ตอนที่ 550 นักรบกฎขั้นสูง
ตอนที่ 550 นักรบกฎขั้นสูง
หยูฮัวเริ่มกลับไปพักผ่อนอีกครั้งพร้อมกับจบบทสนทนาระหว่างพวกเขา ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้ใช้เวลาว่างช่วงนี้ในการพยายามเพิ่มระดับของกฎแห่งมิติ
หากเขาสามารถพัฒนาพลังไปจนถึงระดับขั้นที่ 6 ได้สำเร็จ มันจะช่วยเพิ่มพลังของกฎแห่งมิติให้กับเขาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้มันจะทำให้เขาถูกพิจารณาว่าเป็นนักรบกฎขั้นสูงอีกด้วย
นักรบกฎขั้นสูงมีความแตกต่างจากนักรบกฎขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่หยูฮัวปะทะกับราชากฎขั้นพื้นฐาน 2 คนได้พร้อมกันเมื่อเขามีระดับพลังอยู่ที่ราชากฎขั้นสูง
การฝึกฝนในครั้งนี้เซี่ยเฟยพยายามลองฝึกฝนตามความลับที่หยูฮัวได้มอบให้กับเขา ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้กฎจะต้องทำการถักทออักขระกฎตัวใหม่ขึ้นมาเพิ่มเพื่อทะลวงไปยังระดับขั้นถัดไป แต่วิธีการของหยูฮัวกลับให้เขาเริ่มถักทออักขระกฎตั้งแต่ตัวแรกขึ้นมาใหม่ไปจนถึงอักขระกฎในตัวปัจจุบัน
ชายหนุ่มค่อย ๆ รวบรวมพลังถักทออักขระกฎของนักรบกฎขั้นที่ 1 ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เร่งความเร็วถักทออักขระกฎของนักรบกฎขั้นที่ 2, 3, 4, 5 ไปเรื่อย ๆ
วิธีการนี้คล้ายกับการเร่งความเร็วและอาศัยแรงเฉื่อยเพื่อทะลุเส้นทางที่กีดขวางเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้ความคืบหน้าในการฝึกฝนของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เริ่มต้นใหม่!
เร่งความเร็วอีกครั้ง!!
เซี่ยเฟยวนลูปเหตุการณ์นี้ซ้ำ ๆ เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังพิเศษสายความเร็ว แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าความลับของการฝึกฝนกฎแห่งมิติ มันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามเร่งความเร็วการเคลื่อนที่ในระหว่างที่เขาใช้พลัง
ยิ่งไปกว่านั้นในทุก ๆ ครั้งที่เขาเริ่มทำการถักทออักขระของนักรบกฎขั้นที่ 6 เขาก็จะได้ทบทวนอักขระของนักรบกฎขั้นที่ 1-5 ไปซ้ำ ๆ และมันก็ทำให้ความเข้าใจในเรื่องพื้นฐานค่อย ๆ มีความหนักแน่นมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าวิธีการนี้จะทำให้เขาพัฒนาไปด้านหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็มีข้อเสียที่ร้ายแรงมากเช่นเดียวกัน เพราะมันจำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล
แน่นอนว่าการพยายามเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ทุกครั้งจำเป็นจะต้องเติมพลังงานเข้าไป ทำให้โดยเฉลี่ยแล้วเซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องดูดซับคริสตัลขาว 1 ชิ้นทุก ๆ 1 ชั่วโมง
ผู้ใช้กฎธรรมดาย่อมไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลเช่นนี้ได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะล่วงรู้ความลับในการฝึกฝนด้วยวิธีการนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงขาดทรัพยากรเนื่องจากมีคริสตัลต้นกำเนิดไม่เพียงพอ
โชคดีที่ตอนนี้เซี่ยเฟยยังมีคริสตัลต้นกำเนิดเก็บไว้ในแหวนมิติมากพอสมควร ซึ่งอย่างน้อยมันก็มากพอที่จะช่วยเขาเลื่อนระดับกลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 6 ได้ ส่วนเรื่องในอนาคตเขาคงจำเป็นจะต้องค่อย ๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
24 ชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มก็สามารถทะลวงระดับนักรบกฎขั้นที่ 6 ไปได้มากกว่า 30% แล้ว ซึ่งมันเป็นความเร็วในการเพิ่มระดับชนิดที่ไม่มีใครกล้าจินตนาการถึงอย่างแน่นอน
ถ้าหากว่าเขาสามารถก้าวข้ามกำแพงนี้ไปได้ เขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมหาศาล และมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ระหว่างพักผ่อนหยูฮัวมักที่จะลืมตาขึ้นมาสังเกตเซี่ยเฟยกับขนอุยเป็นระยะ ๆ ซึ่งชายหนุ่มด้านหน้าของเขาก็คือผู้ที่สามารถเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ 100% ส่วนอสูรข้างกายของเขาก็เป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นตำนานของจักรวาล
ระหว่างพิจารณาความก้าวหน้าของชายหนุ่ม หยูฮัวก็เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปากราวกับว่าการที่เขาได้เห็นเซี่ยเฟยในตอนนี้ มันเหมือนกับการที่ได้เห็นเงาของตัวเองในสมัยเมื่อเขายังเด็ก
“มันยังไม่ถึงเวลา…” หยูฮัวพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะหลับตาลงไปพักผ่อนอีกครั้ง
—
วิ้ง!
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถพัฒนาจนกลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 6 ได้สำเร็จ และเมื่อชายหนุ่มลุกยืนขึ้นมองไปรอบ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันทรงพลังที่พวยพุ่งออกมาจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขา
“แค่ 4 วันนายก็สามารถทะลวงผ่านนักรบกฎขั้นที่ 6 มาได้แล้วงั้นเหรอ?! ฉันไม่รู้จะเอาคำว่าอะไรมาอธิบายความเร็วในการพัฒนาของนายจริง ๆ สรุปว่านายเป็นอัจฉริยะหรือเป็นคนบ้ากันแน่” หยูฮัวลืมตาพร้อมกับอุทานด้วยความประหลาดใจ
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มเป็นคำตอบ และเพลิดเพลินไปกับความสุขจากพลังระดับใหม่ที่เขาเพิ่งได้รับ
“วิธีทะลวงผ่านขั้นที่ 6 ที่นายเพิ่งใช้ไปเป็นวิธีที่สามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าหากว่านายคิดจะใช้วิธีการนี้อีกในอนาคต มันก็จะเป็นผลเสียมากกว่าที่จะเป็นผลดี” หยูฮัวกล่าวอธิบาย
“แล้วเส้นทางลัดที่จะก้าวสู่การเป็นอัศวินกฎคืออะไรงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“มันไม่มีทางลัดในจักรวาลนี้หรอก มันมีแต่ว่าวิธีการไหนใช้การได้กับวิธีการไหนใช้การไม่ได้ ตอนที่ฉันยังเด็กฉันติดอยู่ในกำแพงนี้เป็นเวลากว่า 1 ปีก่อนที่ฉันจะได้ค้นพบกับเทคนิคลับที่สามารถเอามาใช้งานได้จริง ๆ”
“ท้ายที่สุดการพยายามทำความเข้าใจธรรมชาติของกฎก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ ดังนั้นถ้าหากว่านายต้องการจะเรียนรู้กฎ ๆ ไหนให้ได้อย่างรวดเร็ว นายก็จำเป็นจะต้องเข้าใจธรรมชาติของกฎ ๆ นั้นให้ได้เสียก่อน” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
“ส่วนเทคนิคลับในระหว่างการพยายามทะลวงไปเป็นอัศวินกฎฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
มุมมองที่เซี่ยเฟยมีต่อหยูฮัวเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าพ่อค้าคนนี้จะได้สวมบทบาทหลาย ๆ บทบาทอยู่ในเวลาเดียวกัน ความเป็นจริงเซี่ยเฟยก็ค่อนข้างคิดว่าหยูฮัวมีความคล้ายคลึงกับเขาอยู่มาก เพราะแม้ภายนอกเขาจะดูเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แต่ภายในเขาก็ได้ซ่อนความลับเอาไว้อย่างมากมาย
อย่างไรก็ตามตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดร้ายกับเขา เขาก็มีความคิดว่าแม้แต่ราชาของเผ่ามารก็สามารถที่จะเป็นเพื่อนกับเขาได้
อย่างน้อยการเดินทางในครั้งนี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้จักหยูฮัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันก็จะทำให้เขาระแวดระวังพ่อค้าคนนี้ได้ถูกทางมากขึ้นเช่นเดียวกัน
“เอาล่ะฉันยังต้องการเวลาพักผ่อนอีกสามวัน ช่วงนี้เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อม อีกสามวันให้หลังพวกเราจะไปบุกฐานของหมิงกุยด้วยกัน” หยูฮัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“คุณพบที่ซ่อนของหมิงกุยแล้วเหรอครับ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“ใช่ ฉันได้ไปพบกับคนที่สามารถพาเราไปหาหมิงกุยได้ ที่จริงแล้วฐานทัพของหมิงกุยคือยานอวกาศที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องติดต่อซื้อขายกับพ่อค้ารายอื่น และนั่นก็คือช่องทางสำหรับพวกเรา” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากพูดคุยทุกอย่างกันจนเสร็จหยูฮัวก็หลับตาพักผ่อนอีกครั้ง ขณะที่เซี่ยเฟยเริ่มเหนื่อยล้าจากการพยายามบุกทะลวงผ่านนักรบกฎขั้นที่ 6 เขาจึงออกไปยืดเส้นยืดสายด้วยการฝึกวิชาการต่อสู้
สำหรับเซี่ยเฟยที่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้พวกนี้มาเป็นเวลานานแล้ว การเคลื่อนไหวตามเคล็ดลับของวิชาก็ไม่ต่างไปจากการพักผ่อนสำหรับเขาเลย เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้สมองไปกับการเคลื่อนไหวพวกนี้
หากคนอื่นมาได้ยินความคิดของชายหนุ่มที่ใช้วิธีการฝึกฝนวิชาการต่อสู้เป็นการพักผ่อน พวกเขาก็คงจะคิดว่ามันคงมีแต่คนบ้าแบบเซี่ยเฟยเท่านั้นที่คิดแบบนี้ได้
—
ณ ยานบรรทุกสินค้าของหมิงกุย
“สำเร็จ! ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ!!” หยูฮัวถือขวดน้ำยาสีเหลืองพร้อมกับอุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้น้ำยาของเซี่ยเฟยเป็นเหมือนกับคำสาปที่ทำลายเครื่องวิเคราะห์น้ำยาอันล้ำค่าของเขาไปแล้วถึงสามเครื่อง แต่ในฐานะที่เขาเป็นนักปรุงยาระดับสูงของวงการ เขาจึงเลือกใช้วิธีการดั้งเดิมที่สุดในการถอดสูตรน้ำยาของเซี่ยเฟยด้วยตัวเอง
“เอ่อ... ผมว่าขวดน้ำยาของคุณค่อนข้างที่จะดูแตกต่างจากขวดน้ำยาของเซี่ยเฟยนะครับ ขวดน้ำยาของเซี่ยเฟยมีสีเหลืองอ่อน ขณะที่ขวดน้ำยาของคุณเป็นสีเหลืองเข้ม” หยูชิงเหอกล่าวถามด้วยความกังวล
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! สูตรทุกอย่างมันเหมือนกันทุกประการ แล้วมันจะมีความผิดพลาดได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็ใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพสูง มันเลยเป็นเรื่องปกติที่สีสันของมันจะสดใสขึ้นกว่าเดิม” หมิงกุยกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มกวาดสายตามองดูลูกน้องที่อยู่รอบ ๆ ด้วยแววตาที่มุ่งร้าย ซึ่งทุกคนต่างก็รีบหันศีรษะหลบออกไปโดยไม่กล้าที่จะสบสายตากับชายชราเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงพี่น้องตระกูลหยูก็เริ่มประสบพบกับโชคร้ายหลังจากที่พวกเขาได้ขโมยน้ำยาของเซี่ยเฟยมาเหมือนกัน ซึ่งในตอนแรกพวกเขาคิดที่จะถอดสูตรน้ำยานี้ออกมาเพื่อสร้างความร่ำรวย แต่ความพยายามของพวกเขากลับก่อให้เกิดหายนะไปแล้วหลายครั้ง
เมื่อเครื่องวิเคราะห์น้ำยาสุดที่รักของหมิงกุยถูกทำลายด้วยน้ำยาของเซี่ยเฟย เขาก็รู้สึกโกรธมากจนส่งมู่หลินไป๋กับหยวนเตี้ยนไปจับกุมตัวของเซี่ยเฟยมา แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นหยวนเตี้ยนได้รับบาดเจ็บสาหัส และถ้าหากไม่ใช่เพราะชายหัวโล้นได้น้ำยาของหมิงกุยช่วยเอาไว้ เขาก็คงจะเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว
แน่นอนว่าความผิดทั้งหมดนี้ถูกโยนไปให้พี่น้องตระกูลหยู ทำให้ในทุกวันนี้พวกเขาถูกกักขังอยู่ในยานของหมิงกุยไม่ให้จากไปไหน และทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในความกระวนกระวายตลอดเวลา
“นายมาลองยาตัวนี้สิ” หมิงกุยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หยูชิงเหอ
“ท่านอาจารย์ พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของผมยังปกติดี” หยูชิงเหอตอบกลับไปด้วยความกลัว
“เลิกไร้สาระแล้วดื่มยานี่เข้าไปซะ! นายเป็นคนเอายาสูตรนี้มา ถ้านายไม่เป็นคนทดลองแล้วจะให้ลูกน้องฉันเป็นคนทดลองหรือยังไง?”
หยูชิงเหอเริ่มสัมผัสได้ถึงนรกและถ้าหากว่าเขาย้อนเวลากลับไปได้ แม้ว่ามันจะมีคนเอามีดมาจ่อคอเขา แต่เขาก็คงจะไม่มีทางขโมยน้ำยาของเซี่ยเฟยมาที่นี่อย่างเด็ดขาด
น่าเสียดายที่ถึงแม้หยูชิงเหอจะพยายามปฏิเสธ แต่มู่หลินไป๋ก็เข้ามาบีบปากเขาโดยตรงและกรอกยาทั้งขวดลงไปโดยไม่ให้เขามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเลย
อั๊ก!
หยูชิงเหอเริ่มตื่นตระหนกขณะที่ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
อั๊ก!
ในคราวนี้เขาได้กระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาจึงพยายามกรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง
“นั่นมันเลือด! ไม่นะ นั่นมันเลือด!!”
อย่างไรก็ตามเขาก็มีแรงส่งเสียงตะโกนขึ้นมาได้เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ก่อนที่ร่างของเขาจะเป็นลมล้มพับลงไปและมีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งห้า
“ทำไมถึงตายได้นะ? วัตถุดิบทั้งหมดก็น่าจะถูกต้องแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หมิงกุยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ขณะเดินเข้าไปตรวจสอบศพของหยูชิงเหอ
แน่นอนว่าหมิงกุยย่อมไม่รู้ว่าวิธีการปรุงน้ำยาของเซี่ยเฟยแตกต่างไปจากวิธีการตามปกติ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะสามารถถอดสูตรวัตถุดิบทุกอย่างออกมาได้ แต่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถลอกเลียนแบบน้ำยาของเซี่ยเฟยได้อย่างแน่นอน
เมื่อหยูกู่เหอเห็นพี่ชายของตัวเองเสียชีวิต ร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกับใบหน้าอันซีดเผือด ซึ่งในตอนนี้เขากำลังรู้สึกผิดมากที่สุด เพราะทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่เขาไปคว้าน้ำยาของเซี่ยเฟยมาจากหอสายลมหนาว
“ไม่เชื่ออ่ะ”
“ฉันไม่เชื่อ!”
“เซี่ยเฟยเป็นแค่นักรบแล้วเขาจะมีวิชาการปรุงยาเก่งกาจกว่าฉันได้ยังไง?”
เหตุการณ์นี้ทำให้หมิงกุยรู้สึกเหมือนอยากจะเป็นบ้า เพราะเขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเรื่องการปรุงยามาตั้งแต่เด็ก แต่น้ำยาของเซี่ยเฟยกลับสร้างความสับสนครั้งใหญ่มากที่สุดในชีวิตให้กับเขา และเขาก็ยังมองไม่เห็นแสงสว่างในความลับนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้นเองชายชราผู้มีผมขาวและมีดวงตาเพียงแค่ดวงเดียวก็เดินเข้ามาภายในห้องทดลองของหมิงกุย ซึ่งทันทีที่ชายชราคนนี้ได้ปรากฏตัวทุกคนต่างก็รีบก้มศีรษะลงอย่างเคารพในทันที แม้แต่หมิงกุยก็ยังหยุดส่งเสียงร้องคำรามและพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง
“ท่านอาจารย์ชานหยิงมาได้ถูกเวลาจริง ๆ ท่านอาจารย์ช่วยรีบเดินทางไปยังตระกูลหยูแล้วจับเซี่ยเฟยกลับมาให้กับผมด้วย” หมิงกุยกล่าว
“ไม่ต้องไปหรอก ตอนนี้คนจากตระกูลหยูเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว” ชานหยิงกล่าวอย่างเย็นชา
“พวกตระกูลหยูมาที่นี่ได้ยังไง? แล้วพวกมันมากันกี่คน?!” หมิงกุยกล่าวถามด้วยความตกตะลึง
“มากัน 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นราชากฎและเขาก็ทำการเปิดประตูมิติเดินทางมาที่นี่โดยตรง”
“หยูเจียงเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองเลยงั้นเหรอ!? ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้! หยูเจียงจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองทำไม?” มู่หลินไป๋อุทานขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถ้าหยูเจียงเดินทางมาด้วยตัวเองฉันก็คงจะถอยไปตั้งนานแล้ว แต่ครั้งนี้คนจากตระกูลหยูที่เดินทางมาคือหยูฮัว ผู้ซึ่งเป็นราชากฎอีกคนของตระกูล” ชานหยิงกล่าวอธิบาย
“หยูฮัวไม่ได้สนใจเรื่องภายในตระกูลแล้วไม่ใช่เหรอครับ แล้วเขาจะเดินทางมาที่นี่ทำไม?” หยวนเตี้ยนกล่าวขณะแกะผ้าพันแผลรอบแขนของเขาออก
ตูม!
แต่ก่อนที่คำพูดของเขาจะจบลงประตูของห้องทดลองก็ถูกบังคับให้เปิดออกในทันที จากนั้นไม่นานหยูฮัวกับเซี่ยเฟยก็เดินเข้ามาเคียงข้างกัน พร้อมกับมองไปยังศัตรูทุกคนด้วยแววตาอันเย็นชา
“เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินว่าใครอยากจะจับตัวฉันใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างเย่อหยิ่งขณะกวาดสายตามองทุกคนด้วยแววตาอันดุร้าย
***************
กร่างเหลือเกินพี่เฟย ได้ข่าวมากันแค่ 2 คนเองนะ 55555