ตอนที่ 2 ข้าตกลง
หลังจากนั้นไม่นาน ฑูตของอาณาจักรโม่ก็เข้าวัง
เขาคำนับหลินเป่ยฟานและพูด“ฑูตจากอาณาจักรโม่ ฉีมู่ขอคารวะฝ่าบาท ขอให้ท่านสุขพลานามัยแข็งแรง”
หลินเป่ยฟานเข้าเรื่อง“ขอบคุณ!ท่านฑูตโม่ ว่าแต่ท่านมีเรื่องอันใด?”
ฉีมู่พูดเสียงดัง”เรียนฝ่าบาท ฉีมู่ทำตามคำสั่งของจักรพรรดิโม่และมาที่นี่ด้วยเจตนาอันดี!หนึ่งเพื่อแสดงความยินดีที่ท่านขึ้นครองบัลลังก์ อีกหนึ่งเพื่อสรุปข้อตกลงพันธมิตรระหว่างสองอาณาจักร สามคือเพื่อทำข้อตกลงกับฝ่าบาท+.
“ข้าขอรับความเมตตาจากจักรพรรดิโม่!มา คุยเรื่องที่สามกัน จักรพรรดิโม่อยากทำข้อตกลงอะไรกับข้า!”
ทั้งห้องเงียบลงและตั้งใจฟัง เพราะทุกคนรู้ว่าเรื่องสามสำคัญมาก
ฑูตของอาณาจักรโม่พูดเสียงดัง“ฝ่าบาท อาณาจักรเรามักขาดเหล็ก เราจึงได้แต่นำเข้าอาวุธ!ด้วยเหตุผลนี้ ฝ่าบาทเราจึงกังวลมาก!ดังนั้น ฝ่าบาทจึงหวังว่าพระองค์จะสามารถยกเหมืองเหล็กฮัวโจวให้อาณาจักรโม่เรา และเรา อาณาจักรโม่จะตอบแทนท่านอย่างจริงใจ!”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดมา ใบหน้าของเหล่าขุนนางก็เปลี่ยนไป พวกเขาตะคอก
“สามหาว!ให้อาณาจักรเรายกดินแดนให้เนี่ยนะ?”
“นี่คือความจริงใจของเจ้า?”
“กลับไป อาณาจักรเซี่ยเราจะไม่มีวันยอม”!
…
ฑูตอาณาจักรโม่ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่กลับมองหลินเป่ยฟาน
หลินเป่ยฟานหรี่ตา
เหมืองเหล็กฮัวโจวคือเหมืองเหล็กที่ชายแดนระหว่างสองอาณาจักร มันมักมีความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายเพราะเรื่องนี้ และเกิดสงครามเล็ก
สุดท้ายอาณาจักรเซี่ยก็ได้มา แต่โจรของอาณาจักรโม่ก็ยังอยู่
เห็นได้ชัดว่าเขาอยากชิงเหมืองเหล็กไปตอนสถานการณ์เขาไม่มั่นคง
เสียงของหลินเป่ยฟานเย็นชา“ฑูตอาณาจักรโม่ คำขอของเจ้าหยาบคายมาก ถ้าข้าไม่ตกลงละ?”
‘ฝ่าบาทเซี่ย ฉีมู่แนะนำให้ท่านตกลง นี่คือเรื่องดีสำหรับสองฝ่าย!ไม่งั้น เราจะต้องสู้กัน โปรดคิดให้ถี่ถ้วน ฝ่าบาท.”
“สามหาว!”
“กล้าดียังไงมาขู่ฝ่าบาท?”
…
เหล่าขุนนางตะคอกอีกครั้ง
หลินเป่ยฟานโบกมือ พูดอย่างสงบ“สหายที่รัก โปรดใจเย็น!มาฟังความจริงใจของฑูตโม่ก่อนว่าเขาจะเอาอะไรมาแลกกับเหมืองเหล็กของอาณาจักรเรา!”
“มันยังเป็นฝ่าบาทเซี่ยที่เข้าใจความจริง ฉีมู่จะพูดตรงๆ!”ฑูตของอาณาจักรโม่พูดเสียงดัง“ก่อนอื่น อาณาจักรโม่เราเต็มใจจ่ายสามแสนตำลึงเงิน!”
หลินเป่ยฟานหัวเราะ“แม้เหมืองเหล็กเราในฮัวโจวจะไม่ใหญ่ รายรับประจำปีของแร่เหล็กก็มากถึงแสนตำลึง!อุวธที่ผลิตทุกปีสามารถให้ทหารนับหมื่น ซึ่งมากพอจะเสริมกำลังทหารของเราอย่างมาก!อาณาจักรโม่ของเจ้าอยากเอาเหมืองเหล็กไปด้วยสามแสนตำลึง ฝันไปเถอะ!”
“คำพูดของฝ่าบาทเป็นความจริง บ้าไปแล้วที่จะแลกสามแสนตำลึงกับเหมืองเหล็ก!”
“นี่มันเอาเปรียบกันชัดๆ!”
“ต่อให้เป็นล้านตำลึงเงิน เราก็จะไม่มีวันตกลง!”
..
“ฝ่าบาท ไม่ต้องห่วง เรายังมีมากกว่านี้”ฉีมู่ ฑูตอาณาจักรโม่พูดต่อ“นอกจากสามแสนตำลึงเงิน อาณาจักรโม่เราเต็มใจจ่ายธัญพืชอีกสองล้านชั่ง!”
ใบหน้าของหลินเป่ยฟานยังไม่เปลี่ยน“แม้อาณาจักรเราจะแห้งแล้งและขาดอาหาร มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะแลกธัญพืชสองล้านชั่งกับเหมืองเหล็กของอาณาจักรเรา!”
“ถูกต้อง!ไม่มีวันแลก!”
“นี่คือรากฐานของอาณาจักร ไม่ว่าจะให้อาหารมากแค่ไหน มันก็ยกให้ไม่ได้!”
‘ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง!’
“นอกจากนี้ อาณาจักรเรายังเต็มใจเสนอหยกหยูอี้(หยกสมปรารถนา)คู่หนึ่ง หินโมรายี่สิบก้อน ไข่มุกหลงอัน 100 ลูกและทองอีกพันตำลึง ทั้งหมดมีมูลค่าสองแสนตำลึงเงิน!”ฑูตอาณาจักรโม่พูดอีก
หลินเป่ยฟานหงุดหงิด“ข้าเป็นคนที่โลภกับของพวกนี้หรือยังไง?สิ่งที่เจ้าเสนอ นอกจากจะกัดกินวิญญาณข้า พวกมันทำอะไรได้บ้าง?ข้าจะไม่มีวันตกลง!”
“ฝ่าบาทพูดถูก ไม่ตกลงเด็ดขาด!”
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมา เราก็ไม่ตกลง”
“ที่ดินไม่อาจขายได้!”
..
ขุนนางนับร้อยแหกปาก ปฏิเสธข้อเสนอ
ภายใต้แรงกดดะนนี้ ฑูตอาณาจักรโม่สั่นเล็กน้อยและพูด“ฝ่าบาท ท่านต้องพิจารณาให้ดี นี่คือความจริงใจของอาณาจักรโม่เรา!ถ้าท่านยังไม่ตกลง ท่านไม่กลัวว่าจะได้พบกับเราในสนามรบหรือ?อาณาจักรเรามีกองทัพสองแสนนายที่พร้อมเดินทัพในแนวหน้า พร้อมจะยึดอาณาจักรเซี่ยได้ทุกเมื่อ!”
“เจ้ายังขู่ข้าอีก?”หลินเป่ยฟานแค่นเสียง และตะโกน“ไปและบอกจักรพรรดิโม่ว่าถ้าเราเจอกันครั้งหน้า เราจะได้เจอกันบนสนามรบ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือยังไง?”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง!”ขุนนางทั้งหมดประสานเสียง
ตอนนั้นเอง เหล่าขุนนางมองหลินเป่ยฟานแตกต่างไปจากเดิม
อย่างไม่คาดคิด จักรพรรดิน้อยของพวกเขาที่เพิ่งเสด็จขึ้นบัลลังก์กลับทนต่อการยั่วยุและคำขู่ของฑูตอาณาจักรโม่โดยหน้าไม่เปลี่ยนสีเลย
หรือว่าอาณาจักรเซี่ยกำลังให้กำเนิดราชากระดูกเหล็ก?
อัครเสนาบดีและแม่ทัพพอใจมากที่เห็นหลินเป่ยฟานเป็นเช่นนี้
“ทุกท่าน อาณาจักรเซี่ยยังมีความหวัง!”
หลินเป่ยฟานยืนขึ้น พูดด้วยท่าทีน่าเกรงขาม“ไม่ว่าอาณาจักรโม่ของเราจะมีกลอุบายอะไร ก็งัดออกมา!”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง!”เหล่าขุนนางก้มหัวอีกครั้ง
ฑูตอาณาจักรโม่พูดอย่างไม่เต็มใจ“เดิม เราคิดจะมอบสาวงามที่สุดของอาณาจักรโม่ให้ท่าน!แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่จำเป็น!ฉีมู่ขอตัว…”
“รอเดี๋ยว!”หลินเป่ยฟานแหกปากลั่น
ฑูตอาณาจักรโม่ถามอย่างสงสัย“ฝ่าบาท ท่านต้องการอะไร?”
หลินเป่ยฟานถาม“สาวงามที่สุดในอาณาจักรโม่ที่เจ้าพูดคือหวังเซียงจวินผู้มีความงามล่มเมืองใช่หรือไม่?”
“ขอรับ มีเรื่องอันใดหรือ?”ฑูตอาณาจักรโม่ยังงุนงง
หลินเป่ยฟานนั่งลง“ไม่คิดเลยว่าอาณาจักรโม่ของเจ้าจะจริงใจเยี่ยงนี้ เอาล่ะ ข้าชอบของขวัญนี้มาก!มันก็แค่เหมืองเหล็ก แลกๆ!”
เหล่าขุนนางและแม่ทัพ“***อะไรวะ!”
ฑูตอาณาจักรโม่“*****!”
ทุกคนตกตะลึง
ขอถอนคำพูด ข้าก็ดันคิดว่าเจ้าคือชายแกร่ง เป็นจักรพรรดิที่ชาญฉลาด
ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมงอเพียงได้พบสาวงาม!
แถมยังตกลงง่ายๆ!
ฑูตอาณาจักรโม่ยังไม่ได้สติ เขาถามตะกุกตะกัก“ฝ่าบาท ท่านพูดจริงหรือ?ท่านเต็มใจแลกเปลี่ยนเหมืองเหล็กฮัวโจวกับสาวงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรโม่ หวังเซียงจวิน?”
หลินเป่ยฟานขมวดคิ้ว“เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นหรือยังไง?”
“ไม่ ไม่…”ฑูตอาณาจักรโม่รีบโบกไม้โบกมือ “งั้นเรา..ก็ตกลง!’
“รอก่อน อย่าลืม!”หลินเป่ยฟานตะโกน“ข้าอยากได้เงิน อาหาร และทองกับอัญมณีที่เจ้าพูดถึงด้วย ส่งมาให้ข้าให้หมด ห้ามขาด!”
“ขอ ขอรับ …ฝ่าบาท!”ฑูตโม่รีบตอบ
สุดท้ายเหล่าขุนนางก็ได้สติ พวกเขาพูดด้วยความกลัว“ฝ่าบาท ไม่ได้นะขอรับ!”