บทที่ 59 สถิติใหม่
“ท่านประธาน?”
ในขณะที่รูปปั้นหินตัวที่สามสว่าง เลขาก็มองไปที่ประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร
สถิติ… ถูกทำลายเหรอ?
ประธานเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย
บททดสอบที่สามซึ่งนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดของกองทัพนักฝึกสัตว์อสูรไม่สามารถเอาชนะได้มาเป็นเวลานาน… ได้ถูกเอาชนะในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่นักฝึกสัตว์อสูรกลุ่มนี้เข้าไปเหรอ?
เขาควรพิจารณาถึงการเพิ่มปริมาณการฝึกฝนของกองทัพนักฝึกสัตว์อสูรดีไหม?
ในขณะนี้ เหอเปียว รองผู้บัญชาการของกองทัพนักฝึกสัตว์อสูรซึ่งประจำการอยู่สถานที่แห่งนี้ก็ได้เดินออกมาจากค่ายพร้อมกับตะโกนออกมาและเดินไปหาประธานเฟิงกับคนอื่น
“เกิดอะไรขึ้น!” เขาตะโกนออกมา
“ในบรรดานักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดที่ข้าพามา มีบางคนที่เอาชนะบททดสอบที่สาม…”
“มาตรฐานกองทัพของเราจำเป็นต้องพัฒนาอย่างแท้จริง”
“บัดซ* ไร้สาระ ทำไมเจ้าไม่จ่ายเงินเพิ่มเพื่อฝึกฝนพวกเขาล่ะ!” รองผู้บัญชาการกองทัพเหอเปียวได้ตวาดออกมา
“เจ้าต้องการม้าที่ดี แต่เจ้าไม่ให้หญ้าแก่มัน เรื่องที่ดีเช่นนี้จะเป็นไปได้ยังไงกัน?”
เลขาของประธานนิ่งเงียบอยู่ด้านข้างเขา นางเคยชินกับเรื่องนี้แล้ว ทั้งสองคนเป็นสหายร่วมสาบานกัน พวกเขามีผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันในช่วงคลื่นสัตว์อสูรเมื่อสิบปีก่อนและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การที่พวกเขาพูดคุยและทะเลากันนั้นเป็นเรื่องปกติ
ประธานเฟิงเงียบลง เขาก็ต้องการจ่ายเงินเพิ่มเช่นกัน ผิงเฉิงยากจนมากไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ความผิดของเขา
“ท่านประธาน คนผู้นี้จะเป็นใครกันเหรอ? อาจเป็นหลานชายของท่าน…”
“ด่านที่สอง ยักษ์หินน้ำแข็งระดับปลุกตื่นขั้นสิบ”
“ด่านที่สาม ยักษ์เกราะน้ำแข็งระดับปลุกตื่นขั้นสิบ” ประธานเฟิงหรี่ตาลงและส่ายหัวของเขา “ข้ารู้ถึงความแข็งแกร่งของหลานชายตัวเองเป็นอย่างดี”
“เขามีพรสวรรค์ดีมาก บางทีเขาอาจผ่านได้ แต่เขาไม่ผ่านเร็วเช่นนี้อย่างแน่นอน ต้องเป็นคนอื่น”
เขาได้ฝึกฝนหลานชายของเขาก่อนจะมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีที่สุด
เลขาของประธานกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นเป็นใครล่ะ? บางทีหลานชายของท่านอาจทำได้ดีในครั้งนี้”
“เป็นไปไม่ได้ หากเป็นเขา ข้าจะกิน…”
“เจ้าจะกินอะไรเหรอ? หนอนไหมเขียวทอดงั้นเหรอ?” เหอเปียวมองเขา “จะกินข้าวฟรีอีกแล้วเหรอ?”
“ข้าจะบอกว่าข้าก็สงสัยเช่นกัน” ประธานเฟิงยืดเสื้อของเขา
อย่างไรก็ตาม… แล้วเป็นใครกันล่ะ? สามนักฝึกสัตว์อสูรที่ได้รับอันดับหนึ่งในการประเมิน หรือนักฝึกสัตว์อสูรที่ถูกแนะนำโดยศูนย์ฝึกล่ะ?
สักพักหนึ่ง ประธานเฟิงก็ไม่สามารถตัดสินได้
เขามองไปทางรูปปั้นหินด้วยสายตาอันล้ำลึก สงสัยว่ารูปปั้นหินตัวที่สี่จะสว่างหรือไม่
…
ย้อนกลับไปในซากปรักหักพัง ในมิติบททดสอบที่สาม…
ซืออวี๋หยิบหินโปร่งแสงขึ้นซึ่งมีรูปร่างคล้ายก้อนกรวดที่ยักษ์เกราะน้ำแข็งทิ้งไว้ขึ้นมาและตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
มันไม่ใช่คริสตัลพลังงานอีกต่อไป ไม่เลวเลย… แต่นี่คืออะไรกัน?
“อู๋”
อีเลฟเว่นผู้ที่อยู่ข้างเขาก็ดูสับสนเช่นกัน
สิ่งนี้… มันไม่เคยเห็นหรือเคยกินมาก่อนเลย
“โทรศัพท์ของข้าไม่สามารถเชื่อมอต่กับอินเทอร์เน็ตที่นี่ได้ ข้าตรวจสอบไม่ได้…”
“นี่…”
ซืออวี๋อารมณ์เสียเล็กน้อย
รางวัลควรจะน่าตื่นเต้น แต่สุดท้าย มันก็เป็นสิ่งที่เขาไม่รู้จัก สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สบายใจเลย
“ลืมไปเถอะ ข้าจะเก็บมันไว้ก่อน ข้าจะรู้ในไม่ช้าหลังจากที่ข้าออกไป”
ซืออวี๋วางหินโปร่งแสงลงในกระเป๋าของเขาและมองไปรอบตัว เขาสัมผัสสภาพแวดล้อมผ่านกระแสจิต
ใช่แล้ว! นอกเหนือจากมิติบททดสอบแรกที่มีการตอบสนองแล้ว ไม่มีการตอบสนองจากมิติบททดสอบที่สองและสามเลย
เขากล่าวต่อว่า…
“ทำไมเจ้าไม่นอนที่นี่สักสิบนาทีก่อนที่เราจะไปด่านต่อไปล่ะ?” ซืออวี๋มองอีเลฟเว่นและสงสัยเกี่ยวกับสภาพของมัน
ท้ายที่สุด ค้อนของยักษ์เกราะน้ำแข็งกระแทกจนอีเลฟเว่นลอยกระเด็นโดยตรง
หลังจากฟื้นฟูสู่สถานะเดิมแล้ว ด่านต่อไปจะมีอัตราความสำเร็จสูงขึ้น ถึงตอนนั้นเขาจะสามารถสืบหาความจริงของประวัติศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น
ไม่สำคัญว่าจะมีรางวัลหรือไม่ เหตุผลหลักก็คือเขาไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ถูกซ่อนไว้
“นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่เขากล่าวไว้ในด่านก่อนหน้านี้… ลืมไปเถอะ ความหมายก็คล้ายกันอยู่ดี”
“อู๋”
เพื่อไม่ให้พ่ายแพ้ในด่านต่อไป อีเลฟเว่นจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
แนวคิดของมันเรียบง่ายมาก มันอาจได้รับบาดเจ็บในระหว่างการฝึกฝนของมัน แต่ไม่ใช่ในระหว่างการต่อสู้!
นั่นจะทำให้การฝึกฝนของมันดูไร้ประโยชน์…
หลังจากนั้น อีเลฟเว่นก็หดตัวลง นอนหลับ และฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
หลังจากล่าช้ามาเล็กน้อย พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่ค่ายกลเทเลพอร์ตของบททดสอบที่สี่
…
“สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปใช่ไหม?”
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ซืออวี๋ก็ตระหนักได้ว่าเขาได้อยู่บนภูเขาลูกหนึ่งบนสภาพแวดล้อมภูเขาหิมะ
อีเลฟเว่นอยู่ข้างซืออวี๋ พวกเขามองลงไปและเห็นพายุหิมะกำลังใกล้เข้ามาจากด้านล่าง
ภายใต้การรวมตัวของธาตุน้ำแข็งนับไม่ถ้วน สัตว์อสูรรูปร่างหมาป่าก็ก่อตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า
[ชื่อ] : หมาป่าหิมะ
[คุณสมบัติ] : น้ำแข็ง
[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติชั้นสูง
[ทักษะเผ่าพันธุ์] : เขี้ยวทะลายน้ำแข็ง กรงเล็บทะลวงน้ำแข็ง ลมหายใจเยือกแข็ง พรางหิมะ
ว้าว มันคือสหายเก่า
เมื่อเห็นว่าในครั้งนี้ไม่ใช่ยักษ์หิน แต่เป็นหมาป่าหิมะ ซืออวี๋ก็รู้สึกทึ่งในทันที อีเลฟเว่นก็กระตือรือร้นที่จะลองต่อสู้
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า สีหน้าของอีเลฟเว่นและซืออวี๋ก็ย่ำแย่
แม้แต่อีเลฟเว่นผู้ที่หวังจะทดสอบผลลัพธ์ของการฝึกฝนผ่านการต่อสู้ก็ได้แสดงสีหน้าลำบากใจ
เนื่องจากในตอนแรกของการรวมตัวธาตุน้ำแข็งนั้นมีหมาป่าหิมะปรากฎออกมาเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ในเวลาต่อมา หมาป่าหิมะอีกเก้าตัวก็ก่อตัวขึ้น
ทันใดนั้น หมูป่าเขี้ยวน้ำแข็งเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติชั้นกลางสิบตัวก็ปรากฎออกมา
จากนั้น อสูรเกราะน้ำแข็งสิบตัว อสรพิษเกล็ดน้ำแข็งสิบตัว และวานรหิมะสิบตัวก็ได้ปรากฎออกมา!
ภูเขาหิมะที่ซืออวี๋อยู่ในครั้งนี้ใหญ่มาก สัตว์อสูรทุกตัวกระจายอยู่ทุกหนแห่ง แต่ซืออวี๋และอีเลฟเว่นสามารถเห็นทุกอย่างบนภูเขาหิมะได้อย่างชัดเจน
มีสัตว์อสูรถึง 50 ตัว!
อย่าบอกนะว่าด่านที่สี่ก็คือการเอาชนะสัตว์อสูรทุกตัวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา…
ซืออวี๋ : ◐ˍ◑
สถานที่แห่งนี้เป็นพวกขี้แพ้เหรอ? คลื่นสัตว์อสูรที่ไม่ยุติธรรมนี้คืออะไรกัน?
อีเลฟเว่น :◐_◑
อีเลฟเว่นรู้สึกกดดันมากเช่นกัน
หากด่านที่สี่เป็นเช่นนี้แล้ว มันจะต่อสู้กับด่านที่ห้าได้ยังไงกัน?
โชคดีที่แตกต่างจากสามด่านแรก ความสนใจของเหล่าสัตว์อสูรดุร้ายเหล่านี้ยังไม่ได้อยู่ที่ซืออวี๋และคนื่นในขณะนี้
พวกเขามีเวลาในการพัฒนากลยุทธ์และคิดว่าจะผ่านด้านยังไง
“ข้าคำนวณผิด!!!” ซืออวี๋เต็มไปด้วยความเกลียดชังในขณะที่เขายืนอยู่บนยอดเขาหิมะ
เขาสังเกตอย่างระมัดระวังและค้นพบเรื่องน่ายินดี ระดับการเติบโตของสัตว์อสูรดุร้ายเหล่านี้ดูราวกับไม่สูงมากนัก พวกมันไม่ถึงระดับปลุกตื่นขั้นสิบเลย
แต่ถึงกระนั้น ความยากก็เกินกว่าด่านก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ซืออวี๋เกลียดมัน ทำไมเขาถึงไม่สอนการปราบปรามให้ถึงขั้นชำนาญก่อนหน้านี้กัน?
มิฉะนั้น ในเวลานี้ การปราบปรามขั้นชำนาญของอีเลฟเว่นอาจเอาชนะสัตว์อสูรดุร้าย 50 ตัวได้ในทันที
หากเป็นการทวีคูณขั้นชำนาญก็อาจไม่เป็นไร เนื่องจากเมื่อถึงเวลา อีเลฟเว่นผู้ที่สูงหลายสิบเมตรก็สามารถกระทืบพวกมันได้
ต่างจากในตอนนี้ ไม่มีถูกหรือผิดในการต่อสู้…
“ทำไมเราถึงไม่ออกไปและพัฒนาอีกครึ่งเดือนก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งล่ะ?” ซืออวี๋แนะนำ
“(っ`- ́c) อู๋!”
อีเลฟเว่นก้าวไปข้างหน้า
ไม่สิ มันอยู่ที่นี่แล้ว มันจะลองดูก่อนกลับออกไป
อสูรกินเหล็กไร้ความหวาดกลัว!
“เจ้าต้องการต่อสู้งั้นเหรอ?”
ไม่ใช่ว่าซืออวี๋รู้สึกว่ามันไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมัน แม้ว่ามันจะผ่านไปได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากมาก
“จำนวนของพวกมันมีเยอะมาก แม้ว่าพวกมันจะโจมตีร่วมกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะร่วมมือกัน”
“ร่างกายของเจ้าควรเคลือบแข็งอย่างต่อเนื่อง พวกมันไม่สามารถทำลายการป้องกันของเจ้าได้ ความท้าทายก็คือพละกำลังของเจ้า”
“ในด้านนี้ เจ้ามีการหลับลึกและความสามารถในการหดตัวเพื่อรับมือกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีหวังในการผ่านบททดสอบนี้เลย”
ซืออวี๋วิเคราะห์อย่างสงบและกล่าวว่า “อยากลองดูไหม?”
อีเลฟเว่นพยักหน้า
ในไม่ช้า อีเลฟเว่นก็เล่นสกีลงมาจากภูเขา (กลิ้งเหมือนลูกบอล)
“อู๋!!!”
นี่เป็นการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงชีวิต นี่เป็นการต่อสู้ที่ค่อนข้างน่าเศร้าไม่ว่าจะมองยังไง มันจะสังหารพวกมันด้วยบอลรถถังโลหะก่อนเลย
…
ในโลกภายนอก
ผ่านมานานแล้วนับตั้งแต่ที่รูปปั้นหินตัวที่สามสว่าง
ในตอนนี้ มีคนออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
ในซากปรักหักพัง ตราบใดที่นักฝึกสัตว์อสูรนำสัตว์อสูรกลับเข้าไปในมิติฝึกสัตว์อสูรและยืนยัน ‘ออก’ ในใจของพวกเขา พวกเขาก็สามารถกลับมาได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ ตราบใดที่นักฝึกสัตว์อสูรไม่แส่หาความตายมากเกินไปก็จะไม่มีอันตรายเลย
“เฉินไค… ดะ… ด่านแรก”
หลังจากออกมา เหล่านักฝึกสัตว์อสูรก็ต้องตอบคำถามของเหล่าทหารและลงทะเบียนผลการต่อสู้ของพวกเขา
เฉินไคผู้ที่เป็นนักเรียนชั้นนำรู้สึกอึดอัดมาก
เขาผ่านแค่ด่านเดียวเท่านั้น!!!
คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันผ่านเพียงแค่ด่านเดียว
ยักษ์หินน้ำแข็งในด่านที่สองนั้นรับมือได้ยากมาก นับประสาอะไรกับด่านที่สาม
เมื่อคิดดูแล้ว นั่นก็สมเหตุสมผล มิติซากปรักหักพังอาจถูกใช้โดยเผ่านักฝึกสัตว์อสูรที่ทรงพลังซึ่งสามารถผนึกสัตว์อสูรเช่นมังกรเพื่อให้สมาชิกรุ่นเยาว์ในเผ่าของพวกเขาฝึกฝน
ในด้านของความยาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่านได้อย่างง่ายดายแน่นอน ไม่ว่ายังไง เขตผิงเฉิงก็เป็นเพียงเมืองชั้นสาม
“ไวท์สโตน ด่านที่สอง”
“เฉียวเหลียง ด่านที่สอง”
“เจียงรุ่ย ด่านที่สอง…”
คนเหล่านี้ได้เอาชนะยักษ์หินน้ำแข็งระดับปลุกตื่นขั้นสิบได้ทุกคน แต่ก็ถูกยักษ์เกราะน้ำแข็งทุบตี
เดิมทีแล้ว เมื่อทุกคนมีผลลัพธ์การต่อสู้นี้ก็ไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนที่ออกมาตระหนักได้ว่ารูปปั้นหินตัวที่สามสว่าง จิตใจของพวกเขาก็ว่างเปล่าในทันใด
“บัดซ* มีคนเอาชนะยักษ์เกราะน้ำแข็งได้จริงเหรอ?”
รูปปั้นยักษ์หินตัวที่สามสว่างซึ่งหมายความว่ามีคนผ่านด่านที่สามได้แล้ว
“อืมม ใครผ่านด่านที่สามเหรอ?”
นักฝึกสัตว์อสูรผู้หนึ่งได้เอ่ยถามทหารที่ลงทะเบียนเขา
ทหารได้ชำเลืองมองเขาและส่ายหัว “ข้าจะรู้ได้ยังไงกัน? เขายังไม่ออกมาเลย”
“รูปปั้นหินตัวที่สามสว่างเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน คนผู้นั้นคงกำลังท้าทายด่านที่สี่ในตอนนี้ใช่ไหม?”
“บัดซ*...” เหล่านักฝึกสัตว์อสูรที่ออกมาพร้อมกันส่งเสียงฮือฮา มีคนเอาชนะยักษ์เกราะน้ำแข็งได้เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนแล้วเหรอ? คนผู้นี้ เขาเป็นมนุษย์จริงเหรอ?
เหล่านักฝึกสัตว์อสูรออกมาทีละคน จากนั้น แม้แต่สองคนที่ได้รับอันดับหนึ่งในการประเมินก็ออกมาเช่นกัน
พวกเขาก็ผ่านด่านที่สามไม่ได้เช่นกัน เรื่องนี้ทำให้ประธานเฟิง เหอเปียว และคนอื่นที่รอคอยอยู่ผิดหวัง
“เฉิงกง ด่านที่สาม”
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เมื่อนักฝึกสัตว์อสูรคนหนึ่งที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนักออกมา เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันทีเมื่อเขาลงทะเบียน
“เจ้าผ่านด่านที่สามเหรอ?” ทหารผู้ที่ลงทะเบียนมองไปที่นักฝึกสัตว์อสูรที่มีซีดหน้าซีดเซียวตรงหน้าเขาและเอ่ยถาม
“อืม” เฉิงกงมองไปที่รูปปั้นหินตัวที่สามซึ่งสว่าง เช่นเดียวกับสายตาที่ตกตะลึงของผู้คนรอบข้าง และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจในทันที
แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ในด่านที่สี่ แต่อย่างน้อยเขาก็ทำลายสถิติได้!!!
เขาไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสเฟิงอับอายใช่ไหม?! เขามองหาประธานเฟิง
“น้องชาย เจ้าสุดยอดมาก!” ทหารอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้แก่เขาและกล่าวว่า “เจ้าผ่านสามด่านในสิบนาที น่าประทับใจมาก”
“แต่ทำไมถึงใช้เวลานานกวก่าที่จะออกมาล่ะ? ด่านที่สี่ยากมากเลยใช่ไหม? เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ด่านที่สี่มีอะไรเหรอ?”
“ด่านที่สี่… ไม่ใช่สิ่งที่นักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดจะผ่านได้เลย” เฉิงกงอดไม่ได้ที่จะบ่น แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาผ่านบททดสอบที่สามในสิบนาทีตอนไหนกัน? บททดสอบที่สามใช้เวลานานอย่างเห็นได้ชัด…
เขาค่อนข้างสับสน ในขณะนี้… รูปปั้นหินตัวที่สี่ก็ได้สว่างพร้อมกับเสียงฮึม
ทุกคนหันหัวด้วยความสับสน พวกเขาตกใจในตอนแรก จากนั้นก็ตกตะลึง
“รูปปั้นหินตัวที่สี่สว่างเช่นกัน!”
ทุกคนรู้ดีว่านี่หมายความว่าอะไร
ที่นอกค่าย ประธานเฟิงก็ตกตะลึงเช่นกัน ด่านที่สี่… ถูกผ่านได้จริงเหรอ?? เขารู้แล้วว่าเป็นใคร
หลินฮงเป็นโจรเฒ่า เกิดอะไรขึ้นกับซืออวี๋ผู้นี้กัน???
ในเวลาเดียวกันกับที่เลขาของประธานและรองผู้บัญชาการกองทหารตกตะลึง พวกเขามองไปที่จุดลงทะเบียนใกล้เวที… ไม่ใช่หลานชายของประธานเฟิงจริงเหรอ?
ในขณะเดียวกัน
ในตอนนี้ นักเรียนชั้นนำเพียงคนเดียวในเมืองผู้ที่เห็นความยากของด่านที่สี่ เฉินกงก็รู้สึกสับสน
“นี่… เป็นไปได้ยังไงกัน? มีคนผ่านบททดสอบที่สี่ได้ยังไงกัน…? หนึ่งปะทะห้าสิบ”
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน