ตอนที่ 100 สมกับที่เป็นเจ้าจริงๆ
ตอนที่ 100 สมกับที่เป็นเจ้าจริงๆ
เขาเป็นถึงผู้ฝึกตนทั่วไปลำดับที่หนึ่ง ผู้ฝึกตนทั่วไปเพียงคนเดียวที่สามารถเอาชนะคนทั้งตระกูลได้ ตราบใดที่เด็กคนนั้นยังลาดอยู่บ้าง เขาจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
“เฮ้ยไอ้แก่ มึงใครวะ? มาบอกให้นายท่านของข้าเรียกเจ้าว่าอาจารย์งั้นเรอะ? ถุ้ย ดูสภาพตัวเองสะบ้างนะ อย่างเจ้าแค่ขวานของข้าก็ฆ่าเจ้าได้แล้ว! แต่ข้าไม่อยากทำคนแก่หรอกนะถ้านายท่านไม่สั่งน่ะ”
“ดังนั้นตาแก่ รีบออกไปซะถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่”
หลี่กุยก้าวไปด้านหน้าและยื่นมือทำเป็นสัญลักษณ์ไล่ไปให้พ้นๆ
ชายชราคนนั้นตกใจเมื่อได้ยินแบบนี้ และเขาก็เริ่มถอยหนีเล็กน้อย แต่หลี่กุยไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวของชายชราเลย และเขายังคงก้าวไปข้างหน้า ก่อนที่จะคว้าร่างของชายชราแล้วยกขึ้น
เมื่อเห็นแบบนี้ ชายชราก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก “ทำไมผู้ชายคนนี้ได้ถึงแข็งแกร่งมากขนาดนี้กันแน่?”
ขณะเดียวกันในใจเขาก็แอบไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เพราะซู่เฮาเที่ยนไม่ยอมรับเขาเป็นอาจารย์ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอยู่
เขาเป็นถึงระดับราชาแห่งจิตวิญญาณทำไมเขาถึงถูกยกให้ลอยขึ้นจากชายผิวดำคนนี้ได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะพยายามต่อต้านโดยที่ไม่รู้ตัว แต่หลี่กุยก็สามารถยกร่างของเขาให้ลอยได้ง่ายๆ
ความแข็งแกร่งของหลี่กุยนั้นสูงมาก แม้ว่าเขาจะเป็นระดับราชาแห่งจิตวิญญาณแต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานได้ และเขาถูกทำให้ก็ลอยไปในระยะไกลโดยไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้เลย
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ร่างของชายชราคนนั้นปลิวไปไกลกว่าสองร้อยเมตรก่อนที่จะตกลงกับพื้นก่อนที่จะหยุด
ชายชราคนนั้นอึ้งมากและค่อยๆลุกขึ้นมานั่งบนพื้นหญ้าด้วยความงุนงง ริมฝีปากของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเข้มและร่างกายของเขาก็ค่อยๆสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาคู่หนึ่งของเขาจ้องมองไปที่หลี่กุยที่กำลังยิ้มด้วยความหวาดกลัว
“ฉิวบู้หยี่แพ้แล้ว ทำไมเขาถึงแพ้ง่ายขนาดนั้นได้?”
“ใครกันที่แข็งแกร่งขนาดปาร่างของท่านฉิวบู้หยี่ได้น่ะ?”
“ฉิวบู้หยี่เป็นใครงั้นรึ?”
"เจ้าโง่ เขาคือผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกตนทั่วไปซึ่งเป็นระดับราชาแห่งจิตวิญญาณเจ้าไม่รู้เลยงั้นรึว่าเขาโด่งดังมากขนาดไหนน่ะ?"
“ฉิวบู้หยี่ ถูกปาออกไปง่ายๆแบบนั้นเลยรึ? เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“เจ้าพวกนั้นแข็งแกร่งมากถึงขนาดปาร่างของท่านฉิวบู้หยี่ได้ง่ายๆเลยรึ? รีบอยู่ห่างจากพวกมันน่าจะเป็นการดีที่สุด!!!”
“ถ้าฉิวบู้หยี่นั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับราชาแห่งจิตวิญญาณที่ทรงพลัง แล้วระดับของชายร่างใหญ่ที่ปาร่างของเขานั้นคือระดับอะไรกันแน่?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่ามันเหนือกว่าฉิวบู้หยี่อย่างแน่นอน”
ชั่วขณะหนึ่ง ชื่อเสียงของหลี่กุยก็เริ่มแพร่กระจายออกไป ฉิวบู้หยี่ที่เป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังนั้นแพ้ให้กับหลี่กุยอย่างง่ายดายและไม่สามารถตอบโต้ได้เลยด้วยซ้ำ
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขานั้นพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ
นี่จะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน พวกเขาจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร?
แต่หลังจากนั้น ฉิวบู้หยี่ได้ยืนขึ้นและตบก้นของเขาก่อนจะกลับไปที่ทีมของเขาและเขาก็พยักหน้าให้ซู่เฮาเที่ยนด้วยรอยยิ้ม จากที่ห่างไกลราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เจ้านั่นไม่ธรรมดาน่าดู ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงจะตายไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนระดับราชาแห่งจิตวิญญาณจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆแบบนั้นอย่างแน่นอน”
ปี่กันที่ติดตามซู่เฮาเที่ยนนั้นใช้การวิเคราะห์ของเขาวิเคราะห์ชายชราคนนั้น และให้คำแนะนำอย่างจริงจัง
“ข้าไม่รู้ว่า เจ้าเคยได้ยินคำพูดนี้มาบ้างไหม เจียงไท่กงนั้นไม่ได้จับปลาเพื่อเอาปลา แต่แค่ดูว่ามีปลาอยู่ในบ่อมาแค่ไหน”
ซู่เฮาเที่ยนยิ้มอย่างลึกลับและไม่ได้สนใจเรื่องนี้ต่อ เพราะมีบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆได้ เขาทำได้เพียงแค่ค่อยๆทำทุกอย่างช้าๆเท่านั้น ตราบใดที่เขาเติบโตและพัฒนามากขึ้น ฉิวบู้หยี่คนนั้นก็จะกลายเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของเขาด้วยเช่นกัน
“เจียงไท่กงนั้นไม่ได้จับปลาเพื่อเอาปลา แต่แค่ดูว่ามีปลาอยู่ในบ่อมาแค่ไหนงั้นรึ?”
ปี่กันกำลังนึกถึงคำพูดของซู่เฮาเที่ยนขณะที่เดิน แต่คิดอยู่นานก็ไม่เข้าใจ
“ผู้ที่แข็งแกร่งน่ะไม่ได้มีเพียงความสามารถที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นอัจฉริยะทางปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอีกด้วย”
เมื่อมองดูรอยยิ้มที่มั่นใจอย่างยิ่งของซู่เฮาเที่ยน มุมมองของปี่ักันที่มีต่อซู่เฮาเที่ยนก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
……..
“ฮึๆ เจ้าหนูนั่นยอดจริงๆ เขามีผู้พิทักษ์ระดับจักรพรรดิแห่งจิตวิญญาณขั้นที่ 9 อยู่เคียงข้างแบบนี้นี่เอง ไม่แปลกใจที่เขาเพิกเฉยต่อโอกาสที่ข้ามอบให้แบบนั้น ด้วยผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เป็นใครก็คงตอบแบบนี้ทั้งนั้น แม้ว่าการวางตัวของเขาจะหยิ่งผยองไปหน่อย แต่พลังส่วนตัวของเขานั้นก็ไม่ธรรมดาเลย”
“นอกจากนี้ มีข่าวลือว่าซู่เฮาเที่ยนจากตระกูลซู่ได้แข็งแกร่งขึ้นจนอยู่ในระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณปฐพีและข่าวลือว่าแฝดสามนั่นได้แปรพักตร์ไปอยู่เขาแล้ว คนๆนั้นจะต้องเป็นซู่เฮาเที่ยนแน่ๆ”
ฉิวบู้หยี่ที่กำลังนั่งอยู่ในรถม้าของเขาไม่ได้หดหู่แต่อย่างใด แต่กลับมีใบหน้าที่สดใสออกมา ในขณะเดียวกัน ความคิดของเขาก็ค่อยๆคิดอย่างถี่ถ้วน