ตอนที่แล้ว1087 - ราตรีรัญจวนใจ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1089 - ต้นกำเนิดแสง

1088 - มนต์หกอักขระ 


1088 - มนต์หกอักขระ

เย่ฟ่านเข้าใจดีว่าพวกเขาหมายถึงอะไร ชายหนุ่มทั้งสองคนนี้แม้จะฝึกฝนวิชาที่เกี่ยวกับโลกีย์เช่นเดียวกับแก่นแท้ของตำหนักสราญรมย์ของอันเหมียวอี้

แต่หากมองในข้อเท็จจริงความปรารถนาแห่งมนุษย์นั้นก็มีความเกี่ยวพันกับเต๋าซึ่งก็คือธรรมชาติมากที่สุด ดังนั้นกลิ่นอายของเต๋าอันยิ่งใหญ่ในสถานที่แห่งนี้จึงทำให้พวกเขาตระหนักถึงบางอย่าง

เมื่อตระหนักได้ถึงกลิ่นอายของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งสามคนก็เริ่มตรวจค้นทุกซอกทุกมุมในวัดแห่งนี้

“แคร้ง...

ระฆังโบราณกำลังคำรามอีกครั้ง ในวัดแห่งนี้มีระฆังทองแดงขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหมื่นจิน และมันจะดังขึ้นโดยไม่มีใครตี

ทั้ง 3 คนเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก พวกเขามุงดูระฆังโบราณนี้โดยคาดคำนวณว่ามันอาจเป็นอาวุธระดับครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วก็ได้

“หากไม่ได้รับพลังแห่งพุทธะมันจะส่งเสียงดังขึ้นมาได้อย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ควรดำรงอยู่มากกว่าสองพันห้าร้อยปีได้”

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะตรวจสอบด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งแต่พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย ระฆังนี้เป็นเพียงระฆังที่สร้างขึ้นจากทองแดงทั่วไปเท่านั้น มันไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย

ในที่สุดหลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซีก็ค้นพบต้นกำเนิดของพลังแห่งเต๋าอันลึกล้ำนั้น ที่แท้มันก็มาจากพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่กลางห้องโถง

ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ตกสู่สมาธิ จมอยู่ในอาณาจักรเต๋าอันสูงส่ง และไม่สามารถหลุดพ้นจากการเสพติดได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาก็ต้องค้นหาต้นกำเนิดความลุ่มหลงนั้นให้เจอ

“แคร้ง”

เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นวัดโบราณที่งดงามก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ในห้องโถงใหญ่เอี๋ยนอี้ซีและหลี่เทียนรู้สึกประหลาดใจประหลาดใจอย่างยิ่ง หลี่เทียนรีบอุดหูของตงตงเพราะเกรงว่าเด็กน้อยคนนี้จะได้รับอันตราย

“พี่เย่เจ้ากำลังทำอะไร?”

“พี่เย่คือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งไม่แตกต่างจากอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้ว แต่การโจมตีของเขากลับไม่สามารถสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนให้กับระฆังนั้น!”

เอี๋ยนอี้ซีรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาเลิกสนใจพระพุทธรูปและหันกลับมาให้ความสนใจต่อระฆังโบราณอีกครั้งทันที

“แคร้ง...”

เย่ฟ่านกระตุ้นพลังโลหิตสีทองและกระแทกกำปั้นเข้าหาระฆังทองแดงด้วยพลังทั้งหมดที่มี เสียงระฆังที่สั่นสะเทือนออกมานั้นทำให้ดินแดนแห่งพุทธะนี้สั่นสะเทือนราวกับจะแตกออกจากโลก

“ทำลายมันซะ!”

เย่ฟ่านคำรามและต่อยอีกครั้ง แน่นอนว่าระฆังใหญ่ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้ และเมื่อระฆังทองแดงแตกออกจากกัน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ท่วมท้นก็กวาดออกไปรอบทิศทาง

“ฟุ่มเฟือยเหลือเกิน นี่คือสมบัติอันยิ่งใหญ่แห่งนิกายพุทธ เขากลับทำลายมันแบบนี้” หลี่เทียนกระทืบเท้า

อย่างไรก็ตามทันทีที่ระฆังทองแดงถูกทำลายพระพุทธรูปที่อยู่กลางห้องโถงก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองเจิดจ้า

“ถอยออกไป!”

เย่ฟ่านตะโกนพร้อมกับถือค้อนทองคำม่วงของตระกูลหวังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซีรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่งพวกเขาคว้าตัวตงตงและรีบถอยออกจากห้องโถงทันที

“โอม!”

เสียงสวดมนต์ดังขึ้นภายในห้องโถง แม้ว่าเสียงจะดังก้องอยู่ในหูของเย่ฟ่านแต่มันกลับไม่รั่วไหลออกไปข้างนอก คล้ายกับถูกกั้นด้วยกำแพงไร้สภาพแห่งหนึ่ง

เย่ฟ่านมีความโกรธแค้นต่อการจากไปของอันเหมียวอี้อยู่แต่เดิมแล้ว เมื่อได้ยินเสียงสวดมนต์นี้ค้อนทองคำม่วงในมือของเขาก็ฟาดไปที่กำแพงห้องโถงอันเก่าแก่ทันที

ปัง!

ในระยะไกลหลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซีตกตะลึง ค้อนทองคำสีม่วงคืออะไร? นั่นเป็นอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วที่ไม่สมบูรณ์ เย่ฟ่านจะใช้มันอาละวาดแบบนี้ได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เย่ฟ่านใช้ค้อนของเขาทุบตีผนังของห้องโถงด้วยความบ้าคลั่งแสงพุทธะที่ส่องสว่างออกมาจากพระพุทธรูปก็เริ่มสงบลงอย่างรวดเร็ว

เย่ฟ่านวางค้อนทองคำสีม่วงลง ก้าวไปข้างหน้าและปลดปล่อยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้ทะลวงเข้าสู่พระพุทธรูปเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่าง

“เจ้าเด็กแซ่เย่คนนี้มีวิธีการจริงๆ…”

แม้แต่คนชั่วร้ายอย่างหลี่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะยกย่องในความสามารถของเย่ฟ่าน

จากนั้นไม่นานก็มีเสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นของเย่ฟ่านดังขึ้นอย่างชัดเจน

แม้ว่าตัวเขาจะมีญาณวิเศษมากมายนับไม่ถ้วน แต่เมื่อพบกับมนต์หกอักขระแห่งนิกายพุทธเขาก็ยังเกิดความตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

มนต์อักขระนั้นประกอบด้วย โอม มะ นี บะ มี และฮุม (โอมปัญญาบารมี) สิ่งเหล่านี้สูญหายไปจากโลกร่วมกับเก้าญาณวิเศษลึกลับตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน

แม้แต่นิกายพุทธด้วยกันเองก็ยังมีวัดไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีมนต์เหล่านี้ มิหนำซ้ำยังไม่มีวัดใดที่มีพวกมันอย่างครบถ้วน แม้กระทั่งเขาพระสุเมรุก็ตาม

การเผชิญหน้ากับเสียง “โอม” ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีจริงๆ หากเขาไม่ได้ยินเสียงสวดมนต์นั้นเย่ฟ่านจะไม่มีทางค้นพบมนต์หกอักขระแน่นอน

“แบ่งให้ข้าหน่อยสิ!”

เย่ฟ่านระเบิดหมัดหกสังสารวัฏเข้าหาพระพุทธรูปโดยไม่มีความลังเล สิ่งเหล่านี้ต่อให้เขาลอกเลียนคำพูดได้ก็จะไม่ไม่สามารถแสดงพลังของมันออกมา

ดังนั้นเย่ฟ่านจึงต้องทำลายพระพุทธรูปที่อยู่กลางห้องโถงเพื่อดึงเอาแก่นแท้ของมนต์หกอักขระที่อยู่ภายในมาเป็นของตัวเอง

“โอม!”

ทันใดนั้น เสียงคำว่า “โอม” อันไม่สิ้นสุดก็ดังก้องขึ้น และในขณะเดียวกันก็มีเสียงสวดมนต์ของมหายานที่อธิบายดังอยู่ในหูของเย่ฟ่าน

“ขอถือเอาพุทธองค์เป็นสรณะ…”

เสียงศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้หลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซีซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปสูญเสียตัวตนไปชั่วขณะ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้าก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อแสดงการสักการะต่อพุทธองค์

ส่วนเย่ฟ่านที่เผชิญหน้ากับคำศักดิ์สิทธิ์ของมนต์หกอักขระเต็มๆ ก็ยากที่จะทนได้ ร่างกายของเขาปรากฏรอยแตกลุกลามไปทุกที่

นี่คือทักษะโบราณที่มุ่งเน้นการทำลายทะเลวิญญาณอย่างแท้จริง มันเป็นการบังคับให้ผู้คนหันมานับถือนิกายพุทธและยอมสยบต่อพุทธองค์โดยสมบูรณ์

“จงนอบน้อมต่อพระพุทธองค์ นับถือพุทธองค์เป็นสรณะ...” มีเสียงที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ดังก้องกังวาลอยู่ในหูเย่ฟ่านไม่หยุด

เสียงของคำว่า “โอม” กำลังเขย่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้สั่นสะเทือน ในที่สุดเย่ฟ่านก็อดไม่ได้ที่จะท่องเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ของคำว่าโอมอย่างเงียบๆ

นี่คือการล่อลวงของอำนาจศักดิ์สิทธิ์ หากเย่ฟ่านต้องการเรียนรู้มนต์นี้เขาต้องก้าวเข้าสู่ประตูแห่งนิกายพุทธ คำสาบานนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง และมันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากพุทธองค์แห่งยุคโบราณตั้งแต่เมื่อหลายล้านปีก่อน

ขณะที่เย่ฟ่านท่องคำว่าโอมไปตามเสียงที่ดังขึ้นในหู เบื้องหลังของเขาก็มีภาพธรรมของพระพุทธรูปสีทองปรากฏขึ้น แสงแห่งพุทธะสาดส่องออกไปทุกทิศทางทำให้ร่างของเขาเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้

“ช่างเป็นแสงแห่งพุทธะที่ทรงพลังเหลือเกิน สมแล้วกับที่เป็นศิษย์คนที่ห้าของพุทธองค์ แม้ว่าเขาจะตายไปหลายพันปีแล้วแต่พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งความเป็นอมตะของเขายังน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด!”

เย่ฟ่านกัดฟันและต่อต้านการล่อลวงของคำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้

“เจ้าไม่มีทางควบคุมข้าได้!” เย่ฟ่านตะโกน

ในขณะนี้เขาใช้เก้าญาณวิเศษลึกลับเพื่อเพิ่มพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสิบเท่า ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มท่องคำศักดิ์สิทธิ์โอมอีกครั้งด้วยเจตจำนงของตัวเอง

“ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะอยู่ยงคงกระพันในโลกนี้ ต่อให้พุทธองค์เสด็จมาด้วยตัวเองก็บังคับข้าให้เป็นศิษย์นิกายพุทธไม่ได้!”

เส้นผมสีดำของเย่ฟ่านโบกสะบัดอย่างดุเดือด แน่นอนว่าเขาไม่มีทางละทิ้งมนต์หกอักขระไป แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ยอมที่จะสยบต่อนิกายพุทธ

เขาคำรามเสียงดัง แต่ยังคงท่องคำว่าโอมอยู่ไม่ขาดปาก อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาภาพธรรมของพระพุทธรูปสีทองที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็สลายไปในความว่างเปล่า

จากนั้นแสงสีทองได้ก่อตัวขึ้นกลายเป็นภาพธรรมของเซียนผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่ ซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาทุกสัดส่วน

……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด