ตอนที่ 1315 หนุ่มน้อย คุณ.. รู้ได้อย่างไร?
หลินฟาน ไม่ได้บอกแอร์โฮสเตสว่า จริงๆ แล้ว คนที่ควรขอบคุณ แอร์โฮสเตส ก็คือ ชายร่างใหญ่คนนั้น เพราะคนที่แอร์โฮสเตสช่วย กลับไม่ใช่ ..หลินฟาน แต่กลับเป็น ชายร่างใหญ่คนนั้นต่างหาก
เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มาก หลินฟาน ก็ยอมรับตรงๆ ไปตามสถานการณ์ และบอกกล่าวขอบคุณ แอร์โฮสเตส ไป
แอร์โฮสเตสคนนี้ ก็มีความรู้สึกถึงความสําเร็จได้ทันที เธอได้ช่วย หลินฟาน และแน่นอนทุกคนก็ย่อมต้องมีความรู้สึกของความสําเร็จในการทํางาน ซึ่งไม่เพียงแต่ทําให้เธอมีความสุขเท่านั้น แต่ยังทําให้เธอมีกําลังใจมากด้วย ยิ่งสําหรับอาชีพ แอร์โฮสเตส แล้ว หลักๆ สำคัญก็คือ แรงจูงใจ ความกระตือรือร้น และความอดทนต่อผู้โดยสาร
“ใช่แล้ว พี่สาว ผมอยากจะถามว่า คุณพอจะเห็นคุณลุงคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม บ้างไหมครับ?” หลินฟาน ได้ถาม
แอร์โฮสเตส ถามอย่างสงสัยว่า : “คุณลุงคนไหนคะ?”
หลินฟาน อธิบายหมายเลขที่นั่งของตัวเอง และอธิบายลักษณะของคุณลุงออกไป
แอร์โฮสเตส ตอบกลับว่า : “นึกออกแล้วคะ เป็นคุณลุงคนนั้นเอง ฉันจําได้ว่าเขาได้มาขอเครื่องดื่มจากฉัน เขาไม่ได้นั่งอยู่ที่นั่งเหรอค่ะ หรือไม่บางที.. เขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ตอนนี้ฉันเองก็ไม่ทราบ…”
พี่สาวคนนี้ เธอได้พูดตอบคำถามของ หลินฟาน อย่างอดทนมากจริงๆ
หลินฟาน พูดว่า : “โอ้ โอเคครับ ผมก็ถาม.. คือพอดีเห็นว่าแกหายไป ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”
แอร์โฮสเตส กล่าวว่า : “เดี๋ยวฉันจะคอยดูให้นะค่ะ”
หลินฟาน พยักหน้า และเดินกลับไปที่นั่ง
ในเวลานี้ แอร์โฮสเตสอีกคนที่มีรูปร่างอวบเล็กน้อยได้เดินเข้ามา แล้วพูดติดตลกไปว่า : “เสี่ยวอี๋ ดูสิๆ เกิดอะไรขึ้น มีหนุ่มหล่อเข้ามาคุยกับเธอด้วย?”
แอร์โฮสเตสที่ชื่อ เสี่ยวอี๋ ได้รีบพูดอย่างรวดเร็วไปว่า : “ไม่ไม่ เธออย่าได้มาคิดซี๊ซั้วนะ”
แอร์โฮสเตสที่มีรูปร่างอวบเล็กน้อย ยิ้ม และพูดว่า : “นี่อะไรกัน.. แอร์โฮสเตสของเราต่างก็เป็นผู้หญิงที่มีคุณภาพมากอยู่แล้ว ตลอดทั้งปีไม่รู้ว่ามีผู้ชายกี่คนที่ริเริ่มเข้ามาพูดคุยกับเรา ฉันจะบอกเธอให้ เธอที่เพิ่งมาบินเที่ยวนี้อาจจะยังไม่รู้ เธอรู้จัก อี้ หลิงหลิง ใช่ไหม? นั่นก็คือเธอได้คบกับคนรวยคนหนึ่ง มาตอนนี้คนอื่นเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยไปแล้ว ซึ่งมันทำให้พวกเราอิจฉามาก!”
แอร์โฮสเตสที่มีรูปร่างอวบเล็กน้อย ได้กล่าวพร้อมกับมีสีหน้าที่อิจฉาที่มันได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
จากนั้นเธอก็พูดปลอบใจตัวเองว่า : “แต่ไม่เป็นไรๆ ฉันจะบอกเธอให้ว่า เที่ยวบินของเรา มักจะมีคนรวยมากมาย ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคนที่ไปทําธุรกิจต่างแดน และเราก็ต่างพบเจอกับคนรวยมากเป็นพิเศษกว่าใครอื่น และวันหนึ่งเธออาจจะได้พบเจอใครสักคนเข้า... ขอฉันดูคนนี้ก่อน อื้ม.. แม้ว่าจะมีหน้าตาหล่อมาก แต่น่าเสียดายที่ดูแล้ว ไม่น่าจะใช่คนรวย งั้นก็อย่าได้ไปเสียเวลาเลย”
เสี่ยวอี๋ ได้หน้าแดง และรีบพูดว่า : “พี่สาว คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ฉันไม่ได้มีความคิดแบบนี้เลยนะ”
เสี่ยวอี๋ รู้สึกว่ามุมมองทั้งสามของเธอไม่สอดคล้องกับพี่สาวคนนี้เลย พวกเราเป็นแอร์โฮสเตส ..จะว่าไปแล้ว โดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นอุตสาหกรรมการให้บริการอย่างหนึ่ง และก็มีลักษณะคล้ายกับบริกรที่เสิร์ฟชา และน้ำในร้านอาหาร แต่มีเกณฑ์ค่อนข้างสูง และข้อกำหนดด้านรูปร่างหน้าตา ความเป็นมืออาชีพที่ต้องค่อนข้างสูงเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงดูมีเสน่ห์ แต่โดยรวมๆ แล้วมันก็คือ งานอย่างหนึ่ง
แต่.. ทําไม สายตาของพี่สาวคนนี้ ถึงได้ดูเหมือนเราเป็นกลุ่มนางสนม นางกำนัลที่รอให้คนรวยๆ มา ..เลือกล่ะ?
แอร์โฮสเตสที่มีรูปร่างอวบเล็กน้อย แนวคิดนี้ดูเหมือนจะฝังรากลึกลงไปแล้ว และไม่ได้สนใจคําชี้แจงของ เสี่ยวอี๋ แม้แต่น้อย เพราะในมุมมองของเธอ คําพูดของ เสี่ยวอี๋ มันดูเป็นเรื่องไร้สาระ แน่นอนว่าผู้คนล้วนต้องการโอกาสที่จะบินขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่ และเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น ‘หงส์’ และแอร์โฮสเตสอย่างเราๆ ก็มีเอกลักษณ์ในด้านนี้ เปรียบได้ดั่ง ‘เก๋งที่อยู่ใกล้น้ำ’ เสี่ยวอี๋ เองคงเป็นคนโง่ ..หากเธอไม่มีความคิดแบบนี้
“ขอบอกเธอเลยว่า ถ้าเธออยากเปลี่ยนโชคชะตาตัวเอง ก็อย่ามาเสียเวลาในชั้นประหยัดแบบนี้เลย ไปชั้นเฟิร์สคลาสดีกว่า เมื่อกี้ฉันอยู่ที่ชั้นเฟิร์สคลาส เห็นคนหล่อสุดๆ อยู่คนหนึ่งล่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกครึ่ง จีน-อังกฤษ มองปราดเดียวก็ดูสูงศักดิ์ แบบคุณชายๆ ลองคิดดูสิว่า ถ้าเขามองมาที่ฉัน…”
แอร์โฮสเตสที่มีรูปร่างอวบเล็กน้อย ทําสีหน้าดูใฝ่ฝัน… ดูราวกับเธอกำลังคิดมันออกมาเป็นฉากๆ
เสี่ยวอี๋ ส่ายหัว และรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานของเธอคนนี้ ดูสิ้นหวังไปแล้วจริงๆ เธอจึงเลิกสนใจ และหันไปยุ่งอยู่กับงานของเธอ
หลินฟาน ไม่รู้ว่าแอร์โฮสเตสสองคนนี้กำลังพูดถึงเขาลับหลังอยู่ และตัวเขาเองก็เดินตรงไปที่นั่งของเขา
เมื่อเดินผ่านผู้หญิงต่างชาติ และชายร่างใหญ่คนนั้น สองคนนี้เองก็ได้เงยหน้าขึ้น และจ้องมองมาที่เขาอย่างดุร้าย ..ด้วยความหมายที่บ่งบอกถึงการคุกคาม
มันเหมือนพวกเขากำลังจะบอกว่า เมื่อกี้นี้.. ถือว่าคุณโชคดี ถ้าไม่ใช่เพราะแอร์โฮสเตสที่เข้ามาขัดขวางล่ะก็.. ตอนนี้ หลินฟาน คงจะต้องทนทุกข์ทรมานไปแล้ว
ไอ้หนู.. แม้ว่าแกจะหนีพ้นภัยพิบัติไปได้ชั่วคราว แต่แกมันไม่อาจจะหลบซ่อนตัวไปได้ตลอดชีวิต รอจนกว่าแกจะลงจากเครื่องบินก่อนเถอะ แล้วเราค่อยมาคิดบัญชีกัน!
เมื่อพอพวกเขาคิดว่าหลังจากลงจากเครื่องบินแล้ว.. ก็ไม่มีใครสามารถมายับยั้งพวกเขาได้ เช่นนั้นแล้ว.. พวกเขาก็จะสามารถสั่งสอน หลินฟาน ได้อย่างเต็มที่ คิดเช่นนั้นใบหน้าของทั้งสองคนก็ปรากฏรอยยิ้มที่มีความสุขขึ้นมา
หลินฟาน ขี้เกียจเกินกว่าจะไปสนใจพวกเขา และทำเพียงเดินจากไป
หลินฟาน ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทําให้ทั้งสองคนนี้อยากที่จะวิ่งเข้าไปทุบตี หลินฟาน มากขึ้น ทั้งสองคนเองก็ได้ทําท่าทางขู่คุกคาม หลินฟาน แต่แน่นอนว่า หลินฟาน.. ไม่คิดจะใส่ใจ
ฉากนี้ทําให้ชายคนผิวดําที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ได้เห็น ชายคนผิวดําคนนี้ก็คือคนที่ต่อคิวอยู่ข้างหลัง หลินฟาน ภายในร้านสะดวกซื้อ เมื่อเห็นสองคนนี้ที่ทําท่าทางอยากจะกินเลือด กินเนื้อ หลินฟาน ชายคนผิวดํา ก็ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างพูดอะไรไม่ออก เหมือนอยากจะพูดว่า ‘หากไม่รนหาที่ตาย ก็ย่อมไม่ตาย’
จากในมุมมองของชายผิวดํา ถ้าหากคนโง่ทั้งสองคนนี้กล้าที่จะเข้าไปยั่วยุ หลินฟาน มันก็เท่ากับเป็นการหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เหตุผลที่คนโง่เป็นคนโง่นั้น ก็เพราะว่าพวกเขามันไม่รู้ไงว่า ตัวเองกำลังยุ่งอยู่กับอะไร..
หลินฟาน ได้กลับมานั่งที่นั่งของตัวเอง แต่เขาก็ยังไม่เห็นคุณลุงกลับมา หลินฟาน ก็ทำเพียงนั่งลง ไม่ว่าคุณลุงคนนี้จะไปไหน แต่ที่แน่ๆ เขาคงไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำอย่างแน่นอน หรือไม่ก็เว้นเสียแต่เขาจะผล็อยหลับไปในห้องน้ำจริงๆ
พอคิดเช่นนี้ ..เขาเองที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำ และเขาก็พบว่าห้องน้ำข้างๆ นั้นก็ว่างเปล่า
จริงๆ แล้วตอนขึ้นเครื่องบิน คุณลุงเองก็เป็นฝ่ายริเริ่มคุยกับ หลินฟาน.. หลินฟาน เองเห็นอยู่แล้วว่าคุณลุงคนนี้ค่อนข้างผิดปกติ แม้ว่าคุณลุงจะทําตัวปกติมาก แต่เบาะแสของความผิดปกติทั้งหมดนั้นมันก็ไม่สามารถหลบซ่อนไปจากสายตาของ หลินฟาน ได้
ซึ่งก่อนหน้านั้น หลินฟาน ยังไม่คิดสนใจอะไรมาก แต่ตั้งแต่เขาเพิ่งเข้าห้องน้ำไป และเห็นปืนที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ ..เมื่อนั้นเขาก็รู้สึกว่าเครื่องบินลำนี้ อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป แต่เขาเองยังไม่มั่นใจว่า คุณลุงที่ผิดปกติคนนั้นจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่?
พอเป็นเช่นนี้แล้ว หลินฟาน จึงต้องให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาอยู่บนเครื่องบินลํานี้แล้ว ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเครื่องบินลํานี้จริงๆ.. มันจะน่ากลัวแค่ไหน พวกเขาอยู่บนท้องฟ้านะ และอีกอย่างไม่ว่า หลินฟาน จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็ใช่ว่าจะมีความกล้าพอที่เล่นบนระดับความสูงหมื่นเมตรหรอกนะ (ประมาณ 32,808.4 ฟุต)
ทันใดนั้น หลินฟาน ก็เห็นว่าคุณลุงเดินกลับมาจากทิศทางของห้องโดยสาร
แม้ว่าคุณลุงจะพยายามทำท่าทางการเดินปกติ แต่มันก็ไม่รอดสายตาทั้งสองข้างของ หลินฟาน ไปได้ ซึ่ง หลินฟาน ก็สามารถบอกได้เลยว่า คุณลุงคนนี้ เขา.. ได้รับบาดเจ็บ!
เมื่อคุณลุงเดินกลับเข้ามา แล้วเห็น หลินฟาน มองอยู่.. คุณลุงแกก็แกล้งทำเป็นปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วก็นั่งลงข้างๆ หลินฟาน
“หนุ่มน้อย ตื่นแล้วงั้นเหรอ?” คุณลุง ได้ยิ้ม พยายามหาเรื่องคุยกับ หลินฟาน
หลินฟาน กล่าวว่า : “อืม.. ครับ ผมเองคิดว่าคุณลุงไปเข้าห้องน้ำ แต่ผมจําได้ว่าห้องน้ำ ..ดูเหมือนจะอยู่ข้างหลัง ใช่ไหมครับ?”
คุณลุง ตอบว่า : “อา.. ใช่ เมื่อกี้บังเอิญพบเจอคนรู้จัก แล้วได้ไปคุยกัน..”
หลินฟาน ร้องโอ้ออกมา แล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดไปว่า : “คุณลุง.. คนรู้จักของคุณลุงเองนี่ดูจะกระตือรือร้นไม่ใช่น้อยเลยนะครับ ที่ถึงขนาดพูดคุยกันจนกระดูกซี่โครงของ คุณ.. หักไปเช่นนี้ได้”
สีหน้าของคุณลุงเปลี่ยนไป เขาดูตกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ พร้อมหัวเราะ และพูดไปว่า : “หนุ่มน้อย นี่คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คุณลุงไม่เพียงแต่กระดูกซี่โครงหักไปซี่หนึ่ง ตรงบริเวณท้องน้อยก็ยังมีเลือดไหลออกมาด้วย หากให้ผมเดา น่าจะถูกมีดบาดมาใช่ไหมครับ อืมๆ.. คนที่คุณลุงไปคุยด้วยนี้ น่าจะเป็นคนเลือดร้อนไม่ใช่น้อยๆ จริงๆ”
เมื่อครั้งขึ้นเครื่อง คุณลุง.. เองได้ทดสอบ หลินฟาน แล้ว และได้ยืนยันว่า หลินฟาน เป็นเพียงชายหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ แต่ตอนนี้ หลินฟาน กลับทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแล้ว
“หนุ่มน้อย คุณ.. รู้ได้อย่างไร?” คุณลุงได้พูดกดเสียงต่ำลง