆ ปกติการโจมตีของกฎแห่งมิติไม่ควรจะมีพลังทำลายรุนแรงถึงขนาดนี้ และถึงแม้ว่ามันจะมีหลาย ๆ ตระกูลที่พัฒนาแนวทางการใช้กฎแห่งมิติแตกแขนงออกไปอย่างมากมาย แต่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นใครใช้กฎแห่งมิติในลักษณะนี้มาก่อนเลย”
“ดูเหมือนกฎแห่งมิติของเซี่ยเฟยจะมีคุณลักษณะของการเปลี่ยนแปลง โดยมันสามารถเปลี่ยนแปลงการโจมตีของคนอื่นได้ทันทีที่การโจมตีพวกนั้นได้สัมผัสเข้ากับการโจมตีของเขา” ชานหยิงพยายามวิเคราะห์สถานการณ์
“นายคิดว่ามันพอจะมีโอกาสที่เซี่ยเฟยแฝงพลังของกฎอื่น ๆ เข้าไปในกฎแห่งมิติหรือเปล่า?” หยูฮัวกล่าว
“มันก็พอมีโอกาสเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปอย่างที่เรารู้กันดีว่ากฎหลักของจักรวาลทั้งสามข้อยืนหยัดอยู่กับจักรวาลมาอย่างภาคภูมิเป็นเวลานาน กฎข้ออื่น ๆ จึงกลายเป็นเพียงแค่กฎเล็ก ๆ หรือกฎเสริมที่แตกแยกย่อยออกไปจากกฎหลักเท่านั้น และการเอากฎข้อเล็ก ๆ เข้ามารวมกับกฎหลักมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่ากฎเสริมชนิดไหนถึงสามารถเสริมพลังการโจมตีได้มากขนาดนี้ ฉันเลยคิดว่าเซี่ยเฟยน่าจะมีการตีความกฎแห่งมิติในลักษณะใหม่มากกว่า”
“พรสวรรค์ของเขาเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาจริง ๆ ถ้าหากว่าเขายังคงเติบโตอย่างดีต่อไป บางทีในอนาคตเขาก็อาจจะเริ่มก่อตั้งตระกูลเป็นของตัวเอง หรือบางทีเขาก็อาจจะพัฒนาจนเข้าไปยังเผ่าเทพเลยก็ได้ใครจะรู้”
น้ำเสียงของชานหยิงตื่นเต้นมาก แต่หยูฮัวยังคงความสงบของตัวเองเอาไว้
“นายคิดว่ามันพอจะมีโอกาสเป็นกฎแห่งเวลาที่หายสาบสูญไปได้หรือเปล่า?” หยูฮัวกล่าวถาม
เมื่อได้ยินคำถามนี้ชานหยิงก็หันไปมองหยูฮัวด้วยความระแวดระวัง
“พวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่าถึงแม้กฎหลักของจักรวาลจะมีสามข้อ แต่กฎแห่งเวลาที่สำคัญที่สุดได้สูญหายไปเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ส่วนชื่อเดิมของนายก็คือว่านเยียนยู่ตู้จากตระกูลว่านเยียน ที่ในตำนานเล่าขานกันว่าตระกูลของนายคือตระกูลสุดท้ายที่เคยได้สัมผัสกฎแห่งเวลา”
“ในฐานะที่นายเป็นลูกหลานของตระกูลว่านเยียน นายเคยเรียนรู้เรื่องของกฎแห่งเวลามาบ้างหรือเปล่า?”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะขุดคุ้ยเรื่องของนายขึ้นมาหรอกนะ ฉันแค่บังเอิญรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายจากเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น และในวันนี้ฉันก็แค่เจอนายโดยบังเอิญ ฉันเลยอยากจะให้นายช่วยดูว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังใช้มีลักษณะใกล้เคียงกับกฎแห่งเวลาหรือเปล่า?” หยูฮัวถาม
สีหน้าของชานหยิงเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด และเขาก็ไม่อยากที่จะยอมรับเรื่องที่หยูฮัวพูดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
“ตอนฉันยังเด็กฉันเคยเห็นคุณปู่ใช้กฎแห่งเวลามาก่อน แต่ฉันสามารถพูดได้ตรงนี้เลยว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังใช้ไม่ได้ใกล้เคียงกับกฎแห่งเวลาเลยแม้แต่น้อย”
“ตระกูลว่านเยียนคือผู้ใช้กฎแห่งเวลาจริง ๆ งั้นเหรอ?”
“ฉันก็อยากให้ตระกูลของฉันไม่เคยเรียนรู้กฎที่โหดร้ายนั้นเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นตระกูลของฉันก็คงจะไม่ถูกกวาดล้าง และฉันก็คงจะไม่เสียดวงตาและสูญเสียบ้านของตัวเองไปแบบนี้” ชานหยิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
“เซี่ยเฟยไม่ได้ใช้กฎแห่งเวลา ส่วนนายก็ยังไม่ทันที่จะได้เรียนรู้กฎแห่งเวลาสินะ... ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่มีประโยชน์สำหรับฉันแล้ว” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ไหนนายบอกว่านายจะปล่อยฉันไป?!” ชานหยิงอุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
“นายบอกเองนี่ว่าที่นี่คือดินแดนของผู้ใช้กฎ นายคงไม่คิดว่าคำสัญญาของที่นี่จะเป็นเรื่องจริงจังใช่ไหม?” หยูฮัวกล่าวอย่างเยาะเย้ย เพราะประโยคนี้คือประโยคเดียวกันกับที่ชานหยิงเคยพูดกับหมิงกุยเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
***************