CD บทที่ 401 Qian
“ฉันเข้าใจแล้ว!”
ระหว่างทางไปสันเขานายพล จ้าวหยู่บอกกับเหมี่ยวอิงเกี่ยวกับความคิดเห็นของเขา
“ในพระไตยปิฎก ควรมีเบาะแสเกี่ยวกับเทวรูปทองคำ! โจรปล้นสุสานจึงพยายามตามหามัน! มันน่าจะมีตำแหน่งที่แน่นอนของที่ซ่อนเทวรูป ทองคำ หรือวิธีเปิดประตูที่ถูกต้อง หรือแม้แต่วิธีแก้กับดักในสถานที่นั้น และอื่น ๆ!”
"พอเถอะ! คุณดูหนังมากเกินไป คุณคิดว่านี่คือหนังเรื่องปฏิบัติการเดือด ล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก (National Treasure) หรือไง?“เหมี่ยวอิงแย้ง”อย่างมากสุดกก็แค่บอกสถานที่เท่านั้น มันไม่ควรจะมีอะไรผิดแปลกไปจากนี้แน่นอน ดูสิ บนภูเขานี้ไม่มีแม้แต่ทางเดิน และเจ้าเมืองที่นำเทวรูปทองคำไปซ่อน คุณคิดว่าเขาจะมีทุนทรัพย์มากพอที่จะสร้างคลังสมบัติที่เต็มไปด้วยกับดักได้งั้นเหรอ?”
“เขาเป็นเพียงแค่เจ้าเมือง ไม่ใช่นายพลหรือขุนนาง ดังนั้นเขาจึงไม่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะทำแบบนั้น!” เหมี่ยวอิงกล่าว “และเขาต้องกังวลว่าความลับของเทวรูปทองคำจะถูกเปิดด้วย มันยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ จากสิ่งที่ฉันเห็นเขาเพียงมองหาสถานที่ที่ซ่อนอยู่ และฝังเทวรูปทองคำอย่างมิดชิดก็เท่านั้น”
“ถึงมันจะสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง!” จ้าวหยู่เสนอความเห็นที่แตกต่างออกไป “เมื่อโลกตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เจ้าเมืองที่มีทหารและอำนาจ ตัวเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าองค์ชายคนไหนเลย เป็นไปได้ว่าเขาสร้างห้องลับเพื่อซ่อนเทวรูปทองคำไว้ก่อนหน้านี้ และฆ่าทุกคนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมด ในละครก็เป็นอย่างนี้ตลอด”
“อย่างที่ฉันบอก คุณดูหนังมากเกินไป!” เหมี่ยวอิงกล่าวอีกครั้ง “ตามแผนที่ สันเขานายพลทั้งหมดมีความยาวแปดกิโลเมตร มีหุบเขาทั้งด้านเหนือและใต้ เราไม่รู้ว่าสมบัติอยู่ทางเหนือของภูเขาหรือทางใต้ของภูเขา ขอบเขตมันกว้างเกินไป!”
“คุณอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิ ไว้เราไปถึงก่อน ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีหนทางก็ได้” จ้าวหยู่กล่าวในแง่ดี “บางทีเราอาจจะพบเบาะแสใหม่ หากเราพบแท่นหินหรือสิ่งปลูกสร้าง เราอาจจะลดพื้นที่การค้นหาของเราลงได้!”
“อืม…” เหมี่ยวอิงดูเหมือนจะตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง “‘สันเขานายพล’ ปรากฏในพระไตยปิฎกเพียงไม่กี่ฉบับเท่านั้น และโจรปล้นสุสานก็ได้อ่านพระไตยปิฎกมามากมาย นั่นก็หมายความว่ามีเบาะแสอันอื่นที่อยู่ในพระไตยปิฎกฉบับอื่นด้วย ด้วยเบาะแสในพระไตยปิฎก พวกเขาคงจะพบเทวรูปทองคำไปแล้ว แต่ว่า…”
"ใช่!" จ้าวหยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่น่าเป็นห่วง “นี่คือสิ่งที่ฉันกังวล พวกโจรปล้นสุสานคงจะที่ภูเขาเมื่อห้าวันก่อน และพวกเขามีเบาะแสที่ละเอียดมาก ดังนั้น… ความเป็นไปได้สูงมากที่เทวรูปทองคำจะถูกเอาไปแล้ว...”
"ฉันก็คิดอย่างนั้เหมือนกัน" เหมี่ยวอิงเห็นด้วย แต่เธอยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ “แต่ไม่ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องสืบสวนต่อไป เช่นเดียวกับที่คุณพูดไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเราจะพบเพียงร่องรอยของโจรปล้นสุสาน นั่นก็ถือเป็นรางวัลเช่นกัน!”
"ถูกต้อง!" จ้าวหยู่ตบไหล่ของเหมี่ยวอิง และทั้งสองคนก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าต่อไป...
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เมื่อพวกเขาเข้าใกล้สันเขานายพล ฝนก็ตกในที่สุด โชคดีที่ทั้งสองคนนำเสื้อกันฝนมาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลว่าจะเปียก เพียงแต่อุณหภูมิได้ลดลงกะทันหันทำให้พวกเขารู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อย
ในขณะนั้น โทรศัพท์ของเหมี่ยวอิงได้รับข้อความจากจางเหยาฮุ่ย เธอไม่คิดเลยว่าข้อความจะถูกส่งมาเมื่อสองชั่วโมงก่อน ในข้อความบอกว่าเขาพยายามโทรหาเหมี่ยวอิงกับจ้าวหยู่ แต่โทรศัพท์ของพวกเขาไม่สามารถติดต่อได้ เขาจึงส่งข้อความแทน
จางเหยาฮุ่ยบอกเหมี่ยวอิงว่า จากการสืบสวนอย่างลับ ๆ พวกเขาพบข้อมูลการบินของ CAAC แถมพวกเขายังพบรายละเอียดของการประสานงานอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงค้นพบว่าเฮลิคอปเตอร์ลำเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนภูเขาได้รับการว่าติดต่อจากฝูเจียนซิงและทีมของเขาจริง ๆ
ฝูเจียนซิงและนักสืบอีกสี่คนจากสถานีโม่หยางได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปบนภูเขา และตอนนี้เฮลิคอปเตอร์ก็บินกลับมาแล้ว ขณะที่ฝูเจียนซิงและทีมของเขายังอยู่บนภูเขา หากพวกเขาตัดสินใจอยู่บนภูเขา นั่นหมายความว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นเพื่อจับกุมโจรปล้นสุสาน
เหมี่ยวอิงตรวจสอบพิกัดที่จางเหยาฮุ่ยส่งมา และพบว่าพิกัดนั้นอยู่รอบ ๆ พื้นที่ของสันเขานายพล แต่พวกเขาเข้าไปทางทิศตะวันตก ขณะที่จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงเข้ามาทางทิศตะวันออก
จางเหยาฮุ่ยส่งพิกัดของโซนลงจอดของเฮลิคอปเตอร์มา ฝูเจียนซิงและทีมของเขามาเร็วกว่าทั้งสองคนจริง ๆ พวกเขามุ่งหน้านำพวกเขาไปแล้ว!
*ซ่า ซ่า ซ่า*
ภูเขาอันห่างไกล ป่าเขียวบริสุทธิ์ สายฝนกระหน่ำ... ทิวทัศน์ดังกล่าวเหมือนกับอารมณ์ของจ้าวหยู่และเหมี่ยวอิง พวกเขาไม่รู้ว่าจะมีการค้นพบใด ๆ หลังจากนี้หรือไม่?
เนื่องจากการปรากฏของ ‘Qian’ อย่างไม่คาดฝัน จ้าวหยู่จึงมีความกังวลอีกขั้นหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าฝนบนภูเขาจะทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือไม่ ถึงแม้ฝนจะตกแต่ก็ไม่หนัก เพียงแต่ว่าเมฆที่มืดครึ้มบดบังดวงอาทิตย์และทำให้ยากต่อการก้าวไปข้างหน้า
ทั้งสองเดินไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน พื้นโคลนทำให้เดินลำบากมาก ในที่สุด หลังจากข้ามภูเขา พวกเขาก็มาถึงทางเข้าสันเขานายพล สันเขาแห่งนี้มีความสูงประมาณหนึ่งร้อยเมตร ท่ามกลางหมอก มันเหมือนกับมังกรที่กำลังหลับใหล ทั้งคดเคี้ยวและเหยียดยาว
จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงมาหลบฝนในถ้ำ เมื่อพักเหนื่อยเสร็จแล้ว พวกเขาก็เดินทางต่อไปยังหุบเขาทางใต้ของสันเขานายพล บนหุบเขามีแควน้ำจากแม่น้ำฉินไหลผ่าน แต่เนื่องจากฝนตก เสียงน้ำในลำธารจึงไหลเชี่ยวกราก
เหมี่ยวอิงยืนยันอีกครั้งว่าพวกเขาได้เข้าสู่พื้นที่เดียวกันกับที่นักโบราณคดีชราเคยประสบน้ำท่วมฉับพลันมาแล้ว ในขณะที่กระแสน้ำบนภูเขาพัดลงมา พวกเขาก็จำตำแหน่งที่แน่นอนไม่ได้ ทำได้แค่ชี้ให้เห็นบางจุดอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น
สิ่งที่จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงต้องทำคือการค้นหาตามต้นน้ำของแม่น้ำฉิน เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถเบาะแสหรือไม่ แน่นอนว่าเพื่อป้องกันการถูกน้ำท่วมซัด ทั้งสองจึงเดินไปข้างหน้าในเส้นทางที่อยู่ห่างจากกระแสน้ำ และเดินด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
พวกเขาเดินไปจนถึงห้าโมงเย็นโดยไม่พบสิ่งใดเลย ไม่มีรอยเท้าหรือเงามนุษย์ ไม่มีแม้แต่สัตว์ใด ๆ ราวกับว่าพวกเขาย้อนเวลากลับไปสู่โลกดึกดำบรรพ์
หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน ทั้งสองก็หมดแรง พวกเขาพบมุมใต้ลมที่ปลอดภัยจึงตัดสินใจตั้งเต็นท์กันตรงนี้ ในตอนแรกพวกเขาควรจะเดินหาที่แห้ง ๆ เพื่อจุดไฟ แต่เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย พวกเขาทั้งสองจึงไม่ทำอย่างนั้น
เนื่องจากข้างนอกฝนยังคงตกอยู่ หลังจากกางเต็นท์แล้ว เหมี่ยวอิงก็ไม่ได้ไล่จ้าวหยู่ออกจากเต็นท์ แต่อนุญาตให้เขาอยู่ข้างในได้ แต่สิ่งที่ทำให้เหมี่ยวอิงประหลาดใจก็คือ จ้าวหยู่ครุ่นคิดอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน และเขาไม่ได้เข้าไป แต่ไปตรงจุดแห้ง ๆ ข้างก้อนหินเพื่อวางถุงนอนของเขา
“ผู้กองเหมี่ยว ฉันคิดว่าฉันควรจะอยู่ข้างนอกแลทำมีหน้าที่เฝ้ายาม คุณนอนก่อนเถอะ พักผ่อนให้สบาย…”
แม้ว่าจ้าวหยู่จะพูดอย่างจริงใจ แต่เหมี่ยวอิงคิดว่าจ้าวหยู่กำลังเล่นตัว ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอะไรมาก
แต่ใครจะคิดว่า จ้าวหยู่ก็ยังอยู๋ข้างนอก แม้ว่าเวลาจะไปจนถึงกลางดึกแล้วก็ตาม
ฝนยังคงตกอยู่ และจ้าวหยู่ก็เอาถุงนอนคลุมร่างกายของเขา ในขณะที่เขามองเข้าไปในป่าท่ามกลางสายฝน ราวกับว่าเขากังวลเกี่ยวกับอุบัติเหตุบางอย่างที่เกิดขึ้น
แต่ในป่ามีเพียงความมืดมิด เขามองไม่เห็นหรือได้ยินอะไร นอกจากหยาดฝนที่ตกลงบนใบไม้
‘แปลก... มันเกิดอะไรขึ้น?’
จ้าวหยู่รู้ร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก
‘ตอนนี้มันเลยเที่ยงคืนแล้วนะ แต่ทำไมถึงไม่การแจ้งเตือนสิ้นสุดการผจญภัย ระบบไม่ทำงาน? ไม่มีทาง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
‘‘Qian’ มันหมายความว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย?’
‘มันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?’
แม้ว่าเขาจะสงสัยอย่างมาก แต่เขาก็ตื่นตัวถึงขีดสุด จากประสบการณ์ที่เขาพบเจอมา เขาเข้าใจว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่คาดคิดที่สุด!
แม้ว่าดูเหมือนจะสงบตามปกติ แต่จ้าวหยู่ก็สังหรณ์ใจไม่ดี เพราะเขาเชื่อว่าเหตุการณ์สำคัญจะต้องมีลางบอกเหตุบางอย่างปรากฏขึ้นก่อนเสมอ!
“จ้าวหยู่ นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” เหมี่ยวอิงเปิดไฟฉายของเธอแล้วตะโกนจากเต็นท์ว่า “นี่มันเที่ยงคืนแล้ว ถ้ายังไม่อยากหนาวตายก็เข้ามาในเต็นท์เร็วเข้า!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเหมี่ยวอิง จ้าวหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าใบหน้าของเขาสัมผัสกับอากาศเย็น และถูกแช่แข็งจนแทบจะพูดไม่ได้
‘ไม่ดีแล้ว!’
จ้าวหยู่ ตระหนักว่าถ้าเขายังคงออกไปข้างนอก ร่างกายของเขาก็จะรับความหนาวเย็นไม่ไหว เขาจึงรีบลุกขึ้นและคว้าถุงนอนแล้วเข้าไปในเต็นท์
“บรี๋อ…”
จ้าวหยู่ ตัวสั่น ขณะที่เขารีบจัดถุงนอนข้าง ๆ เหมี่ยวอิงแล้วเข้าไปข้างใน
“บอกฉันหน่อยสิว่าคุณคิดอะไรอยู่?” เหมี่ยวอิงไม่เข้าใจสถานการณ์และยังคงบ่นเกี่ยวกับจ้าวหยู่ “คุณกระตือรือร้นที่จะรักษาหน้าไว้และอยากจะทนทุกข์ทรมานเหมือนอยู่ในนรกงั้นเหรอ?
ตอนที่ฉันไม่อนุญาตให้คุณเข้ามา คุณยอมตายเพื่อที่จะเข้ามา แต่เมื่อฉันอนุญาตให้คุณเข้ามา คุณกลับปฏิเสธที่จะเข้ามา… เฮ้!”
จ้าวหยู่ปล่อยให้เหมี่ยวอิงพูดจบ ก่อนที่เขาจะดึงเหมี่ยวอิงเข้ามาในอ้อมกอดของเขาพร้อมกับถุงนอนของเธอ ฟันของเขากัดกันในขณะที่เขาตัวสั่นและพึมพำว่า
“ฉันหนาว ฉันหนาว….”
แม้ว่าจ้าวหยู่จะกอดเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ดังนั้น เหมี่ยวอิงจึงไม่ใส่ใจจ้าวหยู่ และตอนนี้พวกเขาก็ง่วงนอนแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้กอดเหมี่ยวอิงพร้อมกับเข้าสู่ห้วงนิทรา...
*ตูม!!!*
ไม่รู้ว่าทั้งสองหลับไปนานแค่ไหน จู่ ๆ พวกเขาก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงระเบิดที่ทำให้หูอื้อ!
เสียงระเบิดดังสนั่นสะเทือนโลกา แม้แต่เต็นท์ก็ยังสั่นสะท้านพร้อมกับเสียงอื้ออึง
จ้าวหยู่ตกใจ เขาได้ตื่นขึ้นทันที
เหมี่ยวอิงยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอก็ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน เธอรีบเปิดเต็นท์ทันที และออกไปกับจ้าวหยู่...