บทที่ 581: พวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว
“ข้าไม่เป็นไร ข้าแค่เหนื่อย เดี๋ยวพักสักหน่อยก็หายแล้ว” หลงหลิงเอ๋อยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นเพื่อให้หยินชางกับภูตหญิงที่บาดเจ็บหายกังวล
ในไม่ช้า บาดแผลของหญิงสาวก็หายสนิท จากนั้นนางจึงลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับเพื่อขอบคุณคนเป็นหมอผี
“ขอบคุณแม่หมอ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน วันนี้ข้าอาจจะตายไปแล้วก็ได้ คนร้าย 2 คนนั้นน่ารังเกียจมาก พวกท่านจะต้องจับมันให้ได้นะ”
“ท่านไม่ต้องห่วง หากพวกเราจับ 2 คนนั้นได้ เราจะพามันไปหาท่านหัวหน้าเผ่าเพื่อให้เขาลงโทษพวกมัน”
หลงหลิงเอ๋อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดปลอบให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“ท่านรีบกลับบ้านเถอะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำของหมอผีตัวน้อยและขอโทษเรื่องที่ตนมารบกวนนางอีกครั้ง แล้วหันหลังเดินออกไปในเส้นทางที่มีคนพลุกพล่าน
เด็กทั้ง 2 ยืนรออยู่พักใหญ่ แต่ภูตผู้คุ้มกันอีก 6 คนที่ออกไปตามหาคนร้ายก็ยังไม่กลับมา
“แม่หมอ นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว ข้าว่าให้พวกเราพาท่านกลับไปส่งที่บ้านก่อนดีกว่า” ภูตทั้ง 2 ที่คอยคุ้มกันผู้เป็นหมอผีเอ่ยขึ้น
“ก็ได้” หลงหลิงเอ๋อกังวลว่าแม่ของนางจะเป็นห่วงหากนางกลับถึงบ้านช้า ดังนั้นนางจึงพยักหน้าเห็นด้วย
ไม่นานพวกเขาทั้ง 4 ก็พากันเดินไปยังทิศทางที่บ้านของหมอผีตั้งอยู่ แต่เมื่อทุกคนเดินไปถึงทางแยก ก็มีภูตท่าทางแปลก ๆ หลายคนปรากฏตัวขึ้นมาขวางเส้นทางที่พวกเขากำลังจะผ่านไป
หยินชางสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเคร่งเครียดขึ้น
“พวกเจ้าคือภูตเผ่าไป๋ผีงั้นหรือ?”
“ไอ้หนู เจ้าค่อนข้างฉลาดนะ เพียงแค่เจอกันก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าพวกข้าเป็นใคร” 1 ในภูตเผ่าไป๋ผีพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวด้วยท่าทีคุกคาม
“เจ้ารีบไปหาหัวหน้าเผ่ากับเราเร็วเข้า อย่าขัดขืน ไม่เช่นนั้นข้าไม่รับประกันความปลอดภัยของเด็กผู้หญิงคนนี้”
ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามพูดจบ สายตาของหยินชางก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ในขณะที่เขาตะคอกด้วยความโกรธ “เจ้ากล้ารึ?!”
ภูตผู้คุ้มกันทั้ง 2 ที่ได้ยินคำพูดของภูตเผ่าไป๋ผีก็แสดงท่าทีโกรธเช่นกัน
“พวกเจ้าบังอาจนัก! ถึงขนาดคิดจะทำร้ายหมอผี พวกเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
“หลบไป! ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือน!”
เมื่อภูตเผ่าไป๋ผีที่เป็นผู้นำกลุ่มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ตอนนี้เจ้ามีกันอยู่แค่ 2 คน ส่วนพวกข้ามี 6 คน ใครกันแน่ที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่”
แม้ว่าพวกภูตเผ่าไป๋ผีจะไม่ได้กินอาหารจนอิ่มท้อง แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าภูตทั่วไปมาก เพราะพวกเขาเคยดื่มเลือดของภูตอสูร ซึ่งมันก็มากเกินพอแล้วที่ทั้ง 6 คนจะเอาชนะภูตเผ่าเยว่หู 2 คนนี้
การแสดงออกบนใบหน้าของผู้คุ้มกันเปลี่ยนไปในทันที เขารีบก้มศีรษะลงก่อนจะกระซิบพูดกับพวกหลงหลิงเอ๋อเสียงเบา
“แม่หมอ หยินชาง ข้า 2 คนจะหยุดพวกมันไว้ พวกท่านรีบวิ่งกลับบ้านไปซะ แล้วอย่าหันหลังกลับมา”
เขา 2 คนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น พวกเขาไม่เหมือนกับภูตมังกรที่สามารถต่อสู้กับศัตรูได้ทีละหลาย ๆ คน
“อืม” เด็กทั้ง 2 พยักหน้าอย่างไม่ลังเล จากนั้นพวกเขาก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปช้า ๆ
หยินชางเขยิบตัวขึ้นมายืนบังหลงหลิงเอ๋อไว้ พลางพยายามคิดหาหนทางที่จะซื้อเวลาให้มากที่สุดเพื่อให้นางหลบหนีได้สำเร็จ
“พวกเจ้ามันรนหาที่ตาย!” ภูตผู้คุ้มกันคนหนึ่งคำรามเสียงดัง ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบวิ่งออกไปพร้อมกัน แล้วกระแทกไปที่ภูตเผ่าไป๋ผี 2 คนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดให้กระเด็นออกไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลงหลิงเอ๋อกับหยินชางก็หันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย
“พวกมันกำลังจะหนีไปแล้ว!” ภูตเผ่าไป๋ผีคนหนึ่งที่สังเกตเห็นการกระทำของทั้ง 2 ตะโกนขึ้นเสียงดัง
นั่นทำให้กลุ่มของภูตเผ่าไป๋ผีแยกออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อไล่ตามเป้าหมายไป
“หยุดนะ!” เมื่อชายผู้คุ้มกันหมอผีเห็นการเคลื่อนไหวของศัตรู พวกเขาก็เริ่มวิตกกังวล ทำให้ทั้งคู่เสียสมาธิในการต่อสู้ พวกเขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนหมดสติไป
จากนั้นภูตเผ่าไป๋ผีที่เหลือก็รีบไล่ตามเด็กทั้ง 2 ไปทันที
“เจ้าหนู! หยุดวิ่งเถอะ ถ้าพวกเจ้ายังขัดขืนต่อไป ข้าจะไม่ใจดีด้วยแล้วนะ!”
“พวกเรามาที่นี่เพื่อพาตัวพวกเจ้าไปดี ๆ ไม่ได้จะฆ่าสักหน่อย ทำไมพวกเจ้าต้องวิ่งหนีพวกข้าด้วย!?”
ภูตเผ่าไป๋ผีตะโกนไล่หลังเด็กด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเป็นมิตร
แต่หยินชางจะไม่สังเกตเห็นมันได้อย่างไรว่าตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามจ้องมองพวกตนราวกับนักล่ากำลังมองเหยื่อ และใบหน้าที่น่าเกลียดของพวกมันก็เต็มไปด้วยความหิวกระหาย
ทางฝั่งภูตที่ไล่ตามอยู่เห็นว่าไม่สามารถโน้มน้าวเด็กหนุ่มได้ พวกเขาก็หมดความอดทนเช่นกัน ชายที่เป็นผู้นำจึงสั่งคนในกลุ่มทันที
“จับพวกมันเร็ว! อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้ ไม่งั้นพวกเราอาจจะถูกภูตมังกรคนนั้นจับได้เสียก่อน!”
เหล่าภูตเผ่าไป๋ผีต่างก็วิ่งกันอย่างดุเดือดด้วยขาทั้ง 4 ของตน หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่ารูปร่างของแต่ละคนดูเทอะทะจนทำให้คิดว่าพวกเขาอาจจะเคลื่อนไหวได้ไม่ว่องไวมากนัก แต่ความจริงแล้วความเร็วในการวิ่งของทุกคนไม่ได้ช้าเลย
เผ่าพันธุ์ของพวกเขาจัดได้ว่าเป็น 1 ในเผ่าพันธุ์ที่มีพละกำลังสูงมาก
เมื่อเทียบกับความเร็วของภูตที่โตเต็มวัยแล้ว หลงหลิงเอ๋อกับหยินชางยังถือว่าด้อยกว่าหลายขุม
ในชั่วพริบตา กรงเล็บอันแหลมคมของภูตคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของเด็กทั้ง 2
เมื่อหยินชางเห็นว่าแขนของหลงหลิงเอ๋อกำลังจะโดนกรงเล็บตวัดเข้าใส่ ใบหน้าของเขาก็ถอดสีก่อนจะรีบวิ่งเอาตัวไปบังอีกคนไว้
ฉัวะ!
เสียงของเนื้อที่ถูกเฉือนดังขึ้นอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยเสียงโอดครวญที่ฟังดูเจ็บปวดมากของเด็กหนุ่ม หลังจากนั้นเขาก็ถูกศัตรูกระแทกลงกับพื้นด้วยแรงมหาศาลจนทำให้เขากลิ้งไปไกลหลายตลบ
ในที่สุดภูตเผ่าไป๋ผีก็ตามเป้าหมายทัน ซึ่ง 1 ในนั้นกำลังยกตัวหยินชางขึ้นมาจากพื้นได้อย่างง่ายดาย
“หยินชาง!!” เมื่อหลงหลิงเอ๋อพบว่าเด็กหนุ่มถูกทำร้าย นางจึงหันหลังเพื่อกลับไปดูคนตัวโตกว่า แต่ขณะเดียวกันนั้นเองก็มีภูตชายคนหนึ่งอ้อมมาทางด้านหลังแล้วใช้สันมือฟาดเข้าไปที่ต้นคอของนางเต็มแรง เป็นผลให้ร่างกายของหมอผีตัวน้อยเดินซวนเซก่อนจะหมดสติไป
ส่วนภูตเผ่าไป๋ผีอีกคนที่จับหยินชางไว้ก็ทำให้เขาสลบไปเช่นกัน
จากนั้นพวกเขาก็หยุดยืนหอบเหนื่อยจากการที่วิ่งไล่ตามเด็ก 2 คนนี้อย่างเต็มกำลัง
“ให้ตายเถอะ! หิวก็หิว แถมยังต้องมาทำงานอันตรายแบบนี้อีก”
“โชคดีที่จับเจ้าตัวเล็ก 2 คนนี้ได้ ฮ่า ๆๆ ในที่สุดพวกเราก็ทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จแล้ว”
“เอาล่ะ พวกเจ้าหยุดบ่นได้แล้ว พาพวกมันกลับไปหาหัวหน้าเร็ว”
พอคนที่เหลือได้ยินคำพูดของชายที่เป็นผู้นำของกลุ่ม พวกเขาจึงรีบพากันเดินจากไปโดยมีหลงหลิงเอ๋อและหยินชางที่หมดสติอยู่บนบ่าของตน
ในระหว่างทางกลับ เหล่าภูตเผ่าไป๋ผียังต้องทำความสะอาดเลือดที่หยดออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่ม เพื่อไม่ให้พวกเขาถูกค้นพบเมื่อมีคนมาตามหาเด็ก 2 คนนี้
ไม่นานร่างของภูตเผ่าไป๋ผีทั้ง 6 ก็ค่อย ๆ หายไปจากถนน
ส่วนภูตร่างกำยำ 2 คนที่สลบไปแล้วก็ถูกโยนเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง
เพียงแต่ว่าภูตเผ่าไป๋ผีเหล่านั้นไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีลูกท้อ 2 ผลหล่นจากเสื้อของหยินชางแล้วกลิ้งลงไปในพงหญ้าพร้อมกับร่างของผู้คุ้มกันเนื่องจากพวกเขามัวแต่จะรีบกลับไปบอกข่าวดีแก่ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าของตน
…
“ท่านหัวหน้า! พวกคนที่ออกไปจับเด็กกลับมาแล้ว พวกเขาพาทั้งหมอผีกับหยินชางกลับมาสำเร็จ!”
หยินซางที่กำลังพักผ่อนสายตาอยู่ เมื่อเขาได้ยินเสียงตื่นเต้นของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เขาก็ลืมตาขึ้นทันที
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วมองไปทางลูกน้องที่ตะโกนบอก
“ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ? พวกเขาจับเด็กมาได้จริง ๆ หรือ?”
เขาคิดว่าตัวเองจะต้องรออีกนานกว่าจะได้ตัวเด็ก 2 คนนั้นมา เขาไม่ได้คาดหวังว่าลิ่วล้อของตนจะลงมือได้เร็วขนาดนี้
“จริง ๆ นะท่านหัวหน้า!” ใบหน้าของภูตผู้ใต้บังคับบัญชาที่กลับมารายงานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ข้าเพิ่งเห็นด้วยตาของตัวเองว่าพวกเขาจับหมอผีกับหยินชางกลับมา”
“แล้วพวกเขาจับ 2 คนนั้นมาได้ยังไง พวกมันบาดเจ็บหรือไม่?” หยินซางที่กำลังตื่นเต้นดีใจเอ่ยถามขึ้นอย่างเร่งรีบ
“พวกเขาบอกว่าตีพวกมันให้สลบแล้วก็จับกลับมา เพราะเด็ก 2 คนนั้นไม่ยอมเชื่อฟังพวกเขาสักที หมอผีไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มีเพียงแค่หยินชางที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”
เมื่อหัวหน้าเผ่าได้ยินสิ่งที่ลูกน้องพูด ดวงตาสีดำสนิทก็ฉายแววแห่งความสุขที่ไม่สามารถระงับได้เลย
ตอนที่เขาได้ยินว่าหยินชางได้รับบาดเจ็บ เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด
“แค่หมอผีไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว หากเรามีหมอผีอยู่ด้วย ถึงเจ้าหยินชางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เราก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไรอีก”
ชายหนุ่มจำได้ว่าหยินเสวี่ยบอกว่าหมอผีกับหยินชางสนิทกันมาก ดังนั้นเด็กหญิงตัวเล็กจะไม่มีทางปล่อยให้เด็กนั่นต้องทนเจ็บอยู่นานอย่างแน่นอน
เพียงเท่านี้เขาก็จะมีเลือดของภูตอสูรให้ได้ใช้ตลอดเวลา
ในเมื่อเจ้าเด็กนั่นก็บาดเจ็บไปแล้ว ฉะนั้นข้าจะให้เลือดเสียไปโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่หยดเดียวไม่ได้!
แสงแห่งความละโมบฉายขึ้นในแววตาของหยินซาง แล้วเขาก็พูดขึ้นทันทีว่า
“ตอนนี้ 2 คนนั้นอยู่ที่ไหน พาข้าไปดูหน่อย”
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ลิ้มรสเลือดสด ๆ ของภูตอสูร
มันต้องวิเศษมากแน่ ๆ !
“พวกเขา…”
ในขณะที่ลูกน้องของเขากำลังจะพูด จู่ ๆ ก็มีภูตเผ่าไป๋ผีอีกคนที่ดูตื่นตกใจวิ่งเข้ามาจากระยะไกล ก่อนที่ภูตคนนั้นจะตะโกนออกมาเสียงดังว่า
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ท่านหัวหน้า! ภูตของเผ่าเยว่หูพากันมาล้อมพวกเราไว้หมดแล้ว!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ไม่น้าาาาา เสร็จมันจนได้ หยินชางคือปกป้องหลิงเอ๋อสุดชีวิตจริง ; - ;